ตั้งแต่บ่อนพนันในหมู่บ้านเปิด เฉินผิงอันก็มีเพียงสองที่ในชีวิตที่จะไปคือบ้านและบ่อน!
ที่ดินของครอบครัวที่ปล่อยเช่ายังมีรายได้ดี แต่พื้นที่อีกสองไร่กว่า ๆ ที่เหลือนั้นปกคลุมไปด้วยวัชพืช!
เนื่องจากเขาได้รับค่าเช่าที่ดินทุกปี ดังนั้นเฉินผิงอันไม่ได้จริงจังหรือใส่ใจกับพื้นที่ที่เหลือมากนัก ส่งผลให้พื้นที่สองไร่กว่านั้นถูกทิ้งให้รกร้างและไม่มีอะไรเลย! หลินชวนฮวาเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นค่าเช่าทั้งหมดที่ได้มาก็ตกอยู่ในกำมือของนาง มีเพียงอาหารที่เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างอื่นที่เหลือถูกจัดการโดยนางทั้งหมด
แต่หลินชวนฮวาก็ยังพยายามจัดการปันส่วนอาหารที่เหลือได้อย่างลงตัว! ที่ผ่านมาเฉินเถียนเถียนมัวยุ่งอยู่กับการออกล่าและเก็บอาหารต่าง ๆ ไว้สำหรับตนเอง แต่หลินชวนฮวาก็ไม่ได้ใส่ใจนางมากนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังรับประทานอาหารเสร็จ เฉินผิงอันจึงออกเดินทางไปบ่อนตามปกติ
เช่นเดียวกันกับหลินชวนฮวา เมื่อกินเสร็จ นางนำอาหารไปให้เฉินเฉิงเยี่ยก่อนจะกลับออกมาและแต่งตัวสวยอีกครั้ง
แม้เฉินเฉินจะรู้สึกหิวมาก แต่เนื่องจากเขาต้องไปเรียนหนังสือ จึงทำให้ตื่นเต้นจนลืมความหิว!
เฉินเฉิงเยี่ยคิดว่าเฉินเฉินต้องขอให้เขาสอนหนังสืออย่างแน่นอนจึงยกยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัวและกำลังคิดว่าจะจัดการกับเด็กน้อยผู้นี้อย่างไรดี
แต่ใครจะคิดว่าเฉินเฉินจะรีบอาบน้ำแต่งตัวพร้อมถือหนังสือเดินออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว แม้เฉินเฉิงเยี่ยจะอยากรู้มากว่าเด็กน้อยคนนี้จะไปไหน แต่เขาก็ไม่อยากออกจากบ้าน เนื่องจากชาวบ้านยังคงพูดถึงเรื่องของเขาจนหนาหูและเขาไม่อยากได้ยินสิ่งเหล่านั้น
ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าเด็กน้อยจะไปเรียนที่ไหน แต่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของปีหน้า จะมีการสอบวัดในระดับมณฑลและระดับภาค เฉินเฉิงเยี่ยผ่านการทดสอบระดับมณฑลไปอย่างง่ายได้ แต่ต้องหยุดสอบในระดับภาค ดังนั้นในปีหน้าเขาจึงอยากลงสอบอีกครั้ง!
เฉินเฉินเดินออกมานอกบ้านและเฉินเถียนเถียนก็ตามหลังเขาไป แม้ว่านางยังนอนไม่เต็มอิ่มแต่เพราะนางได้ตกลงกับเขาไว้แล้วจึงต้องรักษาคำพูด!
เฉินเถียนเถียนนั่งลงข้างลำธารและเปิดหนังสือ หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างทรุดโทรมและมีรอยหมึกเปรอะเปื้อน แสดงว่าเฉินเฉิงเยี่ยไม่ได้สนใจมันมากนัก!
แต่ตัวหนังสือข้างในยังชัดเจน ตัวหนังสือพวกนี้เป็นอักษรจีนโบราณที่เฉินเถียนเถียนเคยร่ำเรียนมาจากคุณปู่ในยุคปัจจุบันและเนื้อหาก็เหมือนกับของซานจื้อจิงอย่างไม่ผิดเพี้ยน!
