มือที่ฉินโม่หานกอดซูสือเยว่เอาไว้ได้ชะงักไปอย่างแรง
เขาได้ยินเสียงทุ้มต่ำของตัวเองมันกำลังสั่นออกมา “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
“ลูกของฉันยังมีชีวิตอยู่”
ซูสือเยว่กดเสียงต่ำลง
คนที่อยู่ในที่แห่งนี้เยอะเกินไป
มีผู้กำกับมีการถ่ายทำ แล้วยังมีทีมงานอยู่อีกหลายคน
เธอไม่อาจพูดเรื่องพวกนี้กับฉินโม่หานออกไปอย่างโจ่งแจ้งได้ ทำได้เพียงเอ่ยเตือนข้างหูของเขาไปเบาๆ
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้แล้ว การกระทำของทั้งสองคนในสายตาของคนนอกแล้วมันก็ดูสนิทสนมกันเกินไป
ผู้กำกับหลินได้มองไปทางไป๋ลั่วอย่างระมัดระวัง “ผู้ช่วยไป๋ คุณควรจะเข้าไป…เตือนคุณฉินหน่อยหรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าผู้กำกับหลินจะรู้มาโดยตลอดว่าฉินโม่หานกับนักแสดงตัวเล็กๆอย่างซูสือเยว่จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
แต่ถึงยังไงที่นี่มันก็ที่สาธารณะ ทั้งสองคนมากอดกันเหมือนกับอยู่กันตามลำพังอย่างนี้ จะว่ายังไงมันก็ไม่เหมาะ
“สือเยว่เป็นบุคคลสาธารณะ นี้ถ้ามันแพร่ออกไป…”
ไป๋ลั่วมองผู้กำกับหลินไปอย่างเรียบนิ่ง “งั้นคุณก็ควบคุมให้ดีอย่าให้มันแพร่ออกไปล่ะ”
ผู้กำกับหลิน “…”
“ปิดกล้องไปให้หมด!”
“เรื่องในวันนี้ ห้ามใครทำให้มันรั่วไหลออกไป!”
“ถ้าเกิดมันรั่วไหลออกไป คุณฉินไม่ปล่อยพวกคุณเอาไว้แน่!”
คำพูดนั้นของเขา ทำให้คนในที่แห่งนั้นก็ได้ปิดกล้องไปอย่างระมัดระวังทันที ขนาดที่แม้แต่โทรศัพท์ก็ได้ปิดไปด้วย
เสียงที่ไกลออกไปดังเข้ามา ซูสือเยว่ได้ออกมาจากอ้อมแขนของฉินโม่หานอย่างเก้อเขินเล็กน้อย
เธอเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ลงมาจากเตียงอย่างระมัดระวัง มองไปยังผู้กำกับหลิน “ผู้กำกับหลิน อันที่จริงก็ไม่เป็นไรหรอก”
“ถ้าทุกคนอยากแพร่ออกไป…มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”
“ท่านชายฉิน เป็นสามีของฉัน”
คำพูดประโยคนี้ได้ดังขึ้นมาข้างๆใบหูของผู้กำกับหลินเหมือนกับฟ้าผ่าลงมา!
ท่านชายฉินเป็นสามีของซูสือเยว่!?
จะเป็นไปได้ยังไง!
แต่พอเขาได้ย้อนคิดดูใหม่อีกที เหมือนกับว่าจะมีเพียงสิ่งนี้ถึงจะสามารถอธิบายได้
เพราะถึงยังไง ท่านชายฉินแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมาสู่สาธารณชนเลย แต่หลังจากที่ซูสือเยว่ปรากฏตัวออกมา แต่เขากลับมักจะปรากฏตัวอยู่บ่อยๆ
อีกทั้งธุรกิจฉินซื่อกรุ๊ปของท่านชายฉินถึงแม้ว่าจะใหญ่มาก แต่ก็ไม่เคยคิดมายุ่มย่ามทางด้านวงการบันเทิงเลย
แต่หลังจากที่ซูสือเยว่เข้ามาในวงการบันเทิง ท่านชายฉินไม่เพียงจะเข้าลงทุนในสถานีโทรทัศน์ ถึงขนาดที่ยังเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาในการถ่ายทำการแสดงสั้นๆในวันนี้ด้วยตัวเอง
เป้าหมายไม่ใช่ว่าเพื่อต้องการให้ซูสือเยว่มีชื่อเสียงขึ้นใช่มั้ย?
เมื่อก่อนเขานึกว่าซูสือเยว่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่านชายฉินถูกใจเท่านั้น
แต่คนสถานะอย่างท่านชายฉิน ถ้าเพียงแค่ผู้หญิงที่เล่นๆไม่คิดจริงจังด้วยจริงๆ…ทำไมจะต้องกระทำการออกมาอย่างใหญ่โตขนาดนี้ด้วย?
