ตอนที่ซูสือเยว่มาถึงสตูดิโอภาพยนตร์ นักแสดงที่ร่วมงานกันคนอื่นๆได้มาถึงกันหมดแล้ว
นี่เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะอยู่ที่กองถ่ายเรื่อง《ชั่วฟ้ากาลเวลา》
ดังนั้นแล้ว คิวถ่ายวันนี้ของเธอก็เลยเยอะมาก ตอนเย็นยังมีงานเลี้ยงปิดกล้องด้วย
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นตอนแปดโมง ซูสือเยว่เริ่มเข้าสู่การถ่ายทำอย่างเป็นทางการ
การถ่ายทำราบรื่นอย่างมาก
ตอนบ่ายสามโมง ซูสือเยว่ได้ทำการถ่ายทำในส่วนทั้งหมดสำเร็จลงอย่างสมบูรณ์
“สือเยว่ ต่อจากนี้เธอสามารถเตรียมตัวให้พร้อม《ความทรงจำที่ขาดหาย》เรื่องนั้นอย่างสบายใจได้แล้ว!”
ภายในห้องแต่งหน้า ฟู๋เชียนเชียนนั่งอยู่ข้างๆซูสือเยว่ ช่วยเธอล้างเครื่องสำอางไปพลางพร้อมทั้งเอ่ยออกมาอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวังออกมาพลาง “ถึงแม้ว่าเรื่อง《ชั่วฟ้ากาลเวลา》จะเป็นหนังเรื่องแรกที่เธอได้กลายมาเป็นนักแสดงเต็มตัวเป็นครั้งแรก แต่ถึงยังไงมันก็เป็นแค่หนังต้นทุนต่ำ เทียบกับ 《ความทรงจำที่ขาดหาย》ที่มีการลงทุนสูงประเภทนั้นไม่ได้เลยสักนิด!”
“ยิ่งไปกว่านั้น นักแสดงนำชายของ《ความทรงจำที่ขาดหาย》ก็เป็นจี้หนานเฟิงเสียด้วย!”
“จี้หนานเฟิงเคยถ่ายหนังห่วยๆที่ไหนกัน? หนังเรื่องนี้จะต้องเป็นหนังที่มีกำหนดรับรางวัลของปีหน้าแน่ๆ!”
“สือเยว่ เธอเตรียมตัวให้ดีๆ รอหลังจากที่หนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทำออกมาแล้ว เธอจะสามารถทะยานขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดในวงการบันเทิงได้เลย!”
ซูสือเยว่ล้างเครื่องสำอางไปพลาง ฟังคำพูดที่ออกนอกเรื่องไปไกลพวกนี้ของฟู๋เชียนเชียนไปพลาง “เธอคิดมากไปแล้ว”
“ฉันขอแค่ฉันสามารถทำงานที่ฉันควรทำให้มันเสร็จสมบูรณ์ได้ก็พอ”
ยิ่งไปกว่านั้น 《ความทรงจำที่ขาดหาย》หนังเรื่องนี้ อันที่จริงแล้วแรกเริ่มตอนที่เธอเข้าแข่งขันเพื่อให้ได้เรื่องนี้มา เพียงแค่เพื่อเซี่ยงหวั่นฉิงเท่านั้นจริงๆ
เธอไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรเลย ยิ่งไม่คิดที่จะได้รับรางวัลเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะโผบินขึ้นไปอยู่ที่สูงๆ
ไม่ว่าจะอยู่สายงานไหน เธอก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าการเดินไปทีละก้าวๆ มันถึงจะน่าวางใจมากกว่า มันจะถูกทำให้แตกพ่ายไปได้ไม่ใช่ง่ายๆกว่าเดิม
“แต่ว่า…”
ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้วออกมา ทันทีที่คำพูดสองคำนั้นได้หลุดออกไป ก็ได้หยุดไปในทันที
เธอมองไปทางประตูห้องแต่งหน้าไปอย่างตื่นตกใจ ไม่พูดอะไร
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย หันไปมองตามสายตาของเธอไปทันที——
ทางประตูทางเข้าห้องแต่งหน้าเห็นเพียงเฉิงเซวียนที่อยู่ในชุดสูทรองเท้าหนังกำลังถือดอกกุหลาบสีฉูดฉาดช่อใหญ่ช่อหนึ่งอยู่ เดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ
ข้างๆเขายังตามมาด้วยนักข่าวที่แบกกล้องกันมาจำนวนมาก!
