ซูสือเยว่ใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีในการเปิดอ่านบทเสร็จไป
พล็อตเรื่องเรียบง่าย แต่มันก็ยากมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องแสดงถึงคนคนหนึ่งกำลังต่อต้านจากการถูกกดลงบนเตียง อารมณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ ความรู้สึกสิ้นหวังระเบิดออกมา
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นซีนอารมณ์ทั้งนั้น แสดงยากมาก แต่ถ้าแสดงได้ดี มันก็จะได้ผลที่ดีมาก
ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากที่อ่านบทไปหลายรอบแล้ว ก็ได้พาตัวเองเข้าไปสู่ตัวละคร
บทที่เธอเล่นก็คือผู้หญิงที่น่าเศร้าที่ไม่ได้ป่วย แต่กลับถูกลากเข้าโรงพยาบาลจิตเวชไปอย่างไม่เต็มใจทั้งยังถูกฉีดยาระงับประสาทให้
การถ่ายทำใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
หญิงสาวสวมชุดผู้ป่วย นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง
ผู้กำกับหลินกับคนที่อยู่รอบๆกำลังปรับอุปกรณ์กันอยู่
ไกลออกไป
ไป๋ลั่วมองการเตรียมงานของกองละครตรงทางนี้ คิ้วก็ได้ขมวดออกมาเล็กน้อย “คุณผู้ชายครับ อย่างนี้มันจะมีประโยชน์จริงๆเหรอครับ?”
“ถึงแม้ว่าพวกเราถ่ายทำในฉากที่เหมือนกับตอนนั้นมาก แต่เวลามันก็ไม่สอดล้องกันนะครับ…”
ฉินโม่หานหยิบบุหรี่ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อมาจุดด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
ในระหว่างที่สูบบุหรี่อยู่นั้น เขาก็ได้แสยะริมฝีปากออกมาจางๆ “ในเมื่อฉันสามารถคิดวิธีนี้ออกมาได้แล้ว นายคิดว่าฉันจะจัดการเรื่องความแตกต่างด้านเวลาไม่ได้?”
ไป๋ลั่วนิ่งอึ้งไป
ในตอนนี้ กล้องถ่ายทำในที่ไกลออกไปได้เปิดถ่ายทำแล้ว
ซูสือเยว่ได้เข้าสู่บทบาทไปโดยสมบูรณ์แล้ว
เหล่าหมอพยาบาลหลายคนกดเธอลงบนเตียง “มา ฉีดยาระงับประสาทให้เธอ”
“ปล่อยฉันนะ!”
“ฉันไม่ได้บ้า! พวกคุณต่างหากที่บ้า ปล่อยฉัน!”
มือเท้าของซูสือเยว่ถูกกดเอาไว้ กู่ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ผมของเธอยุ่งเหยิง เสื้อผ้าเองก็กำลังต่อสู้จนกระดุมแยกออกจากกัน เผยให้เห็นไหปลาร้าและไหล่ของเธอที่โผล่ออกมา
เธอในตอนนี้ ผมสยายยุ่งเหยิง เหมือนกับคนบ้าจริงๆ
ผู้กำกับที่อยู่ตรงหน้ากล้องก็ช็อกตะลึงกันไป
เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในการแสดงของซูสือเยว่ พลังนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกอินตามกันไปด้วย…
เธอช่างเป็นนักแสดงที่ฟ้าสร้างมาคนนึงเลยจริงๆ!
และตรงที่ไกลออกไป ไป๋ลั่วก็ได้ช็อกไปเหมือนกัน
เขาก้มหน้ามองภาพในมือของฉินโม่หานไปหลายรอบ
เหมือนมาก
เหมือนกันเปี๊ยบเลย…
ซูสือเยว่ในตอนนี้เหมือนกับภาพที่เธอเสียสติไปเมื่อห้าปีก่อนเลยไม่มีผิดเพี้ยน!
แต่ว่าซูสือเยว่เมื่อห้าปีก่อนได้เสียสติไปแล้ว แต่ซูสือเยว่ในตอนนี้นั้นมีสติดี!
ทำไมถึง…
ลางสังหรณ์ใจไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ ไป๋ลั่วเงยน้าขึ้นไปมองฉินโม่หานอย่างตื่นตกใจ “คุณผู้ชาย หรือว่าคุณผู้หญิงเธอจะ…”
เดิมทีไม่ได้บ้า?
ริมฝีปากบางของฉินโม่หานเม้มเข้าหากันแน่น
“เรื่องที่ให้นายสืบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับซูสือเยว่เมื่อห้าปีก่อนหาได้หรือยัง?”
