หลังจากทานอาหารกลางวันแล้วซูสือเยว่ก็พาเด็กทั้งสองคนกลับบ้าน
เพราะตอนบ่ายจี้หนานเฟิงยังมีถ่ายงานอีก ดังนั้นจึงฝากซิงกวงไว้กับซูสือเยว่
เจ้าหญิงน้อยตามเธอขึ้นรถ พูดคุยอย่างตื่นเต้นตลอดทาง
“น้าซูคะ นี่เป็นทางไปบ้านน้าซูเหรอคะ หนูต้องจำให้ได้ ต่อไปน่าจะต้องไปบ่อยๆ!”
“พี่ซิงหยุน พี่ไม่ได้ชอบพูดคุยมากเหรอคะ ไม่เป็นไร หนูพูดมากกว่าพี่นิดหน่อย ผู้ชายเขาต้องเคร่งขรึมหน่อยถึงจะยิ่งหล่อนะ!”
“พี่ซิงหยุน….”
อารมณ์ของเด็กมักจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาไม่เกินสองชั่วโมง ทัศนคติของซิงกวงที่มีต่อซิงหยุนจากต่อต้านในตอนเริ่มแรก จนถึงการพึ่งพาอาศัยในตอนนี้
ซิงเฉินที่อยู่ข้างๆรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง
สองมือของเขากุมรอบศีรษะ มองซิงกวงอย่างอับจนหนทาง “ฉันไม่หล่อเลยหรือยังไง”
“พี่ไม่ได้หล่อเหมือนพี่ซิงหยุนนะสิ!”
ซิงกวงยังคงมองซิงหยุนด้วยสายตาเปล่งประกาย “พี่ซิงหยุน พวกเราไปที่บ้านพี่พี่ก็สอนวิธีการแฮ็กโปรแกรมให้ฉันได้มั้ยคะ”
ซิงเฉินยิ่งกลุ้มใจมากขึ้น
เห็นชัดว่าเขากับพี่ชายหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ
ทำไมน้องสาวถึงบอกว่าพี่ชายหล่อ แต่กลับไม่ชมเขาสักคำ!
ไม่ชอบใจ!
ซูสือเยว่มองดูเด็กทั้งสามคนถกเถียงกัน มุมปากก็อดที่จะยกขึ้นไม่ได้
ความจริงแล้วซิงกวงมาด้วยก็ดีมาก มีน้องสาวอยู่ด้วย ซิงหยุนและซิงเฉินก็ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ขณะที่เธอกำลังรู้สึกปลาบปลื้มอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
คือฉินหนานเซิงส่งภาพถ่ายสองใบมาให้ แนบมาพร้อมคำว่า “ขอบคุณ”
ซูสือเยว่กดเปิดรูปภาพ
ภาพแรก คือใบจดทะเบียนสมรสของฉินหนานเซิงกับลั่วเยียน
ภาพที่สอง คือภาพหมู่ของครอบครัวฉินหนานเซิงกับพ่อแม่ของลั่วเยียนที่ถ่ายกันหน้าเตียงคนไข้ของลั่วเยียน
ดวงตาของพ่อแม่ลั่วเยียนยังบวมแดง ดูท่าทางแล้วก็คงเพิ่งทราบข่าวที่ลั่วเยียนหมดสติ
ซูสือเยว่กดเปิดดูทะเบียนสมรสด้วยความตื่นตกใจ มั่นใจว่าเป็นของจริง
….ฉินหนานเซิงจดทะเบียนสมรสกับลั่วเยียนเร็วขนาดนี้เลยหรือ
เขากลัวว่าตัวเขาเองจะเสียใจภายหลังหรือ
ซูสือเยว่มองทะเบียนสมรสใบนี้ ก้นบึ้งของหัวใจสับสนจนพูดไม่ออก
เธอไม่รู้ผลลัพธ์แบบนี้สำหรับลั่วเยียนแล้วจะดีหรือไม่
ยิ่งไม่รู้ว่าต่อไปฉินหนานเซิงและลั่วเยียนจะเป็นอย่างไร
ทุกอย่างล้วนไม่อาจคาดเดาได้
แต่เธอมักจะรู้สึกว่าการตัดสินใจนี้ของฉินหนานเซิง จะทำร้ายเขาและลั่วเยียนสองคนไปตลอดชีวิต…
“สือเยว่!”
ยังไม่ทันได้ปิดภาพถ่ายเสียงโทรศัพท์มือถือของซูสือเยว่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้คนที่โทรมาคือฟู๋เชียนเชียน
“ข่าวด่วนจ้า!”
