แท้จริงแล้วเฉินเถียนเถียนไม่อยากแต่งงานกับคนป่าจึงไม่กล้าขัดคำสั่งแม่เพื่อออกจากบ้าน เพราะท้ายที่สุดชีวิตนางอยู่ในกำมือของหลินชวนฮวา
เฉินผิงอันแสดงสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าไปกระชากตัวเฉินเถียนเถียนอย่างแรง
“พี่สะใภ้เราแยกบ้านกันแล้ว นางเป็นลูกสาวของข้า เช่นนี้ข้าจะดูแลและสั่งสอนเอง นังเด็กขี้ครอกกลับบ้าน! หากยังทำเรื่องน่าอายแบบนี้ไม่หยุด ข้าเองนี่แหละจะเฆี่ยนเจ้าจนตาย!”
ป้าจี๋ยิ้ม “จริงอยู่ที่เฉินเถียนเถียนเป็นลูกของเจ้าแต่ก็เป็นหลานของท่านแม่และนางใช้นามสกุลเฉิน หลานสาวของตะกูลเฉินกำลังจะถูกตีให้ตาย แน่นอนว่าข้าคงไม่อาจอยู่เฉยได้!”
“น้องสอง… ข้าไม่สนว่าเจ้าจะจัดการตัวเองอย่างไร ไม่สนว่าเจ้าจะโมโหร้ายเพียงใดและยังไม่สนหากเจ้าแต่งงานกับหญิงอื่น แต่หากเป็นเรื่องของหลานข้า เช่นนี้ข้าจึงไม่อาจเมินเฉยได้!”
เฉินเถียนเถียนอุ่นใจที่มีคนคอยช่วยเหลือ แต่ทำไมเถียนเถียนตัวน้อยถึงสิ้นหวังจนฆ่าตัวตายไปแบบนั้นเล่า?
“ป้า… ข้าหิวเหลือเกิน ข้าวิ่งหนีกลับบ้านมาทั้งคืน แต่แม่ก็ไม่เห็นใจหรือสงสารข้าเลย ข้าไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว…”
จี๋ชื่อรู้สึกเจ็บปวดและเป็นห่วงเฉินเถียนเถียนมากจึงรีบกล่าวปลอบ “ไปเถิด… ไปกินข้าวที่บ้านป้า แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว ข้ามีปัญญาเลี้ยง!”
คำพูดของนางทำให้ใบหน้าของเฉินผิงอันชาวาบ! เฉินผิงอันมีชีวิตที่ดีได้เพราะแม่ของเฉินเถียนเถียนแต่เขากลับดูแลลูกให้ดีไม่ได้ ขณะที่ป้าจี๋เป็นเพียงหญิงยากจนชนชั้นล่างของหมู่บ้านนี้สามารถเลี้ยงดูลูกสาวของครอบครัวผู้ร่ำรวยให้กินอิ่มนอนหลับได้งั้นหรือ?!
เฉินผิงอันไม่กล้าพูดจารุนแรงกับพี่สะใภ้เพราะอย่างไรนางก็อาวุโสกว่า อีกอย่างจี๋ชื่อเป็นที่ชื่นชมของคนในหมู่บ้านมากยิ่งกว่าหลินชวนฮวาเสียอีก!
“พี่สะใภ้ บ้านท่านก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร ส่งลูกสาวข้าคืนมาเถิด ข้าจะเลี้ยงนางเอง ข้าจะยอมให้ลูกสาวหิวตายได้อย่างไร?”
จี๋ชื่อไม่สนใจในสิ่งที่เฉินผิงอันพูดเลยแม้แต่น้อย นางเดินเข้ามาจับมือของเฉินเถียนเถียนก่อนจะตอบกลับด้วยความโกรธ
“กล้าพูดออกมาได้อย่างไร เจ้ารักเมียมากกว่าลูกสาวแท้ ๆ เสียอีก ถึงขั้นยอมให้นางเอาลูกตัวเองไปขายให้กับชายตัณหากลับเช่นนั้น แล้วจะเป็นพ่อที่ดีได้อย่างไร?!”
