“ภาพพวกนี้ฉันก็เพิ่งจะเห็นวันนี้เป็นครั้งแรกด้วยเหมือนกัน”
ซูสือเยว่ผ่อนลมหายใจออกมา เลิกสายตาขึ้นมองฉินโม่หานไปด้วยสายตาที่ออกมาตามความรู้สึกที่แท้จริง “คุณฉิน ทำยังไงดีคะ?”
“ภรรยาของคุณไม่เพียงแต่จะเป็นผู้หญิงที่เคยมีลูกกับคนอื่นมาก่อน แต่ยังเคยเป็นบ้าด้วย”
ฉินโม่หานเปิดดูภาพทั้งหมดไปอย่างเงียบๆจนหมด
สุดท้ายเขาก็วางภาพลงไป ดวงตาที่ล้ำลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งคู่นั้นได้มองใบหน้าของซูสือเยว่ไปนิ่งๆ “เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปโรงพยาบาลกัน”
“ไปโรงพยาบาล?”
หัวใจของซูสือเยว่ได้หล่นฮวบลงไปในใต้หุบเหวลึกทันที
เธอเอาภาพพวกนี้ให้เขาดูอย่างเปิดเผย แชร์ความลับของเธอออกไป เพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อเขา และความไว้วางใจต่อเขา
แต่ผู้ชายคนนี้ กลับพูดออกมาว่าจะพาเธอไปโรงพยาบาล
เขา…รังเกียจเธอแล้วใช่มั้ย?
มือของซูสือเยว่กำหมัดแน่นอยู่ข้างๆลำตัว
อันที่จริงไม่ว่าฉินโม่หานจะตัดสินใจยังไง เธอก็สามารถเข้าใจเขาได้ทั้งนั้น
เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายทั่วไปคนหนึ่ง
ยอมรับความจริงเรื่องในอดีตของภรรยาไปครั้งหนึ่งมันก็ไม่ง่ายแล้ว เธอไม่อาจจะไปโลภอยากให้เขายอมรับอาการป่วยที่เธอเคยเป็นได้อีก
ยิ่งไปกว่านั้น โรคทางจิตของพรรค์นี้ โอกาสที่มันจะกำเริบขึ้นมาก็สูง
คบอยู่กับเธอไป แท้จริงแล้วมันก็เท่ากับการติดตั้งระเบิดเวลาเอาไว้ในบ้าน ไม่รู้ว่าจะอาละวาดออกมาจนบ้านต้องพลิกหน้ามือเป็นหลังมือไปเมื่อไหร่
หญิงสาวถอนหายใจออกมา “อาการป่วยของฉันมันหายดีแล้ว”
“ในห้าปีมานี้ ฉันไม่เคยอาการกำเริบมาก่อนเลย และก็ไม่เคยสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์เลย”
“ถ้าคุณ…”
“เชื่อฟัง”
คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ ฉินโม่หานก็ได้เอ่ยขัดเธอออกมานิ่งๆ
เห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของหญิงสาวแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ย่นคิ้วออกมาจางๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวซูสือเยว่ไปเบาๆ “ไปเปลี่ยนชุด”
“ผมให้ไป๋ยู่หนานหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้สองสามคนมาตรวจอาการของคุณ”
ซูสือเยว่ “…”
เขาแคร์เรื่องนี้จริงๆใช่มั้ย?
“ผมรู้ว่าคุณหายดีแล้ว หลังจากที่พวกเราแต่งงานกันมาในช่วงระยะเวลานี้ คุณก็ปกติไปทุกด้าน”
ชายหนุ่มเก็บมือกลับมา ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปพลาง เอ่ยออกมานิ่งๆออกมาพลาง “เรื่องด่วนที่ต้องรีบจัดการในตอนนี้ก็คือต้องหาคุณหมอมาตรวจดูอาการให้คุณสักสองสามคนเพื่อยืนยันว่าอาการป่วยทางประสาทของคุณนั้นมันปกติดีหมดแล้ว”
“ไม่อย่างนั้นแล้ว ซูจิ่นเฉิงจะสามารถใช้เหตุผลที่คุณเป็นผู้ป่วยโรคทางจิตนี้มาล้มล้างคำให้การที่สถานีตำรวจของคุณได้ทุกเมื่อ”
ฉินโม่หานเก็บโทรศัพท์ไป พร้อมกับทอดถอนหายใจออกมาออกมา “อีกทั้ง ผมเองก็อยากให้คุณหมอช่วยวินิจฉัยอาการของคุณในตอนนี้อย่างละเอียดดูสักหน่อย”
“เพราะถึงยังไงโรคจำพวกนี้มันกำเริบกลับมาได้ง่าย”
เสียงของชายหนุ่มยังคงทุ้มต่ำ แต่มันกลับอ่อนโยนแบบที่หาได้ยาก “ในฐานะที่เป็นสามีของคุณ ผมก็ควรจะต้องรู้ชัดในเรื่องจุดอ่อนไหวทุกอย่างของคุณให้ชัดเจน อย่างนี้แล้วต่อจากนี้ไปก็จะสามารถดูแลคุณให้ดีขึ้นได้ ใช่มั้ยล่ะหืม?”
