“คงจะแค่หน้าเหมือนกันมั้งคะ”
ซูสือเยว่ก็ไม่ได้เอาคำพูดของผู้ชายคนนั้นมาใส่ใจ ตอนนี้ในหัวของเธอสนใจแต่เรื่องความปลอดภัยของลั่วเยียนเท่านั้น
“พวกเราออกไปตามหาก่อนนะครับ”
พอเห็นว่าซูสือเยว่ไม่ได้อยากจะคุยเรื่องนี้ต่อ ชายคนนั้นก็หันกลับไปอย่างมีไหวพริบ แล้วก็พาผู้ชายอีกสองคนตามไป
“พี่เจิง ที่พี่พูดเมื่อกี้พี่คิดว่าคุณผู้หญิงคนนั้นเหมือนใครเหรอ? ”
พอสามคนนั้นออกมาจากวิลล่าหยุนสุ่ย ก็มีคนถามออกมาด้วยความสงสัย
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าพี่เจิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “ฉันเคยเป็นบอดี้การ์ดของครอบครัวใหญ่ในยุโรปมาพักหนึ่ง”
“ท่านเมื่อกี้นี้ เหมือนกับคุณนายตระกูลนั้นมาก”
“แต่น่าเสียดาย……”
“เสียดายอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก รีบไปตามหาคนกันเถอะ”
……
หลังจากพวกบอดี้การ์ดไปแล้ว ซิงกวงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอรู้ว่าตอนนี้ซูสือเยว่ต้องไม่มีอารมณ์จะดูการ์ตูนกับเล่านิทานให้เธอฟังแล้วอย่างแน่นอน
เธอหาวนอน แล้วก็แสร้งทำเป็นเหนื่อยล้าและบิดขี้เกียจ “แม่คะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว หนูจะไปนอนแล้วนะ”
“หนูว่าอารมณ์แม่น่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ต้องเล่านิทานให้หนูฟังแล้วก็ได้ค่ะ รีบไปตามหาเพื่อนแม่เถอะ”
พอพูดจบนั้น เธอก็กระโดดลงจากโซฟา ยิ้มตาหยีแล้วก็กุมมือซูสือเยว่ “เจิ้งเจิงเก่งมากเลยนะคะ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็สามารถบอกที่อยู่ของน้าลั่วเยียน ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ”
“คืนนี้หนูมีความสุขมากเลย แม่รีบไปตามหาเธอเถอะค่ะ”
ซูสือเยว่เม้มปาก เธอดูออกว่าซิงกวงกำลังฝืนยิ้มอยู่
แต่ว่าตอนนี้……เธอไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเล่านิทานกล่อมเธอนอนได้หรอก
“ขอโทษนะ……”
หญิงสาวยกมือขึ้นหยิกแก้วอ้วนๆ ของซิงกวง “น้าซูติดหนี้หนูแล้วนะ ครั้งหน้าถ้าเกิดว่ามีเวลาจะมาเป็นแม่ของหนูให้ใหม่ ดีไหม?”
“ดีค่ะ!”
เด็กน้อยยิ้มจนตาหยีและพยักหน้า “นี่น้าพูดเองนะ ไม่งั้นซิงกวงจงใจจะจัดวันเกิดอีกครั้งนะ”
มองท่าทางที่รู้เรื่องรู้ราวของเธอแล้ว ซูสือเยว่ก็รู้สึกปวดใจ
เธอนึกถึงซิงหยุนกับซิงเฉิน
เด็กน้อยทั้งสองคนของบ้านเธอนั้น ก็รู้เรื่องรู้ราวดีเหมือนกัน
เด็กสมัยนี้รู้เรื่องรู้ราวจนน่าปวดใจ
เธอย่อตัวลง แล้วก็จูบหน้าผากของซิงกวงเบาๆ “ถ้ายังงั้นน้าซูไปก่อนนะ”
“หนูอยู่บ้านคนเดียวไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ!”
ซิงกวงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “คุณอาจี้งานยุ่งมาก ไม่ได้กลับบ้านหลายวันบ่อย หนูชินแล้วค่ะ!”
“ฝันดีนะคะ!”