เมื่อเห็นว่าเฉินเถียนเถียนถูกจี๋ชื่อพาตัวไป ทุกคนที่รับชมอยู่จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน จากนั้นไม่นานเฉินเฉิงเยี่ยก็กลับมาที่หมู่บ้านพร้อมกับ ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง พวกเขาโยนเฉินเฉิงเยี่ยลงบนพื้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาปูดโปนจนไม่เหลือเค้าโครงที่ดี!
คนที่ใฝ่เรียนอย่างเฉินเฉิงเยี่ยไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ชาวบ้านจึงมารับชมสถานการณ์อีกครั้ง
“พวกเจ้าไม่มีอะไรทำกันหรืออย่างไร มุงดูอะไรนักหนา?!” เฉินผิงอันโกรธจัดจึงไล่ทุกคนออกไป นับตั้งแต่ตอนนี้ตระกูลเฉินจึงกลายเป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้านอย่างออกรส…
หลังจากที่ชาวบ้านทุกคนแยกย้ายกัน เฉินผิงอัน เฉินเฉิงเยี่ย และหลินชวนฮวาเดินกลับเข้าบ้าน
เฉินเฉิงเยี่ยร้องโวยวายดังลั่น “แม่… เป็นเพราะอีเด็กขี้ครอกนั่นคนเดียว เพราะนางหนีออกมา นายน้อยจึงโมโหและให้คนมารุมกระทืบข้าทั้งยังไล่ข้าออกจากโรงเรียน แม่! แม่ต้องไปจัดการให้ข้า!”
เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าลูกชายสุดที่รักได้รับบาดเจ็บก็รีบหยิบผ้ามาเช็ดหน้าเฉินเฉิงเยี่ยพลางร้องไห้หนักอย่างสงสารลูก
“เฉิงเยี่ยกว่าลูกจะเข้าเรียนที่นั่นได้ช่างยากลำบาก! แต่เด็กขี้ครอกกลับทำลายทุกอย่างจนสิ้น ผิงอัน… ดูเฉินเฉิงเยี่ยสิ เข้ายอมทิ้งนามสกุลของพ่อแท้ ๆ และเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเฉินเพื่อจะได้สอบเป็นขุนนางและสร้างเกียรติให้กับตระกูลของเจ้า!”
เฉินผิงอันโมโหจึงลุกขึ้นถีบประตูด้วยความรุนแรง “ยังจะคิดเรื่องสร้างเกียรติและศักดิ์ศรีอะไรอีก? บ้านเราทำเรื่องขายขี้หน้าแค่ไหนลืมไปแล้วหรือ? จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เจ้าจะยังกล้าแบกหน้าออกจากบ้านไปเจอผู้คนไหม? พอได้แล้ว! ไปเรียนโรงเรียนอื่นในเมืองแทนก็ได้!”
หลินชวนฮวาไม่คิดอย่างนั้นจึงรีบเกลี้ยกล่อมสามีด้วยการจับมือเขามาถูไถที่หน้าอกของตนเองต่อหน้าลูกชายทันที…
“ผิงอัน… หากเฉิงเยี่ยได้เป็นขุนนาง เจ้าก็จะได้เป็นท่านพ่อของขุนนางเชียวหนา แต่ถ้าให้เขาไปเรียนในโรงเรียนธรรมดาคงเป็นได้เพียงนักปราชญ์ทั่วไป …อย่าทำลายอนาคตของลูกเลย!”
เฉินผิงอันช่างตัณหาหนาเสียจริง โดนถูไถเท่านี้ก็หน้าแดงหูแดงจนไม่รู้จะตอบคำใดกลับ
“ลูก… ลูกก็กลับมาแล้ว จะทำอย่างไรได้อีกเล่า? นังเด็กขี้ครอกนั่นก็อยู่ที่บ้านของพี่ใหญ่ จะให้ไปลากนางกลับมาและส่งให้นายน้อยหลี่อย่างนั้นหรือ?!”
