ตอนที่ 98 เด็กขี้ขลาด
ความโกรธปะทุขึ้นจนเฉินผิงอันแทบจะไร้สติ เขาด่าทอคําหยาบออกจากปากไม่หยุดหย่อน
“ไอ้เด็กสารเลว ข้าเลี้ยงดูเจ้ามานานหลายปีแต่กลับทําตัวขี้ขลาดวิ่งออกไปหาคนนอกงั้นหรือ!”
ขณะที่พูด เท้าก็ก้าวไปข้างหน้าหมายจะดึงเฉินเฉินที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหยุนเถียนเถียนออกมา
หยุนเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นกลับไม่กลัวสักนิด นางยกยิ้มเย็นชาพร้อมกับพูดโต้ตอบเสียงดัง “คําพูดของท่านดูจะไม่เหมาะสมนะ เด็กคนนี้มากินข้าวที่บ้านข้าและข้าก็ไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน แล้วทําไมเด็กน้อยคนนี้ต้องออกมาหากินด้านนอกด้วย เฉินผิงอันท่านอายุก็นานนับหลายชั่วอายุคนยังแยกไม่ออกอีกหรือว่าเพราะเหตุใด?”
ส่วนผู้เฒ่าสี่มองเฉินผิงอันด้วยแววตาว่างเปล่า เขาใช้ไม้เท้าทุบลงพื้นอย่างรุนแรงก่อนจะตะคอกออก “อวดดี! เฉินผิงอันเจ้าปฏิบัติเหมือนข้าตายไปแล้วงั้นรึ?”
หยุนเถียนเถียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินผิงอันเลยสักนิด ถ้าเขาอยากจะดึงคนที่หลบอยู่ด้านหลังหยุนเถียนเถียนจริงนางก็ไม่อาจจะสู้ได้ แต่โชคดีที่หยุนเคอยืนอยู่ข้างๆออร่าเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาทําให้เฉินผิงอันไม่กล้าเดินเข้าไป
“เฉินผิงอัน ข้าเฝ้าดูเจ้าเติบโตมาตั้งแต่เจ้ายังเล็ก แต่ตอนนี้เจ้าดูเปลี่ยนไปตั้งแต่หญิงนางนั้นเข้ามา ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่ามารดาของเจ้าเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงจนลุกขึ้นมาไม่ได้ ตอนนี้เจ้ากําลังทําให้ลูกชายแท้ๆเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
เฉินผิงอันหดมือกลับก่อนจะกล่าวตอบ “ท่านผู้เฒ่า…ข้าไม่ได้จะทําเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลินชวนฮวา ดูเจ้าเด็กเวรนี่สิ มันทําอะไรไม่ได้สักอย่าง ข้าอดอาหารมันสักวันสองวันให้มันยอมรับความผิดที่ก่อ แต่ผ่านมาสองวันมันก็ยังไม่ทําอะไร และออกจากบ้านมาหาเด็กสารเลวนี่เพื่อกินอาหารอีก!”
“ท่านรู้ว่าเขาหิวมาสองวัน! เด็กคนนี้ทําอะไรผิดกันถึงสั่งสอนที่ชั่วช้าแบบนี้ เด็กอายุหกเจ็ดขวบเป็นวัยที่กําลังชนท่านทําอะไรเขา? ตอนท่านอายุเท่านี้บิดามารดาของท่านให้ท่านทําสิ่งใดบ้าง!?”
เฉินเฉินลุกขึ้นยืนด้วยน้ําตา “ข้าไม่ได้ขี้เกียจงานบ้านข้า ก็เป็นคนทําแต่แม่โกหกว่านางเป็นคนทํา แล้วกลับเอาแต่บอกว่าข้าขี้เกียจ!”
หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะพลางพูดแทรกขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าเชื่อว่าเป็นความจริง เพราะตอนนั้นข้าก็โดนทุบตีจากท่านด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน”
“อีกอย่างหลินชวนฮวาแต่งกายงดงามราวกับดอกไม้แรก แย้มวิ่งเข้าเมืองแต่เช้าตรู่ทุกวัน แต่กลับบอกว่าทํางานที่บ้านของท่าน หึ! ช่างโง่เง่าเสียจริง”
คนที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นคนที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้ แน่นอนว่าเฉินผิงอันย่อมเชื่อภรรยาที่แสนอ่อนโยน เขาไม่มีวันเชื่อเด็กชั้นต่ําน่ารําคาญที่อยู่ตรงหน้านี่เด็ดขาด!
“ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าในตอนที่ข้าหิวและไม่อยากทํางาน บ้านของท่านเป็นอย่างไร ดูเหมือนคนที่ท่านไว้ใจจะหายไปไหนนะ ข้าเป็นวัว ม้า กระทิงให้ท่าน ดูเหมือนเด็กคนนี้ทําได้ดีกว่าข้าเสียอีก”
เดิมที่แล้วผู้เฒ่าสี่รักเด็กรุ่นเยาว์ในครอบครัวมากที่สุด ตอนนี้เขายินดีที่จะช่วยเฉินเฉินบ้าง
“เฉินผิงอัน ข้าขอถามตรง เจ้ายังอยากได้ลูกชายอยู่ไหม ถ้าเจ้าไม่ต้องการข้าจะนําเขากลับไปด้วย!”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับอย่างไม่ยอมแพ้ “เขาเป็นลูกชายของข้า เขาต้องอยู่กับข้า!”
หยุนเสียนเถียนกลับยิ้มเยาะอยู่ด้านข้าง “อยู่กับท่านงั้นรึ? ท่านเคยบอกว่าจะขายที่ดินเพื่อส่งเสียให้เด็กคนนี้เรียนหนังสือ แต่จนตอนนี้เด็กคนนี้ก็ยังอยู่ที่บ้าน เฉินผิงอัน… ท่านเห็นเด็กคนนี้เป็นลูกชายจริงแล้วเงินส่วนนั้นมันหายไปไหนหรือ?”
