“คณชายฉินครับ”
เมื่อเห็นว่าฉินโม่หานยังคงนั่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับ ซิงหยุนจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “แด๊ดดี้จะนั่งที่นี่ต่อเหรอครับ?”
สิ่งที่ซิงหยุนสื่อออกไปนั้นชัดเจนมาก
ฉินโม่หานเม้มปาก ในตอนนี้ ถ้าเขาลุกขึ้นแล้วไปช่วยในครัว ก็เท่ากับว่า สิ่งที่ซิงหยุนพูดนั้นถูก?
ผู้ชายทำหน้านิ่ง ดวงตายังคงจ้องไปยังเอกสารที่อยู่ในมือ “หม่ามี๊ไม่อยากให้แด๊ดดี้เข้าไปหรอก”
“หม่ามี๊ชอบแด๊ดดี้ขนาดนั้น คงไม่อยากให้แด๊ดดี้เข้าครัวหรอก”
ซิงหยุนเบะปาก “แด๊ดดี้แน่ใจ?”
ฉินโม่หานยังคงจ้องไปยังเอกสารในมือ “ทำไมถึงจะไม่มั่นใจล่ะ?”
ซูสือเยว่ชอบเขา มันเป็นเรื่องจริงมานานแล้วไม่ใช่หรือ?
ตอนนั้น เธอบอกว่าไม่มีช่องทางติดต่อเขา เขาจึงให้ช่องทางติดต่อกับเธอไป หลังจากนั้น เธอก็ส่งข้อความไปสารภาพรักกับเขา
เธอมาทักทายเขาในตอนเช้าและบอกฝันดีในกลางคืนตลอด บางครั้งก็จะส่งคำพูดหวานๆให้เขา
ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกถึงความชื่นชมไม่ใช่หรือ?
เธอชอบและนับถือเขาขนาดนั้น แน่นอนว่า ไม่อยากให้เขาเข้าไปทำงานหยาบในครัวหรอก
แน่นอน
เขานั้นไม่ได้ดูถูกการทำงานในครัว
แต่ว่า………..
บุตรผู้ภาคภูมิใจแห่งสรวงสวรรค์อย่างฉินโม่หานนั้น ไม่เคยเข้าห้องครัว
“หม่ามี๊!”
ในตอนที่ผู้ชายกำลังรู้สึกมั่นใจว่า ซูสือเยว่ไม่อยากให้เขาเข้าครัวแน่ๆ ซิงหยุนที่อยู่ข้างๆเขาก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง
“หม่ามี๊!”
เสียงของเด็กหนุ่มก้องกังวานมาก “หม่ามี๊ต้องการแด๊ดดี้ไปช่วยงานในครัวไหมครับ?”
ในตอนนั้นเอง ซูสือเยว่กำลังคิดว่าจะไล่เด็กน้อยสองคนที่กินบิสกิตอยู่ในห้องครัวอย่างไรดี
ทั้งๆที่เมื่อสักครู่เขาสองคนนั้นกินอยู่ที่ด้านนอก ไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้ามากินในห้องครัวได้
ในห้องครัวทั้งมันและควันเยอะ แถมยังมีของมีคมมากมาย สำหรับเด็กแล้วถือว่ามันอันตรายมากเลย
ทว่า ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ซิงเฉินและซิงกวงก็ยังคงอยู่รบกวนเธอข้างๆไม่ไปไหน
โชคดีที่เสียงพูดของซิงหยุนทำให้เธอนึกได้
เธอจึงรีบขานตอบ “ต้องการ!”
“ให้แด๊ดดี้เข้ามาเลย!”
พูดจบ เธอก็ยังคงก้มหน้าจ้องไปยังซิงเฉิน “แด๊ดดี้ของลูกจะมาช่วยหม่ามี๊แล้ว ห้องครัวมันเล็ก จุคนได้ไม่มาก ลูกสองคนออกไปก่อนนะ?”
เมื่อได้ยินว่าฉินโม่หานจะมา ซิงกวงก็กัดริมฝีปาก จากนั้นก็ครุ่นคิดและตัดสินใจที่จะอยู่เป็นก้างขวางคอ“คุณน้าซู หนูต้องการแค่พื้นที่เล็กๆเองค่ะ รับรองว่าไม่รบกวนหรือเกะกะคุณน้าเลยค่ะ!”
