เพราะเมื่อคืนพวกเขาทำกิจกรรมบนเตียงอย่างดุเดือด จึงทำให้ซูสือเยว่ตื่นนอนในเวลาสิบโมงกว่าของวันถัดมา
หลังจากที่ตื่นนอน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตามสัญชาตญาณ มีสายหลายสายที่ไม่ได้รับ และมีหลายข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน
ข้อความสุดท้ายเป็นข้อความจากหานหยุน
เขาส่งภาพที่ซูโม่ยืนอยู่ในห้องผู้ป่วยอย่างเฉื่อยชาในชุดผู้ป่วยลายทาง “จัดการเรียบร้อย”
ซูสือเยว่ตกตะลึง ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
ซูโม่ไปโรงพยาบาลจิตเวชแล้วจริงๆ?
เธอรีบเปิดข้อความอื่นๆอ่าน
ในบรรดาสายทั้งหมดทั้งมวลที่ไม่ได้รับ มีสายจากหานหยุนสองสาย สายจากผู้กำกับหลินหนึ่งสาย ที่เหลือเป็นสายจากซูจิ่นเฉิง!
ในบรรดาข้อความที่ส่งมา คนที่ส่งข้อความมาหาเธอเยอะที่สุดก็ยังคงเป็นซูจิ่นเฉิง
ซูจิ่นเฉิงในวีแชทตีโพยตีพาย “ดีจริงๆเลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่างหานหยุนที่ไม่เคยใกล้ชิดกับคนอื่นก็สามารถเชิญได้ เธอพยายามทำให้โม่โม่ติดคุกจริงๆ!”
“ซูสือเยว่ ฉันขอเตือนเธอ หยกที่ฉันให้เธอไปนั้นเป็นของปลอม ของจริงยังอยู่ในมือของฉัน ถ้าเธอต้องการหยกของจริง ก็รีบไปบอกให้หานหยุนออกไปซะ!”
“ซูสือเยว่ เธอมันอำมหิตจริงๆ เธอทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะสู้กับเธอสุดตัวเหรอ?”
……
ข้อความสิบกว่าข้อความของซูจิ่นเฉิงนั้น ไม่ใช่ข้อความข่มขู่ ก็ข้อความอ้อนวอน
จุดประสงค์สุดท้ายนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือให้เธอเกลี้ยกล่อมหานหยุนให้จากไป และให้ซูโม่ออกจากโรงพยาบาลจิตเวช
ทว่า ซูสือเยว่จะรับปากเขาได้ยังไง?
“สุดท้ายโม่โม่ก็ยังคงต้องเข้าไป เธอมันโหดเหี้ยมจริงๆ!”
นี่เป็นข้อความสุดท้าย
ในตอนที่ซูสือเยว่อ่านข้อความในโทรศัพท์ ในหัวของเธอก็มีภาพที่ซูจิ่นเฉิงโวยวายปรากฏขึ้น
เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ตอบกลับข้อความของซูจิ่นเฉิง:
“พ่อคะ พ่อคงเข้าใจความเจ็บปวดของหนูแล้วนะคะ”
“เนื่องจากซูโม่มีอาการป่วยทางจิต งั้นก็ควรที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จากนั้นค่อยออกมารับบทลงโทษทางกฎหมาย พ่อว่าถูกไหมคะ?”
“หนูเป็นคนหาผู้เชี่ยวชาญหานหยุนมาเอง เขาเชี่ยวชาญด้านจิตเภท ในเมื่อเขาวินิจฉัยว่าซูโม่มีอาการป่วยทางจิต งั้นเธอก็คงต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชแล้วล่ะ”
“อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอไม่ได้ป่วย เธอก็ต้องติดคุกแล้วล่ะ พ่อว่าถูกไหมคะ?”
เมื่อส่งข้อความเหล่านี้เสร็จ ซูสือเยว่ก็รู้สึกสดชื่น
ซูจิ่นเฉิงคิดว่าทำใบรองปลอมว่าซูโม่มีการป่วยทางจิตขึ้นมาแล้ว ก็จะทำให้ซูโม่ไม่ติดคุก?
ตอนนี้ซูโม่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช……..
มันไม่ได้อยู่สบายไปกว่าการติดคุกเท่าไหร่เลย
บางครั้ง อยู่ในคุกอาจจะสบายกว่าเสียอีก
เธอส่งข้อความไปขอบคุณหานหยุน
“มันเป็นงานง่ายๆเอง ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ และพวกเขาก็มาตกหลุมพรางพอดี”
พูดจบ เขายังส่งสติ๊กเกอร์รูปยิ้มให้ซูสือเยว่ “ยังจำข้อตกลงระหว่างเราได้ใช่ไหม?”
