ร้านขนมหวานหมี่หลันในใจกลางเมือง
ซูสือเยว่ลงจากรถ มือข้างหนึ่งก็จับซิงหยุนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ มืออีกข้างหนึ่งก็จับซิงเฉินที่ยิ้มหน้าบานแฉ่ง และเดินมุ่งหน้าไปทางร้านขนมหวาน
“ร้านนี้เมื่อก่อนฉันชอบกินมาก”
ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายใหญ่โตนั่น พลันหวนคิดถึงความหลังตั้งมากมาย
ในตอนแรกที่ทุกคนยังไม่รู้ว่าเธอกับซูโม่ถูกอุ้มสลับตัวกัน ทางบ้านตระกูลซูก็ปฏิบัติตัวต่อเธอราวกับเป็นลูกสาวที่แท้จริง
ตอนนั้น ซูจิ่นเฉิงกับเฉินฟางก็ยินยอมที่จะเอาของที่ดีที่สุดประเคนให้กับเธอทั้งหมด
ขนมหวานก็ใช่
ตอนนั้นที่เธอเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลซู เวลากินของหวานก็ต้องมากินที่ร้านขนมหวานหมี่หลัน
หลังจากที่ฐานะที่แท้จริงถูกเปิดเผยแล้ว เธอก็ไม่เคยมีสิทธิ์ที่จะมากินที่นี่ได้เลย
“งั้นของชอบของหม่ามี๊กับผมก็เหมือนกันนะสิ!”
ซิงเฉินยิ้มให้พร้อมทั้งจับมือของซูสือเยว่เอาไว้แน่น “ให้พวกเรามีความสุขกับการกินขนมหวานกันเถอะ!”
พูดจบ เขาก็เหลือบมองมาทางซิงหยุนอย่างได้ใจ “ใครบางคนไม่ชอบกินของหวาน ก็ไม่ต้องกินก็จบเรื่องแล้ว!”
ซิงหยุนกลอกตามองบน “ร้านขนมหวานก็ไม่ใช่ว่ามีแต่ของหวานนี่”
สามคนแม่ลูกเดินเข้าไปในร้านขนมหวาน
ซิงเฉินมองเห็นเค้กที่จัดได้อย่างประณีตอยู่ในตู้กระจก
“ขอโทษด้วย”
พนักงานเริ่มลำบากใจ “เค้กชิ้นนี้แขกที่อยู่ด้านบนจองเอาไว้ ….”
“โชคไม่ดีเลย”
ซูสือเยว่เหลือบตามองซิงเฉิน “เปลี่ยนเป็นอีกอันนะ?”
แต่ว่าบนใบหน้าของหมอนี่เขียนความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “แต่ว่าหม่ามี๊ แต่ผมอยากจะได้อันนี้!”
หญิงสาวได้แต่มองพนักงานอย่างเบื่อหน่าย “ทำแบบนี้อีกสักอันได้ไหม?”
“เชฟที่ทำเค้กก้อนนี้มีธุระด่วนเลยออกไปแล้ว”
พนักงานก็ลำบากใจมากเช่นกัน
สักครู่ เธอเผยอปาก “ฉันขอไปถามแขกด้านบน บางทีอาจจะแบ่งให้พวกคุณครึ่งหนึ่ง”
“ทางฝั่งนั้นก็เป็นเด็กเช่นกัน น่าจะกินเค้กก้อนใหญ่ขนาดนี้ไม่หมด”
พูดจบ พนักงานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและจัดการโทรออกไป
ไม่นานนัก ชายหนุ่มสูงใหญ่ที่อยู่ด้านบนท่านหนึ่งก็ลงมา “ใครกันต้องการจะแบ่งเค้กของเจ้าหญิงน้อยของพวกเราครึ่งหนึ่ง?”
น้ำเสียงนี้…
ซูสือเยว่รีบเงยหน้าขึ้น ตอนที่เห็นคนคนนั้น เธอผงะเล็กน้อย คนคนนั้นเองก็ตะลึงเช่นกัน
“คุณซูเหรอ?”
“เจิ้งเจิง?”
ชายหนุ่มที่เดินลงมาจากชั้นบนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจิ้งเจิงหัวหน้าทีมทีมคุ้มกันซิงกวงน้อย!
เธอขมวดคิ้ว พลันชี้ไปที่เค้กที่อยู่ในตู้กระจก “ดังนั้นเค้กชิ้นนี้…นั่นคือน้องชายคุณเหรอ?”
ซิงเฉินกลอกตามองบน “น้องชายอะไร พวกเราเป็นลูกชายของหม่ามี๊นะ!”
“เธอเป็นหม่ามี๊ของพวกเรา!”
พูดจบ เจ้าตัวน้อยก็เขยิบขึ้นไปทางด้านหน้า และกางแขนออก ราวกับเหยี่ยวตัวน้อยที่กำลังขวางกันด้านหน้าซูสือเยว่อยู่ “อย่าเรียกร้องความสนใจจากหม่ามี๊ของผม หม่ามี๊ของผมแต่งงานมีลูกแล้ว!”