ทว่า จะทำให้พวกเขาเขินอายที่จะพูดจาหวานๆ หรือจู๋จี๋!
ในดวงตาของซิงกวงมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่เล็กน้อย
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ที่แท้ซิงเฉินและซิงหยุนนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณน้าซู
ในเมื่อทุกคนนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆ งั้นหม่ามี๊นั้นเป็นของใคร ก็ต้องแข่งขันกันอย่างยุติธรรมแล้ว!
แม้ว่าเธอจะชอบคุณอาฉินเหมือนกัน ทว่า เธอนั้นชอบคุณอาจี้ที่รับเธอมาจากบ้านเด็กกำพร้ามากกว่า!
เพราะฉะนั้นเธอจะช่วยคุณอาจี้จีบคุณน้าซูให้ติด!
ทว่า เจตนาและแผนของซิงกวงเพิ่งคิดได้ ซิงเฉินที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็มาจูงมือของเธอแล้วเดินออกจากห้องครัว “พวกเราออกไปกันเถอะ”
ซิงกวงขมวดคิ้ว และพยายามที่จะขัดขืน “ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่า เด็กไม่ควรที่จะอยู่เป็นก้างขวางคอผู้ใหญ่!”
ซิงเฉินกะพริบตาให้เธอ “แด๊ดดี้และหม่ามี๊ของพี่เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนะ ไม่ต้องไปคิดมากหรอก!”
ซิงกวงตกใจเล็กน้อย
เขารู้ได้ยังไงว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่?
เขาอ่านใจคนได้เหรอ?
ในตอนที่เธอกำลังตกใจนั้นเอง ซิงเฉินก็เดินตรงเข้ามาจับไหล่ของซิงกวงไว้ แล้วดันเธอออกไปจากห้องครัว
แม้ภายในใจของซิงกวงจะไม่ยินยอม ทว่า ซิงเฉินเป็นผู้ชาย แรงของเขานั้นย่อมเยอะกว่าเธอมาก
สาวน้อยมองดูฉินโม่หานเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยสีหน้าที่ไม่มีความสุข จากนั้นก็ปิดประตูห้องครัว
ซิงกวงถูกซิงเฉินดันมาให้นั่งลงที่โซฟา จากนั้นเธอก็ก้มหน้าแล้วเอามือปิดหน้าไว้ “พวกพี่นี่ร้ายมากเลย”
“อันนี้ไม่ได้เรียกว่าร้าย”
ซิงหยุนเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องไปยังซิงกวงด้วยสีหน้าที่จริงจัง”พวกเราแค่อยากจะมีน้องสาวเพิ่มหนึ่งคน”
“เพราะฉะนั้น การที่จะให้แด๊ดดี้และหม่ามี๊อยู่ด้วยกันและกระชับความสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ”
ซิงกวงโกรธมาก “พวกพี่อยากมีน้องสาว ก็จะให้คุณน้าซูมีให้เหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ?”
ซิงกวง:“……”
เวลาผ่านไปสักพัก สาวน้อยกอดหมอนข้างไว้ แล้วทำหน้าน้อยใจ “พวกพี่ยังมีหนูนะ!”
“มีหนูเป็นน้องสาวยังไม่พอเหรอ!”
“ทำไมยังต้องเอาน้องสาวตัวเล็กๆอีกล่ะ!”
ซิงเฉินเหลือบมองเธออย่างเงียบๆ “เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆเสียหน่อย”
“พวกเราต้องการน้องสาวแท้ๆ ที่เป็นสายเลือดเดียวกัน”
ซิงกวงไม่พอใจ “ไม่เป็นสายเลือดเดียวกันแล้วยังไง?”
“ถ้าไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกัน แล้วสักวันเขาหนีไป พวกเราก็จะเสียใจ”
ซิงหยุนตอบอย่างจริงจัง “แต่ถ้าเป็นสายเลือดเดียวกัน ก็จะมีความผูกพัน พวกเราก็ดูแลเขาได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหนีไป”
ซิงกวง:“……”
เด็กสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เป็นเด็กอายุเท่ากับเธอจริงๆเหรอ?
ทำไมถึงคิดและวิเคราะห์มากขนาดนี้?
และ สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นก็มีเหตุผล!
