ตอนที่ 68 โง่กว่าเดิม
“แต่ภรรยาของเจ้าหน้าตาเป็นแบบนี้แหละ!”
นางกล่าวออกด้วยน้ําเสียงเย็นชา สื่อโถววิ่งเตลิดกลับ ไปที่ลานบ้านของตระกูลเฉินด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด
เมื่อเห็นดังนั้น เฉินเถียนเถียนก็รีบดึงแขนเสื้อของหยุนเคอ “เร็วเข้า ทางที่ดีควรพาเขากลับไปที่ตระกูลเฉิน!”
หยุนเคอที่กําลังเหม่อลอยรีบวิ่งตามเขาไป เมื่อเห็นว่าสื่อ โถวกําลังจะวิ่งไปผิดทาง ก็รีบลากอีกฝ่ายเข้าไปในลาน บ้านของตระกูลเฉิน
สื่อโถวบุกเข้าไปในห้องของหลินชวนฮวาและเฉินผิงอัน อย่างบ้าคลัง!
เฉินผิงอันตื่นขึ้นกลางดึกจึงลุกไปเข้าห้องน้ํา เมื่อเขากลับ มาเห็นหลินชวนฮวาในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ย อารมณ์ปรารถ นาก็บังเกิด เขาดึงหลินชวนฮวาขึ้นมาออกแรงยามเที่ยงคืน ใครจะคาดคิดว่าฉือโถวจะบุกเข้ามาในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม เฉินผิงอันจึงหมดอารมณ์ไปในทันที!
“ท่านอา… ข้าอยากกลับบ้าน! ข้าอยากกลับบ้าน! ข้าไม่อ ยากมีเมียแล้ว!”
หลินชวนฮวาเริ่มร้อนรน อยู่ ๆ เจ้าคนง่เง่าคนนี้ ก็ร้องจะกลับบ้านกลางดึก?
“ไปหาเมียเจ้าซะ! พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน!”
หลินชวนฮวาโดนเจ้าโง่ตบเข้าที่หน้า นางรู้สึกอับอายจน ต้องเอาผ้าห่มมาคลุมหัวและปฏิเสธที่จะออกไป
จู่ ๆ หลินชวนฮวาก็ถูกทําให้อับอายขายหน้า จน ลืมไปว่าฉ้อโถวเป็นคนโง่และไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด
ลื่อโถวจ้องมองอาที่ไม่สนใจตนเองเลย ด้วยความที่ มีสติปัญญาเหมือนเด็กอายุเจ็ดแปดขวบทําให้เขาดื้อรั้นมาก ดังนั้นเขาจึงออกจากหมู่บ้านท่ามกลางความมืดเพื่อกลับไป หาแม่ ก่อนหน้านี้แม่ของเขาเคยพามาจึงยังพอจําทางกลับได้
แต่ด้วยตอนนี้เป็นเวลากลางคืน อีกทั้งสื่อโถวที่สติกระ เจิดกระเจิงและอยู่ในอาการตกใจ เมื่อเจอถนนเป็นหลุ มเป็นบ่อเขาจึงแทบจะคลานไปตามถนน
เมื่อกลับถึงบ้านรองเท้าของสื่อโถวข้างหนึ่งหลุดหาย เสื้อ ผ้าขาดรุ่งริ่ง จมูกและใบหน้าบวมเป่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ ถูกหยุนเคอเตะอย่างแรง เขาจึงดูกระเซอะกระเซิงอย่างมาก
หลินหยาได้ยินเหมือนคนเคาะประตูอย่างอ่อนแรง และ ได้ยินเสียงลูกชายตะโกนเรียกหาแม่
ดังนั้นนางจึงรีบร้อนจนไม่ทันสวมรองเท้า เมื่อเปิดประตู ออกมาก็เห็นสภาพลูกชายยืนอยู่ที่ประตูด้วยสภาพยับเยิน
เมื่อเห็นมารดาอันเป็นที่รักฉ้อโถวก็รู้สึกผ่อนคลาย! เมื่อค วามตึงเครียดเบาบาง ในที่สุดเขาก็ทรุดตัวล้มลงไป หลินห ยาตกใจมากนางกอดลูกชายของตนไว้และเรียกหาสามีอย่าง สิ้นหวัง
เฉินเถียนเถียนไม่รับรู้ถึงความวุ่นวายหลังจากสื่อโถววิ่ง เตลิดไปแล้ว ภายใต้การจ้องมองจากดวงตาที่ตื่นกลัวของ เฉินเฉิน นางจึงรีบล้างเครื่องสําอางออกด้วยน้ําอุ่น
“เป็นอะไรไป? กลัวหรือ?”
