แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
เหลียงหยูซินเริ่มระเบิดแล้ว “ฉันไม่ควรจะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเหรอ? ”
“เธอซูสือเยว่มีสิทธิอะไรกัน? ”
“ก็เป็นแค่สแตนด์อินที่คนชั้นต่ำอย่างเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิงดึงขึ้นมาเท่านั้นเอง มีผลงานชิ้นเอกอะไร มีความสามารถยังไงที่จะมาเป็นนางเอกได้? ”
“ก็แค่เพราะว่าอดีตผู้กำกับ《ความทรงจำที่ขาดหาย》นั้นโง่เกินไป อยากจะใช้ทางลัดเอาคนมาแทนเซี่ยงหวั่นฉิง แต่ผลกลายเป็นกลับโดนผู้หญิงคนนี้ปาดหน้าไป!”
เหลียงหยูซินยิ่งพูดยิ่งโมโห สุดท้ายก็กลอกตาใส่ซูสือเยว่ “ฉันจะเกลียดคนประเภทที่ไม่มีศักยภาพแล้วมาได้รับบทตัวเอกมากที่สุดเลย!”
“นี่ๆๆ ต้องพูดจาแย่ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ? ”
ฟู๋เีชยนเชียนโกรธจนทนไม่ไหว “คุณไม่พอใจขนาดนี้ ก็ไปบอกให้ผู้กำกับเปลี่ยนคนสิ ไปบอกให้จี้หนานเฟิงเลือกคุณเป็นนางเอกสิ? ”
“ไม่มีความสามารถก็หุบปากไป! พูดจาทุเรศสิ้นดี!”
เหลียงหยูซินหัวเราะเยาะ “พี่เลี้ยงกระจอกๆ อย่างเธอ ปากดีเหมือนกันนิ!”
“ก็เพราะว่าฉันเป็นแค่พี่เลี้ยงกระจอกๆ ก็เลยกล้าพูดอะไรก็ได้ คุณเหลียง ฉันขอเตือนให้คุณระมัดระวังในคำพูดของคุณหน่อยนะ ปากอย่างเนี่ย ไม่ช้าก็เร็วคุณต้องตายเพราะปากแน่!”
“แก…!”
“เฮ้อ”
ตอนที่เหลียงหยูซินกับ ฟู๋เชียนเชียนเริ่มทะเลาะกันเสียงดังวุ่นวายนั้น หยางชิงโยวก็หันหน้ามา แล้วก็มองซูสือเยว่อย่างทอดถอนใจ “ควบคุมอารมณ์ได้ดีจังเลยนะ”
ซูสือเยว่ยิ้มจางๆ