เฉินเฉิงเยี่ยเห็นการกระทำของแม่ที่อ้อนวอนต่อเฉินผิงอันจึงจ้องหน้าเขาด้วยสายตาโกรธแค้นพร้อมกับคิดในใจว่าหากได้ดีเมื่อไหร่ต้องกำจัดชายผู้นี้ให้สิ้น!
แต่ภายใต้คำสั่งของหลินชวนฮวาผู้เป็นแม่ เฉินเฉิงเยี่ยจึงเดินก้มหน้ากลับเข้าห้องตัวเองทันที
“พี่สะใภ้เข้ามายุ่งเรื่องของเรามากเกินไปหรือไม่ ลูกสาวที่เกียจคร้านทำไมข้าจะตีนางเพื่อสั่งสอนไม่ได้? ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นพ่อแท้ ๆ ของนาง ไม่มีเหตุผลที่จะให้นางไปอาศัยอยู่บ้านคนอื่น!”
เมื่อได้ยินภรรยาผู้เป็นที่รักพูดอย่างนั้นเฉินผิงอันก็ยิ่งโมโห เพราะในตอนที่เขาแต่งงานกับหลินชวนฮวา จี๋ชื่อก็เข้ามายุ่งวุ่นวายจนทะเลาะกันใหญ่โตถึงขั้นต้องแยกบ้านและยังทำให้เฉินผิงอันดูเป็นลูกอกตัญญูในสายตาคนอื่นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจะเข้ามายุ่งเรื่องวันนี้อีก!
เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าสามีกำลังโมโหจึงเร่งพูดกระตุ้นเขาให้โกรธมากขึ้น
“ดูสิ ข้าอุตส่าห์หาบ้านดี ๆ ให้ได้เป็นคุณนายโดยไม่ต้องทำงานอะไร แต่นางกลับทำเช่นนี้ ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยง… เถียนเถียนคงไม่เข้าใจในความหวังดีที่ข้ามีให้ หากนางเข้าใจข้าสักนิดและเอาอกเขาใจนายน้อยหลี่ ไม่ใช่เพียงเฉินเฉิงเยี่ยจะได้เรียนหนังสือ แต่นางจะมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย… เฮ้อ!”
เฉินผิงอันโมโหจนรีบลุกขึ้นและตั้งใจจะไปลากตัวเถียนเถียนกลับมา ทว่าหลินชวนฮวารีบห้ามไว้ “ผิงอันไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวของเจ้า จงอย่าทำร้ายความรู้สึกนาง พูดจาดี ๆ หากนางขออะไรก็ให้รับปากไปก่อน!”
“เพื่อสิ่งใด? เหตุใดข้ายังต้องพูดดี ๆ กับลูกอกตัญญูเช่นนั้น!” หลินชวนฮวามองเฉินผิงอันด้วยสีหน้ารังเกียจ ช่างไร้สมองเสียจริง นางคงไม่มีวันแต่งงานกับเขาแน่หากไม่ใช่เพราะ…
“เอาเถิด! กล่อมให้นางกลับมาก่อน หลังจากกลับมาค่อยพูดคุยเจรจากันก็ได้ ดีกว่าทะเลาะกันแล้วนางหนีไปไม่ใช่หรือ?” เฉินผิงอันโอบกอดหลินชวนฮวาไว้แน่นพร้อมกล่าวอ่อนโยน “เจ้าช่างเป็นภรรยาที่ดียิ่งนัก ทั้งอ่อนโยนและสุภาพ ไม่เหมือนเด็กนั่น… ไร้มารยาทเหมือนแม่มันไม่มีผิด!”
แม้หลินชวนฮวาจะรังเกียจเฉินผิงอันและภรรยาเก่ามาก แต่กลับแสร้งตอบกลับอย่างอ่อนโยน “อย่าพูดเช่นนั้นเลย ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นภรรยาคนแรกของเจ้า…”