“ธรรมชาติโดยกำเนิดของมนุษย์…”
เฉินเถียนเถียนเปิดหนังสือและเริ่มสอนเฉินเฉินอ่านทีละคำ จากนั้นจึงวาดพื้นดินด้วยกิ่งไม้เพื่อสอนวิธีการเขียน!
เมื่อเจอประโยคที่เข้าใจยาก เฉินเถียนเถียนต้องอธิบายด้วยความอดทน ซึ่งวิธีของนางแตกต่างจากที่ขุนนางสอน แม้จะไม่ได้มีเรื่องราวอะไรให้ยกตัวอย่างมากมายนักแต่ก็ใช้สิ่งที่เล่าสืบต่อกันมาอธิบายให้เขาฟัง!
เฉินเฉินชอบมากและก็รู้สึกตื่นเต้นกับมัน!
แค่เพียงวันเดียวเขาเรียนไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบคำ!
ในที่สุดเฉินเถียนเถียนก็ตระหนักได้ว่า หากสอนมากเกินไปอาจทำให้เขาไม่สามารถจำได้… ดังนั้นนางจึงหยุดก่อน
หลังจากสอนเสร็จแล้ว เฉินเถียนเถียนก็สั่งให้น้องชายฝึกเขียนด้วยกิ่งไม้ที่บ้านและนางก็รีบเตรียมตัวเข้าเมือง
‘ไม่เคยไปแต่ไม่กลัว! ท้ายที่สุดข้าไม่ใช่เพียงหญิงชาวบ้านผู้อ่อนแอ แต่เป็นตำรวจหญิงเฉินเถียนเถียน!’
ก่อนหน้านี้ หยุนเคอมอบก้วนทองแดงให้นางสองเหรียญเพื่อใช้จ่าย และก้วนแผ่นทองแดงเหล่านั้นก็มีประโยชน์จริง ๆ เฉินเถียนเถียนใช้มันเพื่อแลกกับการขึ้นเกวียน!
คนขับเกวียนก็เป็นชาวบ้านเทพธิดาเช่นกัน คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้นามสกุลเฉินและพวกเขาก็มีญาติอยู่ทั่วสารทิศ!
ตัวอย่างเช่นชายชราผู้ขับเกวียน เฉินเถียนเถียนเรียกเขาว่าลุง!
เด็กหญิงก้มหน้าแล้วเรียกลุงด้วยน้ำเสียงประหม่าเบา ๆ ชายชราอารมณ์ดีจึงขับเกวียนเข้าเมือง
แม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่นางก็ย้ำเตือนกับตนเองตลอดว่าอย่าไปเพ่นพ่านที่ไหน จงไปตามที่นัดหมายหยุนเคอไว้และเมื่อเสร็จธุระให้รีบกลับทันที!
เฉินเถียนเถียนพยายามกักเก็บความประหม่าที่ต้องเจอคนแปลกหน้าอย่างใจเย็น ในยุคนี้ยังมีคนใจดีอีกมากและคงไม่มีใครดุร้ายไปกว่าหลินชวนฮวา!
หลังจากเข้าไปในเมืองได้ไม่นาน หยุนเคอก็ปรากฏตัวขึ้น!
เฉินเทียนเถียนตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ และในที่สุดก็หยุดในตรอกแห่งหนึ่ง จากนั้นนางจึงลากหมีออกจากเถาเป่า
สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในเถาเป่านั้นสดใหม่เสมอ แม้เสี่ยวเถาจะตั้งตารอที่จะขายหมีป่าตัวนี้ แต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้เมื่อรู้ว่าเถียนเถียนมีสิทธิ์ครอบครองเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!
หยุนเค่อไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาอุ้มหมีเดินไปที่ประตูหลังของบ้านหลังหนึ่งในตรอกแล้วเริ่มเคาะ
“พ่อบ้านเปิดประตูออกมาจากด้านในและพบว่ามีนายพรานผู้หนึ่งกำลังแบกหมีไว้บนบ่า! คงชักช้าไม่ได้แล้วชายผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!