พอพูดจบ เด็กน้อยก็หันหลังไป แล้วก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน
ในมุมที่ซูสือเยว่มองไม่เห็นนั้น น้ำใสๆ ก็หยดออกมาจากหางตาของเธอ
สุดท้ายเธอก็ไม่มีโอกาสได้มีแม่ดีๆ แบบนี้
แม้ว่าเธอจะแกล้งทำเป็นจัดงานวันเกิด ก็ยังเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด
ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังของซิงกวง และความทุกข์ก็เกิดขึ้นในหัวใจของเธอ
“ซิงกวง”
เธอเม้มปาก แล้วก็เรียกเธอไว้
เด็กน้อยคนนั้นหยุดเดิน “น้าซูยังมีเรื่องอะไรอีกรึเปล่าคะ? ”
“คุณอาจี้ของหนูพูดถูก”
“พ่อกับแม่ของหนูอาจจะยังรอให้หนูกลับบ้านอยู่ที่มุมไหนของโลกใบนี้ก็ได้”
“หนูจะต้องหาพวกเขาเจออย่างแน่นอน”
ซิงกวงหลับตาลง น้ำตาก็ร่วงหล่นอย่างไม่มีเสียง “หนูเองก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”
“ข้างนอกมืดแล้ว น้าซูระวังตัวด้วยนะคะ!”
พอพูดจบ เธอก็วิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองไป
มองดูแผ่นหลังของเด็กน้อยหายลับไปจากสายตาของตัวเอง ซูสือเยว่ก็ถอนหายใจ แล้วก็เดินออกไปจากคฤหาสน์
ตอนกลางคืนวิลล่าหยุนสุ่ยค่อนข้างจะเงียบงัน ด้านนอกไม่มีคนแม้แต่คนเดียว
พอซูสือเยว่ออกมาจากคฤหาสน์แล้วก็รู้สึกผิดหวัง
วิลล่าหยุนสุ่ยเป็นพื้นที่คฤหาสน์ระดับไฮเอนด์ และแท็กซี่ไม่สามารถเข้าไปได้เลย
เธอคิดว่าถ้าจะออกไปเธอก็ต้องเดินออกไปหน้าประตูใหญ่แล้วค่อยเรียกแท็กซี่
แต่ว่าคฤหาสน์ของจี้หนานเฟิงนั้นอยู่ห่างจากประตูใหญ่ค่อนข้างไกล เธอเดินมาเกือบสิบนาที ก็ยังไม่ถึงเลย
ตอนนาทีที่สิบนั้น เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเจิ้งเจิง
“คุณซู สามารถแกะรอยจากสัญญาณโทรศัพท์เพื่อนของคุณได้แล้วนะครับ”
“ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในรถที่มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกของเมือง ตอนนี้พวกเรากำลังรีบตามไป”
“แต่ว่าแปลกมากเลยครับ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะวนอยู่รอบๆ เมืองหรง ผมสงสัยว่าอีกฝ่ายจงใจจะใช้สัญญาณโทรศัพท์ของเธอเพื่อเป็นเหยื่อล่อ แต่ว่าตัวเธอไม่ได้อยู่บนรถ”
“ในหลายช่วงของถนนที่พวกเขาเดินทางไปไม่มีกล้องวงจรปิด ผมไม่แน่ใจว่ามีคนได้ลงมาจากรถในจุดที่ไม่มีกล้องรึเปล่า นอกจากโทรศัพท์แล้ว ยังมีข้อมูลด้านอื่นของเพื่อนคุณที่สามารถติดตามได้อีกไหมครับ? ”
ตำพูดของเจิ้งเจิง ทำให้ซูสือเยว่แข็งทื่อไปในทันที
คนกับโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ทางที่ไม่มีกล้องวงจรปิด
ข้อมูลสองข้อนี้ เพียงพอที่จะทำให้เธอล้มลงได้เลย!
เธอกัดริมฝีปากแน่น “คุณตามรถคันนั้นไป แล้วก็ลากคนในรถลงมาแล้วถามพวกเขาว่าลั่วเยียนอยู่ที่ไหน!”