คำพูดที่ซูสือเยว่กำลังจะพูดออกไปก็ได้ถูกทำให้กลืนลงไป
“คุณ…คุณหมายความว่าอย่างนี้นี่เอง”
เธอยังนึกเลยว่า…
“แล้วคุณคิดว่าผมหมายความว่าอะไร?”
ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย พร้อมกับดึงเธอเข้ามาสู่ในอ้อมแขน
กลิ่นอายที่มีความเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์บนร่างของชายหนุ่มได้ทำให้การหายใจของซูสือเยว่หยุดนิ่งไปเล็กน้อย
ใกล้กันมาก
ใกล้จนเธอสามารถได้ยินการหายใจของเขา และรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจของเขาได้เลย
การหายใจและการเต้นของหัวใจของเธอนั้นได้ถูกเขาก่อกวนจนเสียจังหวะไป
หญิงสาวดิ้นออกมาตามสัญชาตญาณเพื่อที่จะออกมาจากในอ้อมแขนของเขา “ฉัน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอะไร…”
“เพียงแค่เข้าใจคุณผิดไปเท่านั้นเอง…”
คำพูดสุดท้ายของซูสือเยว่ได้พูดออกมาเบามาก
ฉินโม่หานหัวเราะออกมาเบาๆ โอบรัดเธออยู่ในอ้อมแขนแน่น
มือข้างหนึ่งของเขาโอบรัดเอวบางตรงด้านหลังของเธออาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งนั้นได้เชิดขากรรไกรล่างของเธอขึ้นมา น้ำเสียงทุ้มต่ำชวนให้หลงใหล “งั้นที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่อยากจะไปเปลี่ยนชุดเมื่อกี้ เป็นเพราะว่าเข้าใจผมผิดไป?”
“เข้าใจอะไรผมผิด?”
“เข้าใจผิดผมว่าจะทอดทิ้งคุณไปเพราะว่าคุณเคยเคราะห์ร้ายป่วยไป หรือว่าเข้าใจผิดว่าผมให้คุณไปหาหมอเพราะว่ารังเกียจคุณ?”
ซูสือเยว่เงียบไม่ตอบออกมา
“ดูเหมือนว่าจะทายถูก”
ใบหน้าของชายหนุ่มเย็นชาออกมา
เขากวาดสายตาที่เย็นชามองใบหน้าของซูสือเยว่ไป “ความเชื่อมั่นที่คุณมีต่อผม มันมีแค่นี้?”
“หรือว่าคุณคิดว่า ผมฉินโม่หานเป็นผู้ชายตื้นเขินคนหนึ่ง?”
“ครั้งที่แล้วตอนที่ซูจิ่นเฉิงเอาภาพออกมา ผมทำยังไง ครั้งนี้ผมก็ยังเหมือนเดิม”
“สิ่งที่ผมต้องการก็คือปัจจุบันและอนาคตของคุณคนนี้ อดีตของคุณ ผมจะไม่ไปสืบเสาะ เพราะว่าสืบเสาะไปก็ไม่มีความหมาย”
เสียงของเขาเยือกเย็นเป็นอย่างมาก
ซูสือเยว่รู้ว่าเขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
หญิงสาวกัดริมฝีปากออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก
เอาแล้วมั้ยล่ะ เป็นเธอที่เอาจิตใจที่คับแคบของตัวเองไปตัดสินคนที่ใจคอกว้างขวางเอง
แต่เธอกับฉินโม่หานคำนวณดูแล้วสุดท้ายก็เพิ่งจะรู้จักกันมาเดือนเดียวเท่านั้นเอง
เฉิงเซวียนและเซี่ยงหวั่นฉิงทั้งสองคน สามารถละทิ้งความรักห้าปีและมิตรภาพหกปีกับเธอไปได้ง่ายๆ
เดือนเดียว เธอจะไปกล้าเชื่อได้ยังไง?”
มองใบหน้าเยือกเย็นของชายหนุ่ม เธอก็กัดริมฝีปากออกมาเล็กน้อย
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ หญิงสาวสอดมือออกไปโอบรอบลำคอของเขา เขย่งเท้าประกบลงไปบนริมฝีปากของเขา
จูบที่บางเบา
แต่กลับทำให้แววตาของฉินโม่หานจากที่เยือกเย็นก็ได้เปลี่ยนมาเป็นร้อนแรงขึ้นมาทันที
“อย่าโกรธเลย”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก มองเขาไปด้วยแววตาที่เจ็บช้ำ “ฉันไม่ควรไม่เชื่อมั่นในอุปนิสัยของคุณ ไม่ควรคิดว่าคุณจะเหมือนกับคนทั่วไปพวกนั้น ไม่ควรคิดว่าคุณรังเกียจฉันจะทอดทิ้งฉันไป…”
“ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้ไปเว้นเสียแต่ว่าคุณจะเอ่ยปากบอกกับฉันมาเองว่าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไม่ไปคาดเดาคุณมั่วซั่วอีกเป็นอันขาด!”