“ฉันช่วยเธอหนึ่งครั้ง เธอติดหนี้บุญคุณฉันหนึ่งครั้ง”
“อืม ฉันไม่ลืมหรอก”
ซูสือเยว่ก็ส่งสติ๊กเกอร์รูปยิ้มกลับไปให้เขา “แต่ฉันคิดว่า ฉันไม่มีอะไรช่วยนายได้หรอก”
“เธอมีสิ”
หานหยุนตอบกลับเร็วมาก “อย่าดูถูกตัวเองสิ”
“ซูสือเยว่ ในอนาคตข้างหน้า……..มีหลายเรื่องที่เธอสามารถช่วยฉันได้”
ซูสือเยว่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา
ในเวลานั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของซูสือเยว่ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลก
“สวัสดีครับ คุณซูสือเยว่ ผมเป็นผู้กำกับของหนัง《ความทรงจำที่ขาดหาย》ผู้กำกับก่อนหน้านี้มีปัญหาเชิงชู้สาวเลยได้ทำการลาออกแล้ว ผมก็เลยมารับช่วงต่อจากเขาครับ”
“การถ่ายทำของเราอยู่ในวาระการประชุม ตอนบ่ายมีนัดอ่านบท หวังว่าคุณจะสามารถเข้าร่วมได้ตรงต่อเวลานะครับ”
ซูสือเยว่พยักหน้า “ได้ค่ะ”
ช่วงนี้เธอยุ่งๆกับเรื่องของลั่วเยียน จนเธอเกือบลืมไปเลยว่า เธอยังมีหนังเรื่องหนึ่งที่ต้องถ่ายทำอยู่
เพิ่งเปลี่ยนจากสตั๊นแมนมาเป็นนักแสดงอย่างเป็นทางการ เธอยังไม่ค่อยชินกับการเปลี่ยนแปลงนี้เลย
เวลาที่นัดอ่านบทเป็นเวลาบ่ายสองโมง
ในตอนที่ซูสือเยว่อาบน้ำเสร็จแล้วลงมาข้างล่าง ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว
เธอทำอาหารเที่ยงกินง่ายๆ จากนั้นก็ไปเรียกรถเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่ผู้กำกับส่งมา
สถานที่นัดอ่านบทเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ๆสตูดิโอภาพยนตร์
ในตอนที่ซูสือเยว่ถึง จี้หนานเฟิงก็เพิ่งลงจากรถพอดี
ทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยแฟนคลับของจี้หนานเฟิง
แฟนๆกรี๊ดและเรียกชื่อของจี้หนานเฟิง แฟนคลับเต็มจนล้นบริเวณทางเข้าโรงแรม
ซูสือเยว่ถูกผู้คนเบียดจนต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าไปในโรงแรมได้
เธอยังถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนคลับของจี้หนานเฟิงจนเกือบถูกไล่ออกไป
“ทำงานหนักแล้วนะคะทุกคน”
เธอเข้าไปในห้องประชุมด้วยผมที่ยุ่ง จี้หนานเฟิงยิ้มแล้วส่งกระจกให้เธอ “จัดทรงผมหน่อยไหม”
ซูสือเยว่รับกระจกมาดู ถึงจะเห็นสภาพตัวเองว่าทุลักทุเลขนาดไหน
เธอยิ้มออกมาอย่างเคอะเขิน พลางจัดทรงผมแล้วถอนหายใจออกมา “แฟนคลับของคุณจี้เยอะจริงๆเลยค่ะ”
“ทำไมคะ คุณอิจฉาเหรอ?”
นักแสดงสาวที่นั่งอยู่อีกด้านของจี้หนานเฟิงมองมาที่เธออย่างดูถูก “ในที่นี้ นอกจากคุณ ทุกคนนั้นมีแฟนคลับไม่มากก็น้อยแหละนะ? ”
พูดจบ เธอยังเหลือบไปมองซูสือเยว่อย่างไม่พอใจ “ไม่รู้จริงๆว่าบริษัทของฉันคิดอะไรอยู่ ถึงให้ฉันมาเล่นกับนักแสดงสมทบแบบนี้”
ผู้หญิงที่พูดชื่อเหลียงหยูซิน เป็นหน้าแสดงหน้าใหม่ที่ผ่านการแข่งขันมา
ถึงแม้จะมีผลงานการแสดงไม่มากนัก แต่เธอนั้นมีฐานแฟนคลับจากรายการแข่งขันมากพอสมควร
ในหนังเรื่องนี้ เธอรับบทเป็นนางรอง
และนักแสดงสาวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเหลียงหยูซินชื่อหยางชิงโยว เธอเป็นนักแสดงสมทบมาหลายปี ถึงแม้เธอจะเป็นนักแสดงสมทบ แต่เธอก็มีฐานแฟนคลับอยู่ไม่น้อย
นอกเหนือจากนักแสดงหญิง เหล่านักแสดงชายนอกจากจี้หนานเฟิงแล้ว ก็ล้วนเป็นนักแสดงดังเช่นกัน
จริง เหลียงหยูซินพูดถูก
อยู่ต่อหน้านักแสดงที่มีฐานแฟนคลับแบบนี้ ผลงานและประวัติของซูสือเยว่ สู้ไม่ได้เลยจริงๆ
“สือเยว่เป็นคนมีพรสวรรค์ ผมคิดเชื่อเธอต้องทำได้ดีในอนาคตแน่นอน”