“ไม่ต้องหรอกครับ พวกเราตามไปแล้ว มีคนทำแบบนั้นเรียบร้อยแล้วครับ”
“ผมวางแผนจะไปตรวจสอบรอบๆ เส้นทางที่ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ว่าขอบเขตมันกว้างเกินไป พวกเราทั้งสามคนมีความสามารถในการตรวจสอบที่จำกัด ทำได้แค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น”
“แต่ว่าคนที่อยู่ด้านหน้าก็น่าจะมาช่วยเพื่อนของคุณเหมือนกัน พวกเราสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น “รบกวนด้วยนะคะ”
“คุณคือเพื่อนของเจ้าหญิงน้อยซิงกวง ก็คือเพื่อนของพวกเราเหมือนกัน”
พอพูดจบ เจิ้งเจิงก็วางสายไป
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ซูสือเยว่ก็ได้รับรูปที่เจิ้งเจิงส่งมาให้
ในรูปนั้น ฉินหนานเซิงกำลังคว้าคอเสื้อของชายคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่งแล้วก็กระทืบเขาที่พื้น
เธอหลับตาลง
คืนนี้ต้องนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
“ขึ้นรถสิ”
ตอนที่เธอกำลังสับสนและไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรนั้น รถมาเซราติสีดำคันหนึ่งก็จอดลงด้านข้างเธอ
ประตูรถถูกเปิดออก และก็เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยของฉินโม่หาน
ฃซูสือเยว่อึ้งไป “นายมาได้ยังไง……”
“ก็บอกว่าจะมารับเธอไง”
ชายหนุ่มยิ้มจางๆ ให้กับเธอ “ขึ้นมาสิ”
ซูสือเยว่เม้มปาก แล้วก็ขึ้นรถไป
ตอนที่ปิดประตูรถนั้น ชายหนุ่มก็ดึงเธอเข้าไปกอด “เมื่อกี้หนานเซิงโทรมาแล้ว ฉันได้ยินเรื่องของลั่วเยียนเรียบร้อยแล้ว”
“พ่อบ้านได้จัดการให้คนไปช่วยเหลือแล้ว”
พอพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นหยิกแก้มของซูสือเยว่เบาๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้น แล้วก็จ้องหน้าเขา
“ฉันไม่ควรออกมาเลย”
ถ้าเกิดว่าเธอไม่เชื่อฟังที่ลั่วเยียนกับหัวหน้าผู้กำกับบอกให้เธอกลับ ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับลั่วเยียนนั้น ต่อให้เธอไม่สามารถหยุดได้ แต่ว่าเธอก็สามารถเรียกคนมาช่วยได้ทันเวลา
และจะไม่เกิดสถานการณ์ที่ไม่มีใครตามหาลั่วเยียนเจอเหมือนในตอนนี้หรอก
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอ”
ชายหนุ่มกอดเธอไว้ในอ้อมแขน “เธอไม่เป็นอะไรหรอก”
“ฉันรับรอง”
ลมหายใจที่คุ้นเคยและเสียงที่หนักแน่นของฉินโม่หาน ทำให้หัวใจของซูสือเยว่เหมือนถูกโจมตีอะไรบางอย่าง
น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเธออย่างอดไม่ได้ เธอจับปกเสื้อของฉินโม่หานไว้แน่น “ถึงแม้ว่าคงความสัมพันธ์ของฉันกับลั่วเยียนจะไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก”
แต่ว่าเธอก็เป็นนักแสดงที่ฉันชอบมาโดยตลอด”
“และช่วงเวลาที่ฉันอับอายและลำบากมากที่สุด ถูกเซี่ยงหวั่นฉิงกับเฉิงเซวียนรังแก เธอก็เป็นคนที่ออกตัวให้ฉันไปเป็นแสตนด์อินให้……”
“ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“เธอควรจะได้มีอนาคตที่ดีกว่านี้……”
เสียงที่สั่นเครือและน้ำตาของหญิงสาวคนนี้ ทำให้หัวใจของฉินโม่หานหยุดลง
ชายหนุ่มเม้มปาก “วางใจเถอะ”
“หนานเซิงไม่มีทางปล่อยให้เธอเป็นอะไรหรอก”