ท่วงท่าน่ารักจากเขามันทำให้เจิ้งเจิงหัวเราะออกมา
เขาเงยหน้าเหลือบตามองซูสือเยว่แวบหนึ่ง “ไม่คิดเลยว่าลูกชายของคุณซูจะโตขนาดนี้แล้ว”
ตอนที่พูดอยู่ เขาก็เหลือบไปมองเค้กก้อนนั้น “พนักงานพูดก็ไม่ผิดเลย เค้กก้อนนี้มันใหญ่ไปจริงๆ เจ้าหญิงตัวน้อยกินคนเดียวไม่หมด คุณจี้ก็ไม่กินของหวาน”
“ไม่งั้นคุณซูก็มาเด็กสองคนขึ้นไปด้านบน พวกเราไปนั่งโต๊ะเดียวกัน ผมเชื่อว่าคุณจี้กับเจ้าหญิงน้อยก็คงยินยอมเลี้ยงเค้กพวกคุณ”
ซูสือเยว่พยักหน้า
อายุของซิงกวง ซิงเฉิน และซิงหยุนก็น่าจะใกล้ๆกัน ชื่อก็คล้ายกันด้วย ไม่แน่อาจจะเป็นเพื่อนกันได้!
ดังนั้น เธอเลยพาซิงหยุนที่ไม่พูดไม่จาสักคำ และยังมีซิงเฉินที่ทำหน้าไม่ดีใจเดินตามเจิ้งเจิงขึ้นชั้นบนไป
ห้องรับรองที่อยู่ด้านบน ซิงกวงกำลังพาดตัวอยู่บนโต๊ะอย่างไม่พอใจ และสีหน้าโกรธเคืองตอนที่มองมายังจี้หนานเฟิง “อาจี้ อาไม่ทำตามที่พูดไว้”
“คราวที่แล้วไม่ใช่อาพูดว่า จะเอาแฮ็กเกอร์คนเก่งคนนั้นของน้าซูแนะนำให้เป็นครูของหนูไง?”
“นี่มันกี่วันแล้วเนี่ย เสียเวลาไปโดยไม่ใช่เรื่อง!”
สีหน้าอันหล่อเหลาของจี้หนานเฟิงปรากฏให้เห็นถึงความเบื่อหน่าย “ช่วงนี้น้าซูของหนูไม่ว่างเลย”
เมื่อคืนวานแม่ว่าเขาจะทำงานโอทีตลอด เพราะเจิ้งเจิง เขาก็เลยรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าอะไรเป็นอะไร
ความสัมพันธ์ระหว่างซูสือเยว่กับลั่วเยียนนั้นไม่เลวเลย ตอนนี้ลั่วเยียนเกิดเรื่องนั้นขึ้น ช่วงนี้ซูสือเยว่ก็ต้องยุ่งวุ่นวายมาก เขาก็มิอาจจะเอาเรื่องขี้ปะติ๋วนี้ไปรบกวนเธอได้
ดังนั้นชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ “ไม่งั้นอาจี้ก็หาให้หนูหลายคนทางอินเทอร์เน็ตเอาไหม?”
“ไม่เอา”
ซิงกวงกลอกตามองบน “บนอินเทอร์เน็ตมีผู้มากฝีมือที่ฝีมือไม่เท่าไหร่ตั้งเยอะแยะไม่มีใครเก่งกว่าหนูเลย!”
เมื่อเห็นว่าสาวน้อยคนนี้หลับหูหลับตาค้านหัวชนฝาไม่เอาอะไรเลย จี้หนานเฟิงได้แต่ปวดหัว
เวลานั้น ประตูห้องรับรองก็ถูกผลักเข้ามา
คนที่เข้ามาเป็นคนแรกคือพนักงานที่ถือเค้ก
เมื่อพนักงานวางเค้กเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้างหลังก็มีเจิ้งเจิงที่ยิ้มหน้าบานตามมา
“เจ้าหญิงน้อย ลองเดาซิว่าผมพาใครมาให้คุณด้วย?”
จี้ซิงกวงไม่เงยหน้าและเอาศีรษะพาดกับโต๊ะ “ตอนนี้นอกจากอาซูแล้ว หนูไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น”
เจิ้งเจิงยิ้มให้ “งั้นองค์หญิงน้อยเงยหน้าขึ้นมามองหน่อย”
ซิงกวงเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่สนใจ
ตรงประตู ก็มีซูสือเยว่ที่ใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวยืนอยู่
“น้าซู!”
สาวน้อยรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ทันที และกางแขนอ้า และพุ่งตัวไปกอดซูสือเยว่อย่างรวดเร็ว
ทว่าร่างกายน้อยๆยังไม่ทันได้กอดซูสือเยว่เลย ก็ถูกหนุ่มน้อยที่สูงกว่าเธอหนึ่งฝ่ามือขวางเอาไว้แทน
ซิงเฉินกอดอก พร้อมทั้งถลึงตาใส่และทำท่าทางดุดัน “นี่คือหม่ามี๊ของฉัน ไม่อนุญาตให้เธอกอด!”
