บ้านตระกูลฉิน
หลังจากที่ฉินโม่หานกินข้าวเป็นเพื่อนท่านปู่ฉินเสร็จ ก็ได้เล่นหมากเป็นเพื่อนเขาไปอีกหลายตา
“แกสงบเยือกเย็นมาโดยตลอด ทำไมครั้งนี้ถึงได้มาด้วยอารมณ์ของหนานเซิงอย่างนี้?”
หลังจากลงหมากเสร็จไปหลายตาแล้ว ท่านปู่ฉินลูบเคราไปพลางเอ่ยถามออกไปเบาๆ
ฉินโม่หานยกยิ้มออกมาจางๆ “การปฏิบัติต่อเรื่องความรู้สึกเขาก็จะเป็นแบบที่หนีได้ก็หนีมาตลอด”
“ผู้หญิงเขาจีบเขามาสามสี่ปีแล้ว แต่เขาไม่เคยจะมีการตอบสนองอะไรออกไปเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะทำการตัดสินใจออกมาได้”
“ฉันผู้เป็นอาคนนี้ทำไมจะไม่สนับสนุน?”
“เพียงแค่นี้?”
ชายชราได้ยิ้มออกมา “แกหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตาแก่อย่างฉันไม่ได้หรอก”
ชายชราได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฉันส่งคนไปเช็กแล้ว”
“เด็กคนนี้เมื่อคืนวานได้ผ่านเรื่องที่ไม่ค่อยดีมา”
“หนานเซิงแต่งงานกับหล่อน แท้ที่จริงแล้วคงอยากจะให้ในอนาคตหล่อนจะได้มีที่พึ่งมากกว่าหรอกมั้ง?”
“อาชีพอย่างหล่อน การรักชอบและการประเมินค่าจากเหล่าผู้คนมันสำคัญมาก
“ถึงแม้ว่าข่าวบนโลกออนไลน์ที่เกี่ยวกับหล่อนในตอนนี้จะยังมีแค่ไม่กี่คนที่รู้ แต่ถ้ามีข่าวจากทางด้านอื่นๆรั่วไหลออกไป สำหรับหล่อนแล้วจะเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงมาก”
“ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้หล่อนจะถ่ายหนังทำเงินมาได้บ้าง แต่หลายเรื่องเงินมันจัดการไม่ไหวเหมือนกัน”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างจนใจ “ปิดบังอะไรพ่อไม่ได้เลยจริงๆ”
ลั่วเยียนไร้กำลังอำนาจ ถึงแม้ว่าเธอจะมีเงิน แต่หลายครั้งเงินมันก็ไม่ได้สื่อถึงทุกสิ่ง
ถ้าต่อจากนี้ไปเรื่องที่เธอได้รับการดูหมิ่นเผยแพร่ออกไป สิ่งพวกนั้นมันจะโจมตีต่อตัวเธอเองอีกทั้งอาชีพในอนาคตของเธออย่างรุนแรงจนเธอไม่อาจฟื้นตัวกลับมาได้เลย
แต่ถ้าเธอได้กลายเป็นคนของตระกูลฉิน อย่างนั้นแล้วเรื่องทั้งหมดมันก็จะต่างออกไป
ตระกูลฉินเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งของเมืองหรง เป็นพระเจ้าของเมืองหรง
หลังจากที่เธอแต่งงานกับฉินหนานเซิงแล้ว ไม่ว่าใคร ตอนที่ได้รายงานข่าวเชิงลบของลั่วเยียนออกไปก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดูให้ดีๆก่อน ว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถผิดใจกับตระกูลฉินได้หรือเปล่า
นี่เป็นเหตุผลที่ฉินโม่หานไม่ได้ห้ามฉินหนานเซิง และยังถึงขนาดที่สนับสนุนเขามากเลยทีเดียว
เพียงแต่ในขั้นนี้ ฉินโม่หานนึกไม่ถึงว่าท่านปู่ฉินจะคาดเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาออกมาได้ทันที
อย่างที่คิด ขิงแก่ย่อมเผ็ดอยู่แล้ว
ชายชราลูบเคราออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มกริ่ม “แล้วแกจะประกาศความสัมพันธ์ของแกกับลูกสะใภ้ของฉันเมื่อไหร่กัน?”