พูดถึงเรื่องนี้เฉินผิงอันก็โกรธอีกครั้ง “เงินจากการขายที่ดินไปอยู่ที่ไหนนั่น? เจ้าไม่รู้ตัวหรือไรว่าตอนที่เจ้าออกจากบ้านไปเจ้าก็นําเงินนั่นไปด้วย!!”
มุมปากของหยุนเถียนเถียนยกขึ้นเล็กน้อย “สิ่งที่ข้านําออกมามันแทบไม่มีค่าเลย สินสอดทองหมั้นเยอะแยะมากมาย ค่าเช่าที่ท่านเก็บพอที่จะส่งเด็กคนนี้ไปเรียนที่หมู่บ้านข้างๆ อย่างมากก็ไม่เกินห้าตําลึงต่อปี! เฉินผิงอัน ท่านมีอะไรจะพูดไหม ท่านคิดจะโยนความผิดให้ใครอีก?”
ความจริงเฉินผิงอันก็เสนอที่จะส่งบุตรไปเรียนและพร้อมส่งไปทันที แต่เขาไม่อยากเห็นใบหน้าที่ทุกข์ใจของหลินชวนฮวา
ขณะนั้นเองหลินชวนฮวาก็ปรากฏตัว “เถียนเถียน! เจ้ากําลังใส่ร้ายบิดาของเจ้า! ครอบครัวของเราย่อมไม่สามารถสนับสนุนการเรียนพร้อมกันได้ถึงสองคน พี่ชายของเจ้าศึกษาหนังสือมานานเขาควรได้รับมัน แต่สําหรับเฉินเอ๋อเขายังไม่เคยได้ร่ําเรียนเลย เช่นนี้จึงต้องให้พี่ใหญ่สอนหนังสือไปก่อน!”
หยุนเถียนเถียนหัวเราะอย่างเย็นชา เฉินเฉินมีพรสวรรค์ แค่ไหนทั้งสองคนไม่อาจรู้ ตอนนี้นางไม่อาจพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ มันยังไม่เหมาะที่จะเปิดเผยความลับนี้
“งั้นหรือ แม้ว่าจะส่งเด็กคนนี้ไปเรียนไม่ได้ แต่หลินชวนฮวากลับปล่อยที่ลูกตัวเองหิวขนาดนี้เชียวหรือ มองดูสิ! เฉินเอ๋ออายุได้เจ็ดขวบแล้ว แต่ยังสูงไม่เท่ากับเด็กห้าขวบในหมู่บ้านเลย”
หลินชวนฮวาชะงักและรู้สึกลําบากใจเล็กน้อย เฉินผิงอันที่เห็นหน้าภรรยาอย่างนั้นจึงรีบเข้ามาช่วยทันที “ต่อให้ลูกชายของข้าหิวจนตายมันก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
ผู้เฒ่าสี่ที่จริงจังกับเรื่องนี้มากพูดขึ้นมา “เฉินผิงอัน ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนี้ก็เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า ในหมู่บ้านนี้มีคนที่ร้ายกาจถึงขนาดอดอาหารลูกจนตายเชียวรึ คนผู้นั้นต้องจมน้ําตายด้วยน้ําลายของคนในหมู่บ้านแล้ว!”
“วันนี้ข้าขอเตือนไว้ ณ ที่แห่งนี้ ถ้าเจ้าไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้ ก็ให้คนอื่นเลี้ยงดูเขาซะ หลายคนในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีลูก ถ้าเขายังหิวอีก ข้าจะพาเขาออกไป!”
แม้เฉินผิงอันจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้งต่อหน้าตาเฒ่าสี่ ทําได้เพียงกลืนน้ําลายลงคอไป
หยุนเถียนเถียนกลัวว่าสามีภรรยาคู่นี้เมื่อกลับไปที่บ้านต้องคิดบัญชีกับเฉินเฉินแน่
ดังนั้นต่อหน้าคนจํานวนมาก นางตะโกนว่า “เฉินเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกลัว! ถ้าพวกเขาจะกล้าเจ้าอีกให้ตะโกนเรียก ให้ผู้คนในหมู่บ้านได้ยิน พวกข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแก เจ้าอีก ถ้าบิดารมารดาเจ้าไม่อยากเลี้ยงดูเจ้า มาหาข้า พี่สาวจะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเฉินผิงอันฉายแววโกรธแค้นออกมา ส่วนหลินชวนฮวาหน้าเขียวไปแล้ว เจ้าเดรัจฉานอยู่ในบ้านแต่ไม่สามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้แล้วจะมีไปเพื่อ อะไร?
แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายนางไม่สามารถเปิดเผยความคิด ของตนเองได้แม้แต่น้อย
“เถียนเถียน จากที่เจ้าพูด หากเด็กคนนี้ทําไม่ดี พวกเขาไม่สมควรโดนงั้นหรือ?”
“แล้วมีใครทุบตีบุตรตัวเองด้วยไม้กวาดขนาดใหญ่เช่นนี้หรือไม่ ถ้าหากไม่รีบเข้ามาช่วยเหลือ เกรงว่าเด็กคนนี้ได้ตายหายไปจากโลกนี้แล้ว! หลินชวนฮวาเก็บใบหน้าเหนียมอายของเจ้าไป มีใครในหมู่บ้านไม่รู้ความคิดของเจ้ากัน มีเพียงสามีโง่เง่าอย่างเฉินผิงอันนี่แหละที่ยังโดนเจ้าหลอกอยู่!”