“เคยหาแล้วครับ”
ไป๋ลั่วย่นคิ้วออกมา “แต่สุดท้ายข้อมูลที่สืบมาได้เจ้าหน้าที่ที่ได้เคยเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของคุณผู้หญิงเมื่อตอนนั้นได้ทยอยออกจากประเทศกันไปหมดแล้ว”
“แม้แต่พนักงานทำความสะอาดก็ไม่เว้น”
“ถึงแม้ว่าคนของเราจะเริ่มไปตรวจสอบที่ประเทศต่างๆ แต่ระดับความยากในการสืบหาการไหลเวียนของประชากรต่างประเทศมันสูงมาก”
“ดังนั้นแล้ว…”
ฉินโม่หานหรี่ตาลง มองผู้หญิงที่กำลังพยายามขัดขืนอยู่อย่างสุดชีวิตบนเตียงผู้ป่วยนั้นที่ไกลออกไป “อย่างนั้นแล้วเมื่อตอนนั้นประวัติผู้ป่วยของซูสือเยว่มันจะต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน”
ไป๋ลั่วตบหน้าผากออกมา “จริงสิครับ!”
“ถ้าเมื่อตอนนั้นคุณผู้หญิงเสียสติไปจริงๆ อย่างนั้นแล้วทำไมคนพวกนั้นถึงได้หนีไป?”
คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกกันไปหมด แท้ที่จริงแล้วมันเป็นการปกปิดที่ทำให้คนอื่นรู้ชัดกันมากขึ้น!
ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมาจางๆ “เมื่อตอนนั้นพ่อของเธอเป็นคนส่งเธอเข้าโรงพยาบาล ใช่มั้ย?”
“ใช่ครับ!”
ไป๋ลั่วพยักหน้าออกมาเบาๆ “ได้ตามสืบหาเบาะแสในเมืองหรงแล้ว แต่…”
หาไม่เจอเลย
คนผู้นี้ได้ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่สนามบินในเมืองหรง ขึ้นเที่ยวบินจากเมืองหรงไปประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งในยุโรป
แต่ตั้งแต่ที่เขาลงจากเครื่องไปแล้ว คนๆนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย
ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย เหมือนกับระเหยหายไปจากโลกมนุษย์เลยก็ไม่ปาน
ตามหลักแล้ว คนขี้เมาอย่างเจี่ยนเฉิงที่วันวันนึงนอกจากดื่มเหล้าก็ดื่มเหล้า ข้อมูลของเขาก็คงจะหาได้ไม่ยาก
แต่ไม่ว่าจะหายังไง ก็ไม่เจอทิศทางที่เจี่ยนเฉิงไปเลย แม้แต่ตอนหนุ่มๆเจี่ยนเฉิงทำอะไรก็ยังสืบหาออกมาไม่ได้
ฉินโม่หานหรี่ตามองซูสือเยว่ที่อยู่ไกลออกไป
“ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเธอล้วนแล้วแต่จะลึกลับไปหมด”
นับวันมันก็ยิ่งสนุกขึ้นมาเรื่อยๆ
“สือเยว่!”
“ซูสือเยว่!”
ทันใดนั้นเอง เสียงตื่นตกใจของผู้กำกับจากสถานที่ถ่ายทำได้ดึงความคิดของฉินโม่หานกลับมา
สถานที่ถ่ายทำโกลาหลไปหมด
คนกลุ่มหนึ่งได้ลอมรอบซูสือเยว่เอาไว้
ตามมาพร้อมกับเสียงเป็นกังวลของเหล่าผู้คน แล้วยังมีเสียงกู่ร้องที่แสนเจ็บปวดของหญิงสาว
หัวใจของฉินโม่หานหล่นฮวบไป
เขาสาวเท้าก้าวยาวๆเข้าไป
บนเตียงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน มือทั้งสองข้างของซูสือเยว่กุมหัวแน่น เสียงแหบพร่าออกมาอย่างเจ็บปวด “ปวด——!“
มีเจ้าหน้าที่คนนึงเตรียมที่จะเข้ามาดูอาการเธอ แต่กลับถูกเธอที่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้วได้คว้าแขนเอาไว้อย่างแรง พร้อมกับกัดเข้ามาอย่างจัง!
ผู้คนลงแรงกันไปเยอะมาก กว่าจะช่วยเอาแขนของเจ้าหน้าที่คนนั้นออกมาจากปากของซูสือเยว่ได้
เนื้อบนแขนเจ้าหน้าที่คนนั้นเกือบจะถูกกัดขาดไป บาดแผลน่าสยดสยองมาก
ซูสือเยว่ในตอนนี้เป็นคนที่เสียสติไปอย่างเต็มรูปแบบ!
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอ
ทุกคนต่างถอยห่างออกมาในระยะสองเมตร
คุณหมอจากทางโรงพยาบาลก็พกเครื่องมือพุ่งเข้ามา “ฉีดยาระงับประสาทให้เธอเถอะ”
“อย่า”
ฉินโม่หานยกมือขึ้นมาห้ามคุณหมอเอาไว้ พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปทางซูสือเยว่
“คุณฉิน!”