“ฉันเห็นว่าช่วงนี้ลูกสะใภ้ฉันฮอตมากในอินเทอร์เน็ต”
“รออีกหน่อย”
ริมฝีปากของฉินโม่หานได้มีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหลงใหลออกมา “เธอไม่ชอบให้เปิดเผยสู่สาธารณะ ก็จะไม่เปิดเผยออกไปก่อน”
“อีกอย่าง เธอเองก็จะได้ไม่ถูกใครจับจุดอ่อนอะไรเธอได้”
“เธอจะได้ไม่มีเรื่องให้หนักใจอย่างลั่วเยียน ดังนั้นแล้วมีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่ห้อยตำแหน่งภรรยาของผม เธอจะมีชีวิตที่เป็นอิสระกว่าสักหน่อย”
ท่านปู่ฉินส่ายหน้าออกมาอย่างจนใจ “นี่เพิ่งจะแต่งงานได้เท่าไหร่ ก็รักใคร่พะเน้าพะนอหล่อนเสียขนาดนี้แล้ว จากนี้ไปหล่อนจะไม่ถูกแกพะเน้าพะนอขึ้นสวรรค์ไปเลยหรือไง?”
“ขอเพียงเธอต้องการ ให้พะเน้าพะนอขึ้นสวรรค์ไปผมเองก็ทำได้”
ท่านปู่ฉิน “…”
เขาแพ้แล้ว
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกชายที่พูดไม่เก่งมาโดยตลอดคนนี้ของเขา พูดเรื่องรักๆใคร่ๆขึ้นมาแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะหวานได้ถึงขนาดนี้!
ในตอนที่สองคนพ่อลูกกำลังเย้าแหย่กันนั้น โทรศัพท์ของฉินโม่หานก็ดังขึ้น
เป็นสายของซูสือเยว่ที่โทรเข้ามา
ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นมาทันที เดินออกไปอีกด้านหนึ่งเพื่อโทรศัพท์ “ทำไมถึงโทรหาผมเวลานี้ล่ะ?”
ท่านปู่ฉินมองเงาร่างเบื้องหลังที่สูงตระหง่านที่เดินออกไปของฉินโม่หาน ก็ได้เปลี่ยนหมากที่อยู่บนกระดานไปอย่างระมัดระวัง
“ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ”
ทางปลายสาย เสียงของซูสือเยว่ฟังดูขึ้นจมูกออกมาอย่างชัดเจน “คุณกลับมาได้หรือเปล่า?”
“เป็น…เรื่องที่สำคัญมาก”
ในน้ำเสียงที่ออกมาอย่างคล่องแคล่วของหญิงสาวได้ประดับไปด้วยความหวาดกลัวอยู่หลายส่วน “แน่นอนว่าถ้าคุณไม่อยากกลับมา…”
“ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
พ่นคำพูดนั้นออกมานิ่งๆ ในน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของฉินโม่หานนั้นได้เอ่ยออกมาด้วยความรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา “เป็นเด็กดีรอผมอยู่ที่บ้านนะ”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ได้วางสายไป
ด้านหลัง ในมือของชายชราที่มีผมหงอกเต็มหัวยังไม่ทันได้เอาหมากของฉินโม่หานวางลงไป
ก็ถูกจับได้คาที่
ชายชรายิ้มไปให้กับฉินโม่หานอย่างอายๆ “ฉันจะดูหมากอันนี้ของแกดูสักหน่อย…เหมือนกับว่ามันจะสกปรกแล้วน่ะ”
ฉินโม่หานขบขันกับการกระทำที่ไร้เดียงสานี้ของเขา
เขาเดินเข้าไป หยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ข้างๆกระดานหมากรุกมาพาดเอาไว้ตรงข้อพับแขน “ในเมื่อหมากมันสกปรก ก็ให้คนใช้มาทำความสะอาดสักหน่อยเถอะครับ”
“ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน”
บนใบหน้าของชายชราได้มีความเศร้าพาดผ่านออกมา “ไม่ใช่ว่าตอนบ่ายไม่มีงานที่จะต้องทำแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“ช่วงบ่ายมันก็ไม่ได้มีงานจริงๆนั่นแหละครับ”
ชายหนุ่มติดกระดุมบนแขนเสื้อไปอย่างสง่างาม “แต่ตอนนี้ลูกสะใภ้ของคุณพ่อต้องการให้ผมกลับไป”
“เธอเรียกหาผม ผมจะไม่ไปไม่ได้”
“อย่างนั้นแล้วแกก็เลยเทพ่อแท้ๆของแก?”