ขอเพียงแค่เขาต้องการ นักแสดงสาวที่จะมาเกาะเกี่ยวเขา มันสามารถเรียงแถวจากทางใต้ไปจนถึงทางเหนือได้เลย
ดังนั้นแล้ว…
ผู้กำกับหลินยกนิ้มหัวแม่มือไปให้กับซูสือเยว่อยู่เงียบๆ
สามารถกลายมาเป็นภรรยาของฉินโม่หานได้ อีกทั้งยังทำให้ฉินโม่หานทุ่มเทออกมาด้วยความสมัครใจ…
ซูสือเยว่ผู้หญิงคนนี้ สุดยอดจริงๆ
แต่ซูสือเยว่กลับไม่เข้าใจว่าที่ผู้กำกับหลินชูนิ้วโป้งส่งมาให้เธอมันหมายความว่าอะไร
คือกำลังชื่นชมเธอออกมาด้วยใจจริงว่าแต่งงานแล้วก็บอกมาอย่างไม่ซีเรียสเลยงั้นเหรอ?
เธอย่นคิ้วพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่มีอะไรให้ต้องหลบเลี่ยง”
“ถึงแม้ว่าต่อจากนี้ฉันจะต้องอยู่ในวงการบันเทิง แต่ครอบครัวก็คือครอบครัว งานก็คืองาน”
“เรื่องในวันนี้ เก็บเป็นความลับดีกว่า”
ด้านหลังของเธอ ฉินโม่หานก็ได้เอ่ยออกมาอย่างนิ่งเรียบ “ทุกคนสามารถทำเหมือนว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“อีกเดี๋ยวฉันจะให้ผู้ช่วยของฉันให้เงินอั่งเปาเป็นของขวัญให้กับทุกคน”
ผู้กำกับหลินนิ่งอึ้งไป แล้วก็รับพยักหน้าออกมาทันที “คุณฉินช่างเป็นสามีที่ดีมากเลยจริงๆนะครับ!”
ถึงแม้ว่าครอบครัวก็คือครอบครัว งานก็คืองาน แต่ถ้าในตอนนี้ซูสือเยว่ประกาศออกไปว่าฉินโม่หานเป็นสามีของเธอ อย่างนั้นแล้วทุกคนจะคิดว่าซูสือเยว่อาศัยอำนาจของฉินโม่หานถึงได้ขึ้นไปอยู่ที่สูงเอาได้
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการที่ซูสือเยว่นั้นสามารถผันตัวมาจากการเป็นนักแสดงแทนมาเป็นนักแสดงเต็มตัวได้ แท้จริงแล้วมันก็เกี่ยวข้องกับฉินโม่หานด้วย
แต่ตัวเธอเองก็มีพรสวรรค์ มีความสามารถด้วยเหมือนกัน
ผู้กำกับหลินเชื่อว่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีฉินโม่หาน ด้วยความสามารถของซูสือเยว่แล้ว ไม่ช้าไม่นานเธอก็ผันตัวมาได้เหมือนกัน
เพียงแต่ฉินโม่หานในตอนนี้ ได้ให้โอกาสเธอได้มากกว่า
ผู้หญิงอย่างนี้ ไม่ควรจะถูกตราหน้าว่าสวยแต่ไร้ความสามารถ ยิ่งไม่ควรที่จะถูกใครคิดว่าพึ่งอำนาจเงินของฉินโม่หานทั้งหมดถึงได้เดินมาถึงสุดท้ายได้
นี่มันจะไม่ยุติธรรมกับเธอ
ฉินโม่หานก็คงจะคิดถึงตรงจุดนี้ด้วยเหมือนกัน ถึงได้ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของซูสือเยว่กับเขาถูกประกาศออกไป
ผู้กำกับหลินมองซูสือเยว่กับฉินโม่หานไปด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
พระเจ้า นี่มันความรักของเทพเซียนอะไรกัน!
ซูสือเยว่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวงการบันเทิง แต่เธอก็ไม่แคร์เรื่องที่ตัวเองแต่งงานได้เปิดเผยออกไป เพราะว่าการปิดบังไปมันจะไม่ยุติธรรมต่อฉินโม่หาน
แต่ฉินโม่หานนั้นกลับเพราะว่าความรับผิดชอบต่อซูสือเยว่ หวังดีต่อตัวซูสือเยว่ ก็เลยให้ทุกคนอย่าได้ประกาศออกไป
ความรักที่ดีอะไรอย่างนี้!
ผู้กำกับหลินเกือบจะน้ำตาไหลออกมาด้วยความซาบซึ้ง
ดังนั้นแล้วตอนที่ไปรับอั่งเปาที่ไป๋ลั่วแจกให้ ผู้กำกับหลินก็ได้รับมาสองส่วนด้วยความตื่นเต้น
เดินออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช ผู้กำกับหลินนั่งอยู่ในรถสักพัก นับเงินไปพลาง รู้สึกประทับใจไปพลาง เงินที่เต็มไปด้วยรสชาติของความรัก มันทำให้คนใจสั่นเลยจริงๆ!