สาวน้อยกัดริมฝีปากอย่างลังเลเป็นเวลานาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองซิงหยุนกับซิงเฉินอย่างจริงจัง “หนูจะเป็นน้องให้พวกพี่ หนูสัญญาว่าจะไม่หนีไปไหน”
ขณะที่พูด เธอก็ชูขึ้นสามนิ้ว “หนูจี้ซิงกวงขอสาบานว่า ถ้าซิงเฉินกับซิงหยุนรับหนูเป็นน้องสาว หนูก็จะเป็นน้องสาวของพวกเขาตลอดไป จะไม่หนี และจะไม่ทำให้พวกต้องตามหา!”
“ถ้าหนูผิดคำสาบาน ก็ขอให้…….หนูกลายเป็นคนอ้วนที่หนักหนึ่งร้อยโล”
ซิงเฉินเหลือบตามองซิงกวง ในมือของเขาก็ถือบิสกิตรสนมไว้ “ทำไมพี่รู้สึกว่าบทลงโทษนี้……..เธอจะสามารถทำมันได้ล่ะ”
ซิงกวงถลึงตาใส่เขา แล้วโยนหมอนข้างไปที่หน้าเขา “ถ้าจะอ้วนพี่ก็อ้วนไปก่อนเลย!”
“เธอนั้นกินเยอะกว่าพี่ แถมเธอยังเป็นผู้หญิง ระบบเผาผลาญของร่างกายก็คงไม่ดีเท่าผู้ชาย ในอนาคตเธอต้องอ้วนกว่าพี่แน่เลย!”
“ฉินซิงเฉิน น่าเกลียดจริงๆเลย พี่นั่นแหละจะเป็นไอ้หมูอ้วน!”
ซิงกวงที่ถูกเขาว่า ก็ลืมสนใจฉินโม่หานกับซูสือเยว่ที่ยังอยู่ในครัว เธอคว้าบิสกิตรสนมขึ้นหนึ่งกำ แล้วพุ่งไปยังตรงหน้าของซิงเฉิน “หนูจะดูพี่กินมันเข้าไป!”
“เมื่อกี้หนูกินไปห้าชิ้น และพี่ต้องกินเข้าไปสิบชิ้น!”
“พี่ต้องอ้วนกว่าหนูแน่นอน!”
……
ซิงหยุนที่นั่งอยู่บนโซฟา มองดูเด็กสองคนถกเถียงกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
แด๊ดดี้พูดถูก เขานั้นไม่เหมือนเด็กอายุห้าขวบเลยแม้แต่น้อย
สองคนที่ถกเถียงกันอยู่ตรงหน้าถึงจะใช่
เขายอมรับ เขานั้นโตกว่าเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และเขาก็มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่
ทว่า เด็กที่ยิ่งมีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ เรื่องที่ต้องกังวลนั้นก็จะยิ่งมีมาก
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางห้องครัว
ทันใดนั้น ประตูห้องครัวก็ถูกเปิดออก
ฉินโม่หานเดินออกมาจากห้องครัวด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์
ซิงกวงและซิงเฉินที่เถียงกันอยู่ก็หยุดลง
ภายในห้องรับแขก ดวงตาโตสามคู่จ้องไปยังฉินโม่หานอย่างไม่กะพริบ “ทำไมถึงออกมาล่ะครับ?”
ฉินโม่หานกระแอมเล็กน้อย มุมปากมีรอยยิ้มที่ได้ใจ “ที่แด๊ดดี้ออกมา แน่นอนว่าเป็นเพราะ……..”
ผู้ชายยิ้มแล้วมองไปยังซิงหยุน “เพราะภรรยาของแด๊ดดี้รู้สึกว่า งานในครัวหนักเกินไป ไม่อยากให้แด๊ดดี้ทำ”
“ชิ!”
ซิงเฉินเบะปาก แล้ววิ่งเข้าไปในห้องครัว
ผ่านไปสักครู่ เขาก็หัวเราะและกุมท้องแล้วเดินออกมาจากห้องครัว
“หม่ามี๊บอกว่า แด๊ดดี้เข้าไปไม่ได้ช่วยอะไร แถมยังเพิ่มภาระให้หม่ามี๊อีก หม่ามี๊ก็เลยให้แด๊ดดี้ออกมา!”
ฉินโม่หาน:“……”
“ความจริง หม่ามี๊แค่เป็นห่วงแด๊ดดี้ ไม่อยากให้พี่ลำบาก”
“หม่ามี๊แค่ปากแข็ง”