ตอนที่ 79 ถูกทอดทิ้ง
เฉินเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาคาดไม่ถึงว่าการเขียนของลุงหยุนจะดีกว่าพี่สาวมาก ส่วนตัวเขายังเด็กจึงไม่เข้าใจการเขียนเท่าไหร่นัก และในตอนนี้เขาก็พอใจกับลายมือของตนแล้ว!
เมื่อได้ยินเรื่องน่าประหลาดใจ เฉินเถียนเถียนก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปดูที่โต๊ะ
ภาพที่ปรากฏทําให้ใบหน้านั้นแดงขึ้นสี
หากไม่มีการเปรียบเทียบ นางยังสามารถหลอกตัวเองว่างานเขียนของตนไม่ได้แย่! แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็รู้สึกว่างานเขียนของนางไม่ควรให้ใครเห็น!
หยุนเคอหัวเราะในใจ ‘หญิงสาวผู้นี้…’
จากนั้นเขายิ้มพร้อมกล่าวกับเด็กชาย “พี่สาวเจ้าเขียนได้ ไม่ค่อยดีเท่าข้า แต่เมื่อพูดถึงการบรรยาย ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าพี่สาวของเจ้านั้นมีชีวิตชีวาและน่าสนใจ มาก! แต่ละคนย่อมมีจุดแข็งของตัวเอง!”
เฉินเถียนเถียนละทิ้งความเขินอาย และมองไปที่โต๊ะทํางานอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นตะขอเงินและภาพวาดเหล็ก เฉินเถียนเถียนเข้าใจทันที่ว่าทําไมคุณปู่จึงมักวิจารณ์งานเขียนของนางว่าไร้จิตวิญญาณ!
คนโบราณที่อยู่ตรงหน้าอายุแค่ยี่สิบปีเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ตอนนี้เขาเป็นเพียงนายพรานที่วิ่งไปมาบนภูเขาทุกวันเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง เอาเวลาจากไหนไปฝึกคัดลายมือ? นับว่ามีพรสวรรค์จริง ๆ! แต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ไม่ต้องฝืน อย่างไรก็ตามลายมือของนางก็ยังพอเอาไปอวดผู้คนได้!
เฉินเถียนเถียนรีบปลอบใจตัวเอง จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนความคิดและกลับไปทําอาหารต่อ!
“ใช่! แม้ว่าข้าจะเขียนไม่เก่ง แต่อาหารที่ทําก็ยังอร่อยอยู่ เฉินเอ๋อ… ข้าก็มีข้อดีมากมาย อย่าได้ประเมินพี่สาวต่ําไป!”
เฉินเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง พี่สาวคนนี้ถือเป็นพรแก่เขายิ่ง!
มีเนื้อสดแขวนอยู่ในถ้ำ และถั่วที่หยุนเคอซื้อมาจากเชิงเขา! นอกถ้ำมีผักปานานาชนิดที่เก็บรวบรวมมา มันเพียงพอสําหรับเป็นอาหารของทั้งสามคน
มีอาหารสดใหม่และอร่อยอยู่สองสามอย่างบนโต๊ะหินกลมขนาดใหญ่ ซึ่งทําให้คนเห็นรู้สึกอยากอาหารข้าวขาวนึ่ง ใหม่ในหม้อหอมหวนมากจนทั้งสามคนต้องรีบละมือมากินข้าวก่อน
เฉินเฉินไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้มานาน เขาจึงไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป
“คราวหน้าถ้าหิวก็มาที่ถ้ำ พี่สาวจะทําอาหารให้กินเอง ไม่ต้องไปหาแม่ที่ไร้ยางอายของเจ้าเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงกับเจ้า!”
หยุนเคอเอียงศีรษะและกล่าว “นักปราชญ์จะไม่ทําให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย! บางครั้งเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะถอยและหลีกเลี่ยง!”
เฉินเฉินพยักหน้าอย่างหมดท่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่บอกเด็กชายก็ไม่กล้าที่จะยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว!
“ในตอนนี้ชีวิตของเจ้ายังอยู่ในมือของหลินชวนฮวา ดังนั้นอย่าพูดถึงเรื่องวันนี้และเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเงียบ ๆ ถ้านางอนุญาตให้เจ้ากิน เจ้าก็ไปกิน แต่ถ้านางไม่ให้กิน ก็หลบอยู่ในห้อง ห้ามออกมาเป็นอันขาด ถ้าหิวจริง ๆ ให้หาทางมาที่ถ้ำ พี่สาวจะเก็บอาหารไว้ให้!”
เฉินเฉินพยักหน้าพร้อมกับน้ำตาซึม
ภายใต้การยุยงของหลินชวนฮวา เขาจึงไม่เคยพูดคุยกับพี่สาวมาก่อน ไม่ว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาก็ไม่สนใจ เขาถึงกับพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้นางถูกทุบตี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขามีชีวิตอยู่รอดได้จากการคุ้มครองของพี่สาว
“เมื่อก่อนตอนข้ายังอยู่ที่นั่น หลินชวนฮวามีข้าเป็นที่ระบายความโกรธ ดังนั้นชีวิตเจ้าจึงดีขึ้น แต่ตอนนี้ข้าได้รับอิสระแล้ว! และเจ้า…อา! เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเอง”
เฉินเฉินพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หมดหวังกับแม่ของตัวเองแล้ว แม้แต่พ่อเขาก็ยอมแพ้แล้ว!