จี้หนานเฟิงเหลือบมองไปที่เหลียงหยูซินอย่างนิ่งๆ “อย่างน้อย ผมคิดว่าเธอน่าจะไปได้ไกลกว่าคุณ”
สีหน้าของเหลียงหยูซินไม่พอใจ
แต่เธอไม่สามารถทำอะไรกับนักแสดงชายยอดเยี่ยมอย่างจี้หนานเฟิงได้ จึงทำได้เพียงแอบกลอกตามองบน
ไม่นาน คนก็มาครบ หัวหน้าผู้กำกับก็เปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับทุกคน ผมเป็นผู้กำกับของหนังเรื่องนี้ ผมชื่อ เฉินไห่ ทุกคนเรียกผมว่าผู้กำกับเฉิงก็ได้ครับ”
ผู้กำกับแจกบทให้กับทุกคน “นักแสดงหลักของหนังเรื่องนี้ก็อยู่ที่นี้หมดแล้ว ผมจะไม่พูดอะไรมากนะครับ”
“วันนี้ที่นัดทุกคนมา เหตุผลแรกคือจะแจกบทให้กับทุกคน อีกเหตุผลคืออยากให้ทุกคนคุ้นเคยกันไว้”
“เพราะการถ่ายทำหนังเรื่องนี้มีเวลาจำกัด ดังนั้นการจัดเรียงการถ่ายทำอาจจะปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทางทีมงานก็เลยได้ทำการเหมาโรงแรมไว้หนึ่งชั้น ผมหวังว่าทุกคนจะสามารถย้ายมาอยู่ด้วยกันได้ แบบนี้มันจะง่ายต่อการทำงาน”
เหลียงหยูซินกลอกตามองบน “ถ่ายทำหนังเรื่องเดียว ต้องมาอยู่ด้วยกันเหรอคะ?”
“ใช่ครับ”
ผู้กำกับพยักหน้าแล้วยิ้ม “นี่คือกฎครับ”
“คุณจี้นักแสดงชายยอดเยี่ยมตกลงแล้ว”
เหลียงหยูซินเบะปาก ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในเมื่อจี้หนานเฟิงยังตกลง คนอื่นคงไม่มีโอกาสปฏิเสธแล้ว
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ได้คัดค้านอะไร ผู้กำกับจึงกระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่า ยังมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งจะประกาศ………”
ในตอนที่กำลังพูด เขาก็เหลือบมองไปที่ซูสือเยว่ “นางเอกของหนังเรื่องนี้ คุณกับคุณจี้มีฉากจูบเยอะ คุณทราบใช่ไหมครับ?”
ซูสือเยว่พยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ”
ทว่า ในถานะนักแสดงคนหนึ่งแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ
เธอไม่ได้คิดว่ามันมีปัญหาอะไรเลย
เหลียงหยูซินที่อยู่อีกด้านหนึ่งเบะปาก แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “แบบนั้นก็ดูง่ายไปสำหรับเธอน่ะสิคะ”
“อะแฮ่ม”
ผู้กำกับเฉิงหายใจเข้าลึกๆ “แต่สำหรับคุณซู นี่เป็นครั้งแรกที่คุณถ่ายฉากแบบนี้ ผู้ผลิตของเราได้คิดถึงมันและได้ปรึกษาหารือกัน เราตัดสินใจที่จะเตรียม…….”
“สตั๊นท์แมนจูบแทนจี้หนานเฟิง”
ซูสือเยว่อึ้งไปเลย
สตั๊นท์แมนจูบแทนจี้หนานเฟิง?
งั้นก็แสดงว่า เธอต้องจูบกับสตั๊นท์แมนคนนั้น?
ซูสือเยว่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ถึงแม้เธอก็ไม่อยากจูบกับจี้หนานเฟิง แต่อย่างน้อย จี้หนานเฟิงก็เป็นคนที่คุ้นเคยสำหรับเขา
ทว่า การจูบแทนนั้น…….
ใครจะไปรู้ว่า อาจจะเป็นลุงอ้วนวัยกลางคนหรือเปล่า?
จี้หนานเฟิงที่อยู่อีกด้านขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ?”
“จำเป็นครับ”
หัวหน้าผู้กำกับเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าผาก “นี่เป็น……..นี่เป็นผลการหารือที่โปรดิวเซอร์กับผู้ผลิตสรุปออกมาครับ”
ซูสือเยว่รู้สึกสิ้นหวัง
“สตั๊นท์แมนที่จูบแทน……หน้าตาเป็นยังไงเหรอคะ?”
หัวหน้าผู้กำกับลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอารายชื่อผู้ผลิตให้กับเธอ “เป็นหนึ่งในผู้ผลิตนี้”
ผู้ผลิตมาเป็นสตั๊นท์แมนจูบแทน?
นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเหรอ?
ซูสือเยว่หยิบใบรายชื่อนั้นขึ้นมาด้วยความโกรธ
แค่แวบเดียว เธอก็เห็นชื่อของหนึ่งในผู้ผลิตนั้น :ฉินโม่หาน
“……”