ฟู๋เชียนเชียนตกตะลึงไป “สือเยว่ นี่มันเรื่องอะไร…”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา หันหน้าไปมองด้านหลังของตน
ห้องแต่งหน้ามีเพียงทางออกเดียว
ตอนนี้ตรงทางออกนั้น เฉิงเซวียนกำลังเดินเข้ามาหาเธอ
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับลุกยืนขึ้น
เฉิงเซวียนก็ได้เดินมาอยู่ตรงหน้าเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สือเยว่”
ชายหนุ่มมองเธอมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
เสียง “ปัง” ดังขึ้น เฉิงเซวียนได้คุกเข่าข้างนึงออกมาอยู่ตรงหน้าของซูสือเยว่
ในมือของเขากำลังชูช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่นั้นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง “สือเยว่ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยเถิดนะ”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา “ยกโทษอะไรให้คุณ?”
เฉิงเซวียนคนนี้เล่นลูกไม้อะไรออกมาอีก?
เฉิงเซวียนเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเธอ “ยกโทษให้กับเรื่องที่ผมเคยทำลงไป”
“ผมไม่ควรจะรังเกียจคุณเพียงเพราะสิ่งที่คุณได้พลาดพลั้งไปในอดีต แล้วไปคบกับเซี่ยงหวั่นฉิง”
“จวบจนตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่าผมมันโง่มากแค่ไหน ผมปล่อยให้คนที่รักผมที่สุดในโลกหลุดมือไป”
พูดจบ เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมา มองใบหน้าซูสือเยว่ไปด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง “ผมรู้ว่าคุณยังมีความรู้สึกดีๆกับผมอยู่”
“เพราะถึงยังไงพวกเราก็คบกันมาห้าปีกว่า คุณเลิกกับผมไปเพราะว่าผมนอกใจไปคบกับเซี่ยงหวั่นฉิง”
“ตอนนี้ผมสำนึกผิดแล้ว ผมอยากย้อนกลับไป อยากจะตามจีบคุณใหม่อีกครั้ง”
“ผมไม่ขอให้ต้องมาคบกับผมตอนนี้ แต่หวังว่าคุณจะสามารถให้โอกาสผมได้จีบคุณ”
ซูสือเยว่มองเขาไป ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ มุมปากก็ได้แสยะออกมาอย่างเยือกเย็น “นายกำลังฝันอยู่เหรอ?”
ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ข้างๆก็ยิ่งเดือดขึ้นมา เธอเตะไปที่ร่างของเฉิงเซวียนอย่างแรงไปทีนึงทันที “นายมันนับว่าเป็นตัวอะไรกัน?”
“นายบอกว่านอกใจก็นอกใจ นายบอกว่าจะตามจีบใหม่ก็จะตามจีบใหม่ นายให้ความสำคัญกับตัวนายเองเกินไปแล้วมั้ย?”
“สือเยว่ได้มีชีวิตใหม่ของเธอแล้ว เธอเองก็มีความสุขของเธอ นายก็ไสหัวออกไปให้ไกลๆหน่อยเถอะ!”
พูดจบ ฟู๋เชียนเชียนได้ยกมือขึ้นมา ลากซูสือเยว่เตรียมที่จะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย ผันร่างมา มองใบหน้าของเฉิงเซวียนด้วยความเย็นชา “ฉันจำได้ว่าฉันพูดกับนายชัดเจนไปตั้งนานแล้วนะ”
“ตอนที่ถ่ายทำเมื่อหลายวันก่อน นายเองก็พยายามรักษาระยะห่างกับฉันอย่างระวังๆด้วย”
“รวมถึงเรื่องที่ดังครึกโครมที่เซี่ยงหวั่นฉิงฟ้องนายเมื่อไม่นานมานี้ นายเองก็ไม่เคยจะเอาอดีตของนายกับฉันมาสร้างกระแสด้วย”
“วันนี้สร้างเรื่องอย่างนี้ออกมาเสียเอิกเกริก…”
เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย “มีใครข่มขู่นายหรือเปล่า?”
สีหน้าของเฉิงเซวียนซีดเผือดออกมาทันที!
เขาก้มหน้าลงไปทันที พยายามปฏิเสธออกมาอย่างสุดชีวิต “ไม่มี ไม่มี”
“ผมก็แค่…ก็แค่คิดได้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน!”
ซูสือเยว่มองใบหน้าของเขา ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ก็ได้ผันร่างเดินออกไป
เฉิงเซวียนยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิม มองเงาร่างเบื้องหลังของเธอกับฟู๋เชียนเชียนที่ได้เดินออกไป มุมปากก็ฝืนยิ้มเจื่อนๆออกมา
อันที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เมื่อก่อนหน้านี้เขาคิดมาโดยตลอดว่าในใจของซูสือเยว่มีเขาอยู่ เขาก็เลยมองเธอเป็นเหมือนของประดับที่จะสั่งให้ไปทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
ในภายหลัง เขาเข้าใจชัดเจนแล้วว่าในใจของเธอ เขาไม่สถานะอะไรอยู่เลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่เพราะซูโม่…เขาไม่มีทางจะมาทำเรื่องที่จะสร้างความอัปยศให้กับตัวเองหรอก
“คุณเฉิง”
ในตอนที่เขามองเงาร่างเบื้องหลังของซูสือเยว่ที่เดินออกไปอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น ในหูฟังบลูทูธที่เฉิงเซวียนสวมมาโดยตลอดได้มีเสียงเย็นชาของซูโม่ดังขึ้นมา “นายปล่อยให้ซูสือเยว่เดินออกไปอย่างนี้เลย?”