คําพูดของเฉินเถียนเถียน ทําให้เฉินเฉินผ่อนคลายในทันที นางยังคงเป็นพี่สาวคนเดิมของเขา
หยุนเคอเองก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เด็กสาวผู้นี้ ซุกซนนัก!
แต่สุดท้ายปัญหานี้ก็คลี่คลาย หยุนเคอพอจะจินตนาการ ได้ว่าแม้เฉินเถียนเถียนจะเต็มใจแต่งงาน เจ้าคนโง่นั่นก็คงไม่ กล้าแต่งกับนาง
หลินชวนฮวาทั้งโกรธและอาย นางไม่สนใจใยดีว่าสื่อ โถวจะเป็นอย่างไร เฉินผิงอันที่อารมณ์ค้างอยู่ก็เช่นกัน นาง ไม่สนใจเขาและผล็อยหลับไป
หยุนเคอพาเฉินเถียนเถียนและเฉินเฉินกลับไปส่งที่ลานห น้าบ้าน จากนั้นพวกเขาก็กลับไปนอนหลับที่ห้อง หยุนเคอรู้ ว่าตระกูลเฉินไม่สามารถก่อปัญหาใด ๆ ได้อีก ดังนั้นเขา จึงกลับไปที่ถ้ําอย่างหมดกังวล บ้านของเขากําลังจะสร้างเส ร็จในไม่ช้า ถึงเวลานั้นก็ย้ายเข้าหมู่บ้านแบบเปิดเผยได้
ตระกูลเฉินเข้าสู่ความสงบ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอ ย่างจะสงบตาม!
หลินหยาที่เห็นลูกชายล้มลงต่อหน้ารู้สึกกังวลใจเป็นอย่า งมาก จึงเรียกหาสามีและพาเขาไปหาหมอในเมืองภาย ในคืนนั้น!
แม้ว่าเขาจะเป็นคนโง่ แต่เขาก็เป็นเพียงเด็กน้อยของต ระกูลหลินเท่านั้น! แน่นอนว่าสําหรับหลินหยาและหลินอีสา มีของนางนับว่าเขาสําคัญยิ่งกว่าชีวิต
หลินหยาบ่นไปด้วยเดินไปด้วย “ดูน้องสาวที่แสนดีของ เจ้าเถิด อุตส่าห์ฝากฝังลูกชายสุดที่รักให้นางดูแล อย่าว่าแต่ หาสะใภ้ดี ๆ กลับมาให้ ลูกชายของเราเกือบจะเอาชีวิตไม่ รอด! หลินอู่ข้าจะบอกเจ้าไว้อย่างหนึ่ง หากครั้งนี้เจ้ายังคิดจะปกป้องนางผู้นั้นอีก เราสองคนถือว่าสิ้นสุดกันแค่นี้!”
ใบหน้าของหลินลี่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ แน่นอ นว่าเขารู้ถึงคุณธรรมในใจของน้องสาวตนเองเป็นอย่างดี และในสายตาของชายผู้ซื่อตรงคนนี้ เขาย่อมไม่เชื่อใจน้องสาวของตน
ใช้มรดกของคนอื่นเลี้ยงลูกตัวเอง ปฏิบัติต่อลูกเลี้ยงอย่างเลวร้าย ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือเมื่อทําสิ่งเหล่านี้? แต่อย่าง ไรก็ตาม นางก็คือน้องสาวของเขาเองจึงไม่สามารถชี้หน้าด่า
ถึงแม้ว่าตอนนี้หลินหยาจะบอกว่าเขากําลังปกป้องน้อง สาวตนเอง แต่ที่ผ่านมานางเองที่ปกป้องกันมาตลอดไม่ใช่หรือ?
ชายชื่อตรงผู้นี้มักถูกรังแก หลินชวนฮวาดูถูกพี่ชายที่ชื่อ สัตย์ของนางอยู่เสมอแต่ยังดีที่ไม่ต่อต้านพี่สะใภ้ทั้ง สองก็ถือว่าเข้ากันได้ดี
ฉ้อโถวถูกพาเข้าเมืองด้วยอาการหมดสติ หลินอีที่เป็นห่วงลูกชายเคาะประตูเรียกหมออย่างสิ้นหวัง
“เป็นอะไร? มาร้องไห้ดึกดื่นปานนี้!”
แน่นอนว่าหมอย่อมต้องช่วยชีวิต แม้ว่าเขาจะดู กเรียกตอนดึกดื่นและบ่นอยู่ในใจ แต่ก็ยังเร่งรีบสวมเสื้อผ้า และเปิดประตูให้
หลินอีพาลูกชายไปในโรงหมอและขอพบท่านหมออย่างร้อนใจ
หลินหยายังไม่สามารถปรับอารมณ์ของตนได้จึงพูดออก มาเสียงดัง “นี่คือลูกชายคนเดียวของข้า ท่านต้องหาทา งจะช่วยเขา!”
ท่านหมอเริ่มหมดความอดทน เขากลอกตาและลูบเค ราของตน “เจ้าต้องให้ข้าดูก่อนว่าเขาจะรอดหรือไม่? ตอนนี้ ข้าจับชีพจรไม่ได้!”
แม้ว่าในตอนนี้หลินหยาจะไม่อยากเชื่อฟังนักแต่นางก็หยุ ดพูด ที่สุดแล้วลูกชายของนางยังต้องให้เขาช่วยเหลือ
หมอเฒ่ายื่นมืออันสั่นเทาออกมาวางบนข้อมือของสื่อโถว เขานิ่งเงียบ สีหน้าเคร่งขรึมอยู่นาน หัวใจที่วิตกกังวลของห ลินหยาแทบจะกระเด็นออกมา แต่หลังจากถูกตําหนิก่อนห น้านี้นางจึงไม่กล้าโวยวาย
“ลูกของเจ้ามีข้อบกพร่องที่มีมาแต่กําเนิดหรือไม่?”
หลินหยากังวลใจ หมอเฒ่าพยายามอธิบายอยู่นานแต่นาง ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พูด? อะไรคือบกพร่องแต่กําเนิด? อะไรคือบก พร่องทางจิตใจ?
“ง่าย ๆ ก็คือลูกของเจ้าปัญญาอ่อนหรือเปล่า?”
ท่านหมอเริ่มหมดความอดทน จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา อย่างไม่กลัวโดนด่า!
หลินหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใช้เวลาอยู่นานก็ไม่อาจสง บอารมณ์ได้ แต่หลินอีก้มหน้าลงอย่างเสียใจ เด็กคนนี้ค่อ นข้างโง่ แต่อย่างไรแล้วเขาก็เป็นความหวังเดียวในอนาคต ของพวกข้า ท่านหมอโปรดช่วยเหลือด้วย!”
ทัศนคติของหลินอีทําให้หมอเฒ่ารู้สึกดีขึ้นมาก เขาแตะเค ราแล้วพยักหน้า “เนื่องจากเด็กคนนี้ผิดปกติดังนั้นจึงต้อง เอาใจใส่เขาอย่างดี ดูสิ อีกอาการหนึ่งคือเขาหวาดกลัวมาก ข้าเกรงว่าเขาจะโง่กว่าเดิม น่าจะมีบางอย่างผิดปกติ”
หวาดกลัว?
หลินหยาร้องไห้โฮออกมาทันที ”ข้าบอกแล้วว่าน้องสา วของเจ้าไม่น่าเชื่อถือ นางบอกว่าต้องการให้ลูกนางแต่งงาน กับสื่อโถว! ผลเป็นอย่างไรท่านดูสิ…”