ผู้กำกับหลินยื่นมือมาจับแขนของฉินโม่หานเอาไว้ “อย่าเข้าไปครับ!”
“สือเยว่คงจะเข้าถึงบทบาทมากเกินไป เธอในตอนนี้อันตรายมากครับ!”
ฉินโม่หานสะบัดมือของผู้กำกับหลินออกไปนิ่งๆ “ไม่เป็นไร”
พูดจบ เขาก็ก้าวเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ
บนเตียงผู้ป่วย ซูสือเยว่เอาหัวฝังเข้าไประหว่างหัวเข่าทั้งสองข้างแน่น มือทั้งสองจับผม และเคาะหัวออกมาอย่างสุดชีวิต “ปวดจะตายอยู่แล้ว ——!”
“ซูสือเยว่”
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ นั่งลงไปบนข้างเตียง
“ออกห่างจากฉันหน่อย!”
“ออกห่างจากฉันหน่อย!”
ซูสือเยว่ตะโกนออกมาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “อย่ามาแตะตัวฉัน!”
เสียงแหบแห้งของเธอทำให้ในดวงตาของชายหนุ่มมีความรู้สึกเจ็บปวดใจแวบผ่านออกมา
วินาทีต่อจากนั้น เขาก็ได้ยื่นแขนออกไปวางลงไปตรงหน้าเธอ “ถ้าปวดมากไป ก็กัดมาเถอะ”
ทันทีที่เสียงพูดหลุดออกมา หญิงสาวก็ได้กัดเข้าไปทันที!
“คุณผู้ชาย!”
“ท่านชายฉิน!”
“คุณฉิน!”
นาทีที่ซูสือเยว่กัดไปที่ฉินโม่หานนั้นเอง ทุกคนในที่แห่งนั้นก็ได้ชะงักกันไปอย่างจัง
ไป๋ลั่วกับผู้กำกับหลินเตรียมที่จะพุ่งเข้ามาทันที
ความเจ็บปวดที่รุนแรงได้ทำให้คิ้วของฉินโม่หานได้ขมวดกันออกมาเล็กน้อย
“อย่าเข้ามา!”
เขาพูดสามคำนี้ออกมาเสียงเข้ม แล้วก็ได้หันหน้าไปอย่างอ่อนโยน ใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวของซูสือเยว่ไปเบาๆ “ปวดตรงไหน?”
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย
เขาก็ได้เอ่ยออกมาต่ออีกครั้ง “เป็นเพราะว่านึกอะไรออกขึ้นมา ก็เลยปวดหัวใช่มั้ยครับ?”
“สือเยว่”
“เป็นผมที่ไม่ดีเอง ผมคิดเพียงแค่ว่าการที่สร้างภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง มันคงจะช่วยคุณรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ แต่นึกไม่ถึงว่าตอนที่คุณรื้อฟื้นความทรงจำจะเจ็บปวดขนาดนี้”
เสียงของเขาทุ้มต่ำ อ่อนโยน พาดผ่านมาที่หัวใจของซูสือเยว่ประหนึ่งขนนก
สติก็ได้เอาชนะความเจ็บปวดมาได้
ในที่สุดหัวของเธอก็ได้กลับมาสงบลงเหมือนเดิม
สติได้คืนกลับมา
เธอรีบคลายฟันออกไปทันที
บนแขนของชายหนุ่มได้ถูกเธอกัดออกมาจนเป็นรอยฟันที่มีเลือดไหลออกมาขนาดใหญ่!
“ฉัน…”
เธอก้มหน้าลง มองแขนของเขา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกโทษตัวเอง “ทำไมคุณไม่หลบ”
“ผมสมัครใจเอง”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาจางๆ บนใบหน้าไม่มีการตำหนิออกมาเลย
เขายกมือขึ้นมา ลูบลงไปบนผมของเธอเบาๆ “ปวดตรงไหน?”
“ตรงนี้”
ซูสือเยว่ชี้ตรงตำแหน่งบนหัวของเธอ “เมื่อกี้ฉัน…”
“นึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้บ้างแล้ว ฉันอยากจะนึกอีกสักหน่อย มันก็เริ่มปวดขึ้นมา”
เธอนึกไม่ถึงว่าเพียงแค่พยายามรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตกลับมาสักหน่อย หัวของเธอมันก็ปวดเสียจนเธอสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเลย
ฉินโม่หานดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนด้วยความสงสาร “ค่อยๆนึกไป”
ความอ่อนโยนของเขาได้ทำให้ภายในใจของซูสือเยว่มันรู้สึกอบอุ่นไปหมด
เธอซบลงไปบนบ่าของเขาทันที ใช้เสียงที่มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถได้ยินมันได้เอ่ยออกไป
“ฉันนึกขึ้นมาได้แล้ว”
“ลูกของฉันยังไม่ตาย”