“ข้าขอซื้อ ข้าได้ยินมาว่านายน้อยชอบรับประทานของหายาก! ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการจะขายหมีตัวนี้หรือไม่?”
ขณะเดียวกัน แม่บ้านพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แน่นอนว่าเป็นการดีที่สุดที่จะมีของดีเช่นนี้ต่อหน้านายน้อย!
หยุนเคออุ้มหมีเข้าไปแล้วโยนมันลงบนพื้น ศพหมีล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย
“ช่างเป็นหมีที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ยิ่งนัก เจ้าเสนอราคามาได้เลย!”
พอมองมาและเห็นว่าหมีนั้นยังสดใหม่ แม้แต่ขนก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก อุ้งเท้าหมีที่มีค่าที่สุดก็ไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ โดยเฉพาะน้ำดีในตัวหมียังสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ จากนั้นพ่อบ้านจึงเร่งทำการประเมินราคา
“แปดร้อยตำลึงแลกกับหมีทั้งตัว!”
เงินแปดร้อยตำลึง… เท่ากับแปดหมื่น!
แม้ว่าราคาที่เสี่ยวเถาขายได้จะสูงกว่า แต่ในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ ราคาเท่านี้ก็นับว่าสูงแล้ว! อ่านนิยาย novelza.com
จากนั้นหยุนเคอและเฉินเถียนเถียนก็พยักหน้าก่อนจะออกไปพร้อมเงิน เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านผู้นี้ก็มีความเฉลียวฉลาด เขาไม่ยอมเสียเปรียบใครเลยง่ายๆ!
หลังออกมาจากบ้านหลังนั้น เงินทั้งแปดใบถูกแบ่งออกเป็นสี่ใบและหยุนเคอจึงมอบเงินครึ่งหนึ่งให้กับเฉินเถียนเถียน จากนั้นนางจึงหยิบเงินหนึ่งใบขึ้นมาและกล่าวเสียงแผ่ว “หยุนเคอ… การเผชิญหน้ากับหมีตัวใหญ่เช่นนั้น หากไม่มีเจ้า ชีวิตข้าคงอยู่ในอันตราย… เพราะเจ้าเสี่ยงมากที่สุดในครั้งนี้จึงควรได้รับส่วนแบ่งที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นข้าขอมอบส่วนแบ่งพิเศษนี้ให้เจ้า!”
หยุนเคอตกใจเล็กน้อย เขาคิดมาตลอดว่าผู้คนต่างโลภมากกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเฉินเถียนเถียนที่กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก ถ้านางมีเงินในมือมากขึ้นก็จะทำให้ชีวิตนางง่ายขึ้นในอนาคต! ทว่าหญิงสาวผู้นี้กลับเลือกที่จะเพิ่มเงินให้เขา…
“รับไปเสีย… เจ้ากำลังต้องการเงินเพื่อใช้สร้างบ้านไม่ใช่หรือ? เงินนี้อาจทำให้เจ้าสร้างบ้านได้หลังใหญ่กว่าเดิม! หากเจ้ารู้สึกไม่ดีที่ต้องรับเงินนี้ก็เอาไว้ค่อยตอบแทนข้าในอนาคต แม้ว่าวันนั้นข้าอาจจะแต่งงานและย้ายออกไปแล้ว แต่น้องชายของข้ายังอยู่ในบ้านหลังนั้นและเขาก็ไม่ชอบแม่เช่นเดียวกัน! ข้าแค่อยากให้เจ้าคอยช่วยเหลือพวกเราด้วย!”
หยุนเคอยอมรับส่วนแบ่งนั้นมาอย่างว่าง่าย ส่วนเฉินเถียนเถียนยิ้มหวานให้เขาอย่างพอใจ
ชายผู้นี้จริงจังกับคำสัญญาเสมอและธนบัตรนี้ก็แทนคำสัญญาที่มีต่อเฉินเถียนเถียน หากวันหนึ่งนางต้องรับแรงกดดันและถูกบังคับแต่งงานแต่อย่างน้อยเฉินเฉินก็ไม่ต้องอดอาหารตาย!