……
รอจนคนจากกองละครได้แยกย้ายกันไปจนหมดแล้ว ฉินโม่หานกับซูสือเยว่ก็ได้ยืนกันอยู่ตรงชั้นบนสุดของโรงพยาบาลจิตเวช มองไปยังผู้ป่วยพวกนั้นที่เดินเตร่กันไปทั่วทั้งลาน
“คุณว่า ลูกของคุณยังไม่ตาย?”
“ค่ะ”
ลมบนชั้นดาดฟ้าได้พัดออกมาจนเสื้อผ้าพลิ้วเกิดเสียงดังขึ้นมา สมองของซูสือเยว่ได้โล่งขึ้นเยอะเลย
เธอมองไปไกลออกไป “ถึงแม้ว่าฉันจะจำได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ฉันก็ได้นึกย้อนขึ้นมาได้อย่างชัดเจนแล้ว”
“ฉันอยากตามหาลูกของฉัน”
“ฉันอยากตามหาลูกของฉัน ฉันคิดว่าลูกของฉันกำลังมีอันตราย ฉันจึงต้องการจะไปช่วยเขา”
“หลังจากนั้นคนพวกนั้นก็กดฉันเข้ากับเตียง แล้วฉีดยาระงับประสาทให้กับฉัน”
หญิงสาวหลับตาลง
ความทรงจำที่เหมือนกับเศษเสี้ยวเล็กๆพวกนั้นในสมองมันได้ผุดขึ้นมาตรงหน้าเธออย่างชัดเจน
บนเตียงผู้ป่วยนั้น พวกเขากดเธอลงไปนับครั้งไม่ถ้วน มือเท้าของเธอถูกมัดเอาไว้
“ฉีดยาระงับประสาทให้เธอ เธอบ้าไปแล้ว!”
บางทีอาจเป็นเพราะว่าภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่ มันคล้ายกับในความทรงจำของเธอมาก เธอก็เลยเกิดภาพพวกนี้แวบเข้ามาในหัวทันที
แต่ว่าตอนที่เธอต้องการจะลงลึกไป ไม่เพียงแต่จะนึกอะไรไม่ออกเลย แต่ยังปวดหัวเหมือนจะเป็นบ้าขึ้นมาอีก
เหมือนกับว่ามันมีอะไรมากดความทรงจำตรงส่วนนี้ในหัวของเธอเอาไว้
ตอนที่เธอพยายามจะนึกไป สิ่งพวกนี้มันก็ใช้ความเจ็บปวดสุดๆมากมาขัดขวางเธอเอาไว้
ซูสือเยว่ไม่รู้ว่าคนอื่นที่เสียความทรงจำไปจะเจ็บปวดอย่างนี้เหมือนกันหรือเปล่า
แต่สิ่งที่เธอรู้เลยก็คือ “ฉันนึกเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องในอดีตขึ้นมาได้”
เมื่อก่อน เจี่ยนเฉิงมักจะบอกกับเธอว่าความทรงจำครึ่งปีนั้นที่เสียไป สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เจี่ยนเฉิงยังให้เธอดูบันทึกการเข้าโรงพยาบาลจิตเวชให้เธอดูด้วยเช่นกัน ทั้งยังบอกเธอว่าเพราะว่าเธอสูญเสียความทรงจำไป โรคทางจิตของเธอก็เลยไม่กำเริบขึ้นมา
แต่ว่าคำพูดของผู้เชี่ยวชาญอย่างหานหยุนในวันนี้ และเศษเสี้ยวความทรงจำที่ได้นึกขึ้นมาได้เมื่อสักครู่มันได้บอกเธอมาอย่างชัดเจนว่า——เธอไม่ได้บ้า
ความทรงจำเมื่อครึ่งปีนั้นที่ได้สูญเสียไป สำหรับเธอนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่สำคัญเลย
“จะเป็นไปได้หรือเปล่า”
ฉินโม่หานหรี่ตาลง “เป็นผู้ชายคนนั้นเป็นคนทำ”
“เขากลัวว่าคุณจะเอาลูกกลับไป ก็เลยสร้างเรื่องพวกนี้ออกมา”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก พร้อมกับพยักหน้าออกมา “ก็อาจจะเป็นไปได้”
นอกจากผู้ชายคนนั้นแล้ว ตอนนี้เธอก็นึกถึงคนอื่นไม่ออกเลยเหมือนกัน
เพียงแต่…
เธอหันหน้าออกไป “สามารถช่วยฉันตรวจสอบหน่อยได้มั้ยคะ?”
“ผู้ชายคนนั้นคงจะเป็นคนเมืองหรง”
“ลูกของฉัน ตอนนี้ก็คงจะอายุห้าขวบเหมือนกับซิงหยุนกับซิงเฉิน”