“ครับ”
เขาไม่สนใจความน้อยอกน้อยใจของชายชราเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ยังซ้ำเติมออกไปด้วย “คุณพ่อเป็นพ่อของผมมายี่สิบแปดปี เธอเป็นภรรยาของผมมาแค่เดือนกว่าๆเอง”
“ความรักครั้งเก่าสู้กับรักใหม่ไม่ได้ ตอนนี้เธอเป็นรักใหม่”
ท่านปู่ฉิน “…”
“แกแน่ใจว่าคำอุปมานี้มันเหมาะสม?”
“ประมาณนั้น”
ชายหนุ่มมองท่านปู่ฉินไปนิ่งๆ “หวังว่าครั้งหน้าตอนที่เล่นหมากด้วยกัน คุณพ่อจะสามารถเอาชนะผมได้อย่างใสสะอาดได้ แทนที่จะมาพึ่งการแก้หมากเอาตอนหลัง”
ท่านปู่ฉิน “…”
……
ตอนที่ฉินโม่หานกลับมาถึงบ้าน ซูสือเยว่ก็ยังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน สายตาจ้องมองไปบนเพดานอย่างเหม่อลอย
เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายให้กับฉินโม่หานไปยังไง
แต่จะไม่อธิบายมันคงไม่ได้แน่
ฉินโม่หานไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะต้องรู้อยู่แล้ว
แทนที่จะให้เขาค้นพบเอา ไม่สู้เอาของพวกนั้นออกมาตรงหน้าเขา เอาทั้งหมดมากางให้เขาดูไปเลย
ระหว่างสามีภรรยา สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือความจริงใจและความเชื่อใจกัน ไม่ใช่เหรอ?
ทันใดนั้นเอง ด้านล่างก็มีเสียงรถหยุดจอดลง
ซูสือเยว่รีบสวมรองเท้าเดินลงไปทันที
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตูนั้นเอง เธอก็มองภาพปึกนั้นวางอยู่บนหัวเตียง
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายก็เลือกที่จะยัดภาพพวกนั้นใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วลงไปข้างล่าง
ภายในห้องรับแขกชั้นล่าง ทันทีที่ฉินโม่หานเข้าบ้านมา กำลังแขวนเสื้อคลุมไปบนราวแขวนเสื้อที่หน้าประตูอยู่พอดี
“คุณกลับมาแล้ว”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ลงไปข้างล่างอย่างระมัดระวัง
ฉินโม่หานพยักหน้าออกมาเล็กน้อย หันไปนั่งลงบนโซฟา
ร่างของชายหนุ่มเอนไปข้างหลัง มือทั้งสองข้างวางลงบนที่ตั้งแขนบนโซฟา ขายาวทั้งสองข้างที่มันยาวจนเกินไปนั้นได้ไขว้ทับกันอย่างสง่างาม
เขามองเธอไปด้วยรอยยิ้ม “มานี่”
เสียงทุ้มต่ำอันไพเราะของชายหนุ่มได้ให้ความรู้สึกที่รักใคร่จนไม่อาจจะละเลยได้เลย
บนใบหน้าของซูสือเยว่แดงออกมา เดินเข้าไปนั่งลงข้างเขาอย่างระมัดระวัง
ยังไม่ทันได้นั่งสนิทดี เธอก็ได้ถูกชายหนุ่มกดลงไปบนโซฟาทันที
เขากดเธอเข้าอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับโซฟา ริมฝีปากบางประชิดเข้ามา “ให้ผมกลับมาด่วนอย่างนี้ คุณนายฉินคิดถึงผมแล้ว?”
ท่าทีที่กำกวมนี้ของเขา ทำให้ซูสือเยว่มีหลายคำที่จะพูดออกไป แต่มันกลับพูดไม่ออกไปเลยสักคำ
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ หญิงสาวก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมา หยิบเอาภาพปึกนั้นออกมาจากในกระเป๋าเสื้อมาวางลงไปในมือของฉินโม่หาน
“เมื่อกี้นี้ซูจิ่นเฉิงมา เอาภาพพวกนี้กับหยกของแม่มาให้ฉัน”
แต่ว่าเขาต้องการให้พวกเราปล่อยซูโม่ไป”
ฉินโม่หานมองภาพพวกนั้น
เปิดไปทีละภาพๆ คิ้วของชายหนุ่มก็ได้ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นกว่าเดิม