พูดจบ เธอก็กัดริมฝีปากมองเขา “ฉันผิดไปแล้ว คุณสามี”
เสียงของหญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวังเหมือนกับช็อกโกแลตยืดที่ได้พาดผ่านไปยังหัวใจของฉินโม่หาน
ละเอียด อ่อนนุ่ม และเรียวยาว หวาน
เขามองเธอ เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าออกมา “เรียกผมว่าอะไร?”
ซูสือเยว่ชะงักไป จึงได้ค้นพบว่าเมื่อกี้นี้ตนได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม จึงเรียกเขาออกไปว่า “สามี” แทนที่จะเป็น “ท่านชายฉิน”
การค้นพบอย่างนี้ได้ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวได้แดงระเรื่อออกมาทันที
เธอเม้มริมฝีปากออกมา “ท่านชายฉิน ฉันผิดไปแล้ว”
คนอื่นเรียกผมอย่างนั้นก็ได้ แต่คุณไม่สามารถเรียกอย่างนั้น”
เขาก้มหน้าลงไป กุมตรงขากรรไกรล่างของเธอเอาไว้ มองริมฝีปากชมพูที่เรียบลื่นของเธอ แสงสว่างในดวงตาร้อนแรงออกมา “คำเรียกที่คุณเรียกผมเมื่อกี้นี้ เรียกมาอีกหลายๆครั้ง”
ซูสือเยว่ที่ทำผิดไปไม่กล้าจะโต้แย้งกลับไป ทำได้เพียงเรียกเขาออกไปเบาๆอย่างว่าง่าย
“คุณสามี”
“คุณสามี…”
“คุณสามี——”
คำว่า “คุณสามี” คำที่สี่ของเธอยังไม่ทันได้พูดออกมา ฉินโม่หานก็ได้ผละออกจากร่างเธอไป สาวเท้าก้าวยาวๆขึ้นไปชั้นบน
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วออกมามองเขาร่างเบื้องหลังที่เดินออกไปชั้นบนของเขา “คุณไปไหน?”
“อาบน้ำ”
อาบน้ำให้ใจเย็นขึ้น
หญิงสาวตบลงบนหน้าผาก “ฉันก็ควรจะต้องอาบน้ำด้วยใช่มั้ย?”
ถ้าอีกเดี๋ยวไปโรงพยาบาลแล้วยังจะต้องทำการตรวจอะไรต่างๆอีกนะ?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ได้ก้าวเท้าไป เดินขึ้นบันไดตึงตังตามเขาขึ้นไป “คุณอาบก่อนหรือว่าจะให้ฉันอาบก่อนคะ?”
“ฉันเองก็อยากจะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปโรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน”
ไฟที่กำลังแผดเผาร่างของชายหนุ่มอยู่นั้น ได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งเพราะว่าคำถามนี้ของเธอ
เขาหรี่ตามองเธอ “ซูสือเยว่ นี่เป็นเรื่องที่คุณหาเรื่องใส่ตัวเองนะ”
“ซูสือเยว่นิ่งอึ้งไป หมายความว่าอะไร?
ต่อจากนั้น ฉินโม่หานก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาไป๋ยู่หนาน
“การตรวจเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้เช้า”
ไป๋ยู่หนานที่อยู่ทางปลายสายนั้นแสดงอารมณ์เซ็งๆออกมา “ทำไมล่ะ?”
เขากำลังจะเรียกเหล่าผู้เชี่ยวชาญมากันแล้ว!
“คุณนายฉินอยากอาบน้ำกับฉัน เลยถือโอกาสเอาใจเธอสักหน่อย”
“ฉันยุ่งมาก”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ได้วางสายไป
ไป๋ยู่หนาน “…”
เขามันไอ้คนปากเสีย!
ถามว่าสาเหตุเพราะอะไร!
อาหารหมามันไม่อร่อยเลยสักนิด!
……
“เอ่อ…”
หลังจากที่ฉินโม่หานวางสายไป ในที่สุดซูสือเยว่ก็ได้รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความอันตรายที่อยู่ในอากาศขึ้นมา
เธอจึงได้ถอยไปข้างหลังทันที “จู่ๆฉันก็ไม่อยากอาบน้ำขึ้นมาแล้ว…”
“ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!”
พูดจบ เธอก็ผันร่างวิ่งไป
แต่เธอจะหนีพ้นสองขายาวของฉินโม่หานได้ยังไง?
ชายหนุ่มไล่ตามไปสองสามก้าว แล้วก็ได้อุ้มเธอขึ้นมาเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
“คุณนายฉิน เป็นคุณที่พูดออกมาเองว่าต้องการจะอาบน้ำกับผม”
“ผมไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาดีของคุณได้”