เสียงตื่นตกใจของฟู๋เชียนเชียนแทบจะพุ่งทะลุแก้วหูของซูสือเยว่ “ลั่วเยียนจะแต่งงานแล้ว!”
“บริษัทโมเดลลิ่งเหลยถิง เพิ่งจะประกาศออกมาเมื่อกี้ อีกหนึ่งสัปดาห์ลั่วเยียนจะแต่งงาน ดังนั้นจึงยอมจ่ายค่าปรับที่ทำผิดสัญญา และก็เลื่อนประกาศที่ตามมาทั้งหมด”
“ยังบอกว่าหลังแต่งงานจะไปฮันนีมูน ยังไม่รู้วันกลับที่แน่นอน”
“แกว่าหล่อนคงจะไม่ออกจากวงการบันเทิงไปแบบนี้หรอกนะ”
พูดจบ ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจ “ดูท่าเรื่องเมื่อคืนจะมีผลกระทบกับหล่อนมากทีเดียว หล่อนลาพักนานขนาดนี้ น่าจะไม่ใช่เพราะเรื่องแต่งงานเรื่องเดียว”
ซูสือเยว่เม้มปาก เธอยังไม่ได้อธิบายเรื่องที่ลั่วเยียนหมดสติกับฟู๋เชียนเชียน
แต่ว่า เรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีอันตรายน้อยลงเท่านั้น
คิดถึงตรงนี้ เธอก็ยิ้มอ่อน “ก็อาจจะใช่”
“ใช้แล้ว”
ฟู๋เชียนเชียนชะงักไปเล็กน้อย เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีว่า “เมื่อกี้พ่อเธอติดต่อฉันแล้ว”
“พ่อฉันเหรอ”
“ถูก”
ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้ว “แต่ว่าไม่ใช่พ่อแท้ๆนะ คือซูจิ่นเฉิงคนนั้น”
“เขาติดต่อแกทำไม”
“ถามฉันว่ามีภาพหรือวิดีโอตอนที่แกตั้งท้องในปีนั้นหรือเปล่า”
เสียงของเธอล้วนมีแต่การดูถูก “จู่ๆเขาถามเรื่องนี้ไปทำอะไร”
มือที่จับโทรศัพท์มือถือของซูสือเยว่ค่อยๆค้าง
ดูท่าทาง ซูจิ่นเฉิงจะเข้าตาจนแล้ว
ไม่สามารถเอาตัวซูโม่ออกมาจากในคุก และยังไม่สามารถใช้ป้ายหยกมาข่มขู่เธอได้
ดังนั้น เขายังคิดจะเอาเรื่องที่เธอตั้งท้องในตอนนั้นมาสร้างกระแส
“แกมีรูปเหรอ”
“ฉันมีรูปหนึ่ง”
ฟู๋เชียนเชียนหัวเราะร่วน “ก็ตอนที่ฉันไปเยี่ยมแก แกบอกว่าท้องใหญ่ขนาดนั้น ต้องมีลูกสามคนแน่ รูปถ่ายของพวกเรา”
“ฉันรู้สึกว่าภาพนั้นแกสวยเป็นพิเศษ แม้ท้องจะใหญ่ ก็ยังสวยมาก”
“ดังนั้นฉันก็เลยเก็บรูปนั้นเอาไว้”
“แต่ว่าสือเยว่แกวางใจได้ รูปนั้นยังเก็บเอาไว้อย่างดีในบ้านของฉัน”
“ซูจิ่นเฉิงถามฉัน ฉันก็ด่าเขาอย่างโมโหจนหนีไปแล้ว บอกกับเขาว่าฉันมี แต่ฉันไม่ให้เขาเด็ดขาด!”
“ช่างน่าโมโหนัก!”