ในตอนกลางคืน แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่อยากกลับบ้านแต่เขาก็ต้องจําใจกลับ
เมื่อกลับถึงบ้านเฉินผิงอันและหลินชวนฮวานั่งอยู่ที่โต๊ะและทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว
เมื่อเห็นเฉินเฉิน ดวงตาของเฉินผิงอันเบิกกว้าง “เจ้าเด็กตัวเหม็นไปไหนมาทั้งวัน? เจ้าทะเลาะกับใครในหมู่บ้านมาหรือ? ดูหน้าเจ้าสิ”
เฉินเฉินก้มหน้าลงและไม่ยอมพูด ความทุกข์ใจของเฉินผิงอันค่อย ๆ กลายเป็นความโกรธ เด็กหน้าเหม็นคนนี้ เชื่อฟังพ่อของเขาบ้างหรือไม่? เหตุใดถึงไม่พูดอะไรเลย?
“ไม่อยากพูดหรือ? ถ้าไม่พูดก็กลับห้องของเจ้าไปซะ ไม่ต้องกินข้าวเย็น!”
เฉินเฉินก้มศีรษะลงอีกครั้งและกลับไปที่ห้องโดยไม่กล่าวอะไรสักคํา
หลินชวนฮวารีบใช้โอกาสนี้เติมเชื้อไฟ “ผิงอัน ลูกเฉินเอ๋อนับวันยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ เมื่อเช้าเขาวิ่งไปที่ห้องแล้วตระโกนถามข้าว่าท่านแม่เอาพี่สาวไปซ่อนไว้ที่ไหน? ท่านคิดว่าข้าจะเอาพี่สาวของเขาไปซ่อนไว้ที่ไหนได้ล่ะ? หลังจากถูกตําหนิไม่กี่คํา เขาก็วิ่งหนีและหายไปทั้งวัน!”
“เด็กดื้อเช่นนี้ไม่สมควรได้เรียนหนังสือ!”
ใบหน้าของเฉินผิงอันมืดมน เป็นที่เข้าใจได้ว่าเมื่อผู้ใดก็ตามบอกว่าลูกของเขามีพฤติกรรมที่ไม่ดี เขาก็จะแสดงออกเช่นนี้!
เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้าย นางก็เริ่มหว่านล้อมอีกครั้ง “เด็กคนนี้เป็นลูกของข้า ข้าจะทนทําร้ายเขาจริง ๆ ได้อย่างไร แต่เพราะข้าไม่รู้และกังวลเกินไป จึงดุเขาไปสองสามคํา ในใจของเขามีแต่พี่สาว ข้าเกรงว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดี!”
เฉินเฉินคิดถึงแต่เฉินเถียนเถียน… คําพูดนี้บีบรัดหัวใจของเฉินผิงอันเหลือเกิน!
ในครานั้นหญิงผู้หนึ่งตั้งแง่รังเกียจเขาเพราะชายป่า เลื่อนที่ไหนไม่รู้ ในตอนนี้ลูกชายแท้ ๆ ของเขาก็มาชั่งน้ำหน้าเขาเพราะลูกสาวของหญิงผู้นั้น!
เฉินผิงอันโกรธแค้นเป็นอันมาก “ในเมื่อตั้งใจจะมอบสิ่งดี ๆ ให้เจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่นแต่เขาไม่ต้องการก็ลืมมันไปซะ! ตัวข้าเนรมิตเงินทองได้หรือ? เฉิงเยี่ยกําลังศึกษาอยู่ที่เมืองถัดไป เจ้าควรกระตุ้นให้เขาจริงจังกว่านี้! เขาคือความหวังเดียวของครอบครัวเรา!”
เฉินเฉินได้ยินการสนทนาจากนอกบ้าน เด็กน้อยรู้ดีว่าเสียน้ำตาไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงแค่ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมหัวอย่างไม่ต้องการรับรู้
ท่านพ่อถอดใจจากเขาเพียงแค่เพราะคําพูดยุแยงไม่กี่คําจากท่านแม่…
หัวใจดวงน้อยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ถูกทอดทิ้ง! โชคดีที่ยังมีพี่สาว… เฉินเฉินคอยปลอบตัวเองในใจ!
เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าในที่สุดเฉินผิงอันก็คล้อยตามความคิดนาง จึงพิงซบเฉินผิงอันและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ใช่แล้ว! มีแค่เฉิงเยี่ยเท่านั้น! ตั้งแต่เขาไปเรียนหนังสือก็ได้รับการยกย่องชมเชยจากท่านอาจารย์ เราอดทนเพื่อเขามาเป็นเวลาหลายปี! ตราบใดที่ยังยืนหยัด เขาจะได้เป็นซิ่วไจในปีหน้า! สามี… เมื่อถึงเวลานั้น เราจะรุ่งโรจน์และจะไม่มีผู้ใดดูถูกเราได้อีก!”
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
เฉินผิงอันดูเหมือนจะจมอยู่ในจินตนาการ เขาลืมไปแล้วที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกไว้ว่าเฉินเฉิงเยี่ยอาจจะไม่สามารถเข้าสอบได้ด้วยซ้ำ!