ทว่าตอนที่เขาปรากฏตัวมันช่างปัจจุบันทันด่วนไป ซิงกวงน้อยเบรกไม่ทัน เลยชนซิงเฉินเข้าอย่างจัง
สาวน้อยวิ่งเร็วมาก ดังนั้นเลยพาพละกำลังมามากด้วย ตอนที่ซิงเฉินถูกชนจนล้มลง เลยเอื้อมมืออกไปคว้าซิงหยุนที่อยู่ด้านข้าง
ดังนั้น–
เสียงดัง “โครม” เด็กทั้งสามคนล้มไปกองอยู่ที่พื้นตรงด้านหน้าของซูสือเยว่
ซูสือเยว่รู้ว่าตนเองไม่ควรจะยิ้ม
แต่ว่าเธอก็อดไม่ได้
ท่าทางของเด็กทั้งสามคนที่ล้มไปกองอยู่นั้นมันช่างกองระเนระนาด…
ขนาดซิงหยุนที่ปกติเย็นชาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันยังตลกมากเลย
สาวน้อยที่อยู่ด้านข้างหัวเราะจนตัวงอ
เจิ้งเจิงที่อยู่ด้านข้างประคองซิงกวงลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ช่วยให้เด็กหนุ่มสองคนลุกขึ้นมา
“พวกนายเป็นใคร!”
ซิงกองเท้าสะเอว พร้อมทั้งใช้ดวงตาเบิกโตจ้องมองซิงหยุนและซิงเฉินอย่างโหดร้าย
ซิงหยุนเหลือบมองเธอตามปกติ แต่ไม่พูดอะไร
ซิงเฉินเองก็ทำท่าทางเท้าสะเอวเหมือนกับซิงกวง “แล้วเธอล่ะเป็นใคร?”
“ไม่รู้เหรอว่าไม่สามารถเที่ยวไปกอดหม่ามี๊ของคนอื่นได้ตามใจอะ?”
“เธอคือน้าซูของฉัน! ฉันจะกอด!”
“เธอเป็นหม่ามี๊ของฉัน ฉันไม่ให้กอด!”
เด็กน้อยทั้งสองคนเถียงกันไม่ลดละ
จนสุดท้าย ซิงหยุนดึงซิงเฉินมาอีกทาง “อย่าไปทะเลาะกับเด็กผู้หญิง”
ซิงกวงไม่ดีใจขึ้นมาแล้ว “เป็นผู้หญิงแล้วมันยังไง?”
“ฉันเป็นถึงแฮ็กเกอร์องค์หญิงน้อยที่เก่งที่สุดอายุน้อยที่สุดของเมืองหรง!”
“พวกนายเก่งกว่าฉันเหรอ ถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้!”
“องค์หญิงน้อยแฮ็กเกอร์เหรอ?”
ซิงหยุนยิ้มให้
เขามองซิงกวงตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอเหรอ?”
ท่าทางดูถูกของเขามันทำให้ซิงกวงโมโหทันที “นายไม่พอใจใช่ไหม?”
“มีปัญญาก็มาแข่งกับฉัน!”
“ไม่มีปัญญาก็อย่ามาขวางที่ฉันจะกอดน้าซู!”
ซิงหยุนกระตุกมุมปาก พร้อมทั้งเอาโทรศัพท์กดโทรออก “คนขับรถ เอาคอมพิวเตอร์ของผมขึ้นมาส่งให้หน่อย”
ซิงกวงก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ “หัวหน้าเจิ้ง คุณก็เอาคอมพิวเตอร์ของฉันเอามาด้วย!”
พูดจบ เธอก็ทำสีหน้าเยาะเย้ยและมองไปทางซิงหยุน
ซิงหยุนเองก็สบตาเธออย่างเย็นชา
เด็กสองงคนทางฝั่งนี้กำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด แต่ทางฝั่งของซิงเฉินนั้นก็ดึงซูสือเยว่มาที่โต๊ะ และนั่งลงตรงข้ามกับจี้หนานเฟิงแล้ว
“คุณอาคนหล่อท่านนั้น วันนี้คุณเลี้ยงขนมพวกเรา ใช่ไหม?”
เวลานั้นเองจี้หนานเฟิงถึงได้ดึงสติกลับมาจากซิงกวงกับซิงหยุน
เขาเหลือบตามองหนุ่มน้อยที่หน้าตาฉลาดหลักแหลมที่อยู่ด้านหน้า และพยักหน้าให้ “อืม ฉันเลี้ยง”
“งั้นดีเลย”
ซิงเฉินยิ้มให้และเหลือบตามองพนักงานที่อยู่ด้านข้าง “” เอาเค้กที่แพงที่สุดเอามาให้ผมสองชิ้นครับ!