“จุดจบของคนที่ขัดใจฉันมันคืออะไร ต้องการให้ฉันบอกนายอีกรอบมั้ย?”
ร่างของเฉิงเซวียนนิ่งค้างไปอย่างจัง
วินาทีต่อมา เขาก็ได้โยนกุหลาบที่อยู่ในอ้อมแขนทิ้งไป แล้วสาวเท้าใหญ่ๆตามซูสือเยว่ไป “สือเยว่ เธอจะไปไม่ได้!”
ชายหนุ่มเดินหน้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดึงแขนข้างหนึ่งของซูสือเยว่เอาไว้ “พวกเรารักกันมาห้าปีเลยนะ!”
“ความรู้สึกห้าปีเธอปล่อยมันไปง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ? ทำไมเธอถึงได้เลือดเย็นอย่างนี้!”
ซูสือเยว่รู้สึกว่ามันน่าตลกมาก
เธอเลือดเย็น?
เพราะว่าเธอได้คำนึงถึงความรู้สึกของเธอกับเขาเมื่อห้าปีก่อนแล้ว ก็เลยไม่ได้ทำให้มันเด็ดขาดอะไรนัก
เธอได้ให้โอกาสเขามากเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว
แล้วเขาล่ะ?
ถ้าไม่เพราะเซี่ยงหวั่นฉิงทรยศเขา เขาจะสำนึกผิดกลับมาอย่างรวดเร็วมั้ย?
หญิงสาวสลัดมือของเขาออกไปอย่างแรง “ก็ฉันมันเลือดเย็นนั่นแหละ!”
“เฉิงเซวียน ฉันขอเตือนนายเอาไว้ว่าต่อจากนี้ไปอยู่ให้ห่างฉันหน่อย!”
เฉิงเซวียนกัดฟัน ตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
ถึงยังไงนักข่าวในที่แห่งนี้ก็มีเยอะมาก วันนี้เขาจะตามเธอไปให้ถึงที่สุด!
ถึงตอนนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าซูสือเยว่จะปฏิเสธ การแสดงความคิดเห็นกันในอินเทอร์เน็ตมันคงจะไม่น้อยเลย อย่างนั้นแล้วเป้าหมายของซูโม่ก็นับได้ว่าได้บรรลุผลแล้ว!
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ได้ยื่นมือออกไปคว้าแขนเสื้อเธอเอาไว้อีกครั้ง “สือเยว่!”
“ปล่อยเธอ”
ในตอนที่มือของเฉิงเซวียนได้คว้าไปที่ซูสือเยว่อีกครั้งนั้น เสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น
วินาทีต่อมา มือของเฉิงเซวียนก็ได้ถูกมือใหญ่ของชายหนุ่มดึงออกไปอย่างแรง
พละกำลังของชายหนุ่มนั้นแรงมาก เฉิงเซวียนถูกเขาเหวี่ยงออกไปอีกทางนึง จนเกือบจะทรงตัวไม่อยู่
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เขาถึงจะจับผนังที่อยู่ข้างๆเพื่อทรงตัวเอาไว้ “แกเป็นใครกันห้ะ?”
“ฉัน นายไม่รู้จักเลย?”
เฉิงเซวียนเงยหน้าขึ้นมา
ผู้ชายที่กำลังยืนปกป้องซูสือเยว่อยู่ข้างหน้าคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอย่างจี้หนานเฟิง!?
เฉิงเซวียนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
จี้หนานเฟิงดึงกระดาษชำระที่ผู้ช่วยส่งมาให้ เช็ดไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ท่าทางที่ดูรังเกียจนั้นเหมือนกับเพิ่งจะจับคางคกมาก็ไม่ปาน
เฉิงเซวียนชะงักไปเล็กน้อย “จี้หนานเฟิง ทำไมคุณถึงได้…”
“ซูสือเยว่เป็นเพื่อนของฉัน”
จี้หนานเฟิงมีส่วนสูง188 ยืนอยู่ตรงหน้าเฉิงเซวียนที่สูง170 ดูสูงกว่าเขาไปหนึ่งช่วงตัวเต็มๆ
ชายหนุ่มมองต่ำลงไป มองเฉิงเซวียนไปด้วยความเหยียดหยาม “ฉันว่าฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวแล้วหรอกมั้ง”
“ในวงการบันเทิงนี้ ฉันคือพระเจ้า”
“คิดจะมาก่อกวนซูสือเยว่ต่อ ลองถามฉันก่อนสิว่าจะให้นายได้อยู่ในวงการนี้ต่อไปหรือเปล่า”