ซูสือเยว่ถูกน้ำเสียงของฟู๋เชียนเชียนเหย้าแหย่ให้หัวเราะ
“ฉันไม่กลัวแล้ว”
อดีตเหล่านั้น ต่อให้รับไม่ไหว ก็แค่ประสบการณ์ที่เธอผ่านมาแล้วจริงๆ
เมื่อก่อนเธอมักจะกลัวว่าฉินโม่หานจะรู้เข้า แล้วจะรังเกียจเธอ ไม่ต้องการเธอ จะรู้ว่า
แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว
ฉินโม่หานบอกว่าเขาไม่สนใจ
ในเมื่อเขาไม่สนใจ อย่างนั้นก็ไม่มีใครมีสิทธิ์มาตำหนิเธอ
ความจริงแล้วเธอสามารถเผชิญหน้าอย่างมีสติได้
“ปัญหานี่ไม่ใช่ว่าแกกลัวหรือไม่กลัว”
ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจ “สือเยว่ แกต้องจำไว้ว่า คำพูดของคนเรามันน่ากลัวนะ”
“ตอนนี้แกยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เรื่องในอดีตคือยุคมืด เมื่อถูกคนอื่นรู้เข้า จะเกิดผลกระทบกับหน้าที่การงานของแก”
“อีกอย่าง แม้ฉินโม่หานจะไม่สนใจ แต่คนในครอบครัวก็จะไม่สนใจเลยเหรอ”
“เมื่อก่อนแกไม่บอกว่า ในบ้านฉินโม่หานยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่บอกว่าตนเองคือว่าที่ภรรยาเขาหรอกหรือ”
“แกจะไม่สนใจได้เหรอ”
“ถ้าเธอรู้เข้า แล้วใส่ไฟเพิ่มความเกลียดชังเข้าไป ต่อไปก็จะเกิดผลกระทบต่อสถานะของแกในบ้านตระกูลฉิน!”
คำพูดของฟู๋เชียนเชียนทำให้มือที่จับโทรศัพท์มือถือของซูสือเยว่ค่อยๆจับแน่นขึ้น
” “ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากวางสาย หญิงสาวนอนหงายหน้าบนเบาะหนังแท้ในรถยนต์
ไม่นาน รถยนต์ก็มาถึงวิลล่าตระกูลฉิน
“คุณผู้หญิง”
พอซูสือเยว่นำเด็กทั้งสามคนเข้าประตูบ้าน คนรับใช้ก็ออกมาต้อนรับ “มีคนมาหาคุณค่ะ มานานแล้ว ไล่ยังไงก็ไม่ไป……”
หญิงสาวขมวดคิ้ว หันไปมองแวบหนึ่ง คนที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ใช่ใครอื่น ก็คือคนที่ฟู๋เชียนเชียนเพิ่งจะเอ่ยถึงในโทรศัพท์คนนั้นซูจิ่นเฉิง
เห็นซูสือเยว่กลับมาแล้ว ชายวัยกลางคนก็รีบลุกขึ้นยืน “สือเยว่”
สูดลมหายใจลึกๆ ซูสือเยว่สั่งให้คนใช้พาเด็กทั้งสามคนขึ้นไปชั้นบน แล้วจึงนั่งลงบนโซฟา
“คุณซูมาหาฉันถึงบ้าน มีเรื่องอะไรคะ”
ซูจิ่นเฉิงคลี่ยิ้ม ยกมือจับแก้วน้ำชาขึ้นมา “ในบ้านของท่านชายฉินก็มีความแตกต่าง แม้แต่ชาก็ยังมีราคาแพงเป็นพิเศษ!”
เขาดื่มชาไปอึกหนึ่ง แล้วนำภาพถ่ายวางไว้บนโต๊ะ “ผมอยากใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับคุณ”
ภาพถ่ายเหล่านั้น ซูสือเยว่ไม่ต้องดูก็รู้ ว่าต้องเป็นภาพตอนที่เธอตั้งท้องแน่นอน
หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “แลกกับอะไร”
ซูจิ่นเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเขาก็หยิบจี้หยกชิ้นหนึ่งออกจากกระเป๋าแล้ววางลงบนรูปถ่าย “ของเหล่านี้แลกเปลี่ยนพร้อมๆกัน”
“แลกกับการที่คุณไปถอนคำฟ้องที่สถานีตำรวจ”
“แบบนี้โม่โม่ก็ไม่ต้องติดคุกแล้ว”
ซูสือเยว่หัวเราะเยาะ “ฉินโม่หานพูดกับคุณชัดเจนดีแล้ว”
“เขาไม่สนที่ฉันเคยท้อง คุณจะใช้ภาพเหล่านี้มาขู่ก็ทำอะไรฉันไม่ได้”
“ใช่ๆๆ”
ซูจิ่นเฉิงพยักหน้า “ภาพที่ตั้งท้องแน่นอนว่าทำอะไรคุณไม่ได้”
“แต่ว่า”
ชายหนุ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ภาพเหล่านี้ไม่ใช่ภาพตอนที่คุณตั้งท้อง”
ซูสือเยว่หยิบภาพถ่ายกองนั้นขึ้นมา เปิดดู
ทันใดนั้น ราวกับว่าตัวเธอถูกฟ้าผ่าอย่างนั้น แข็งทื่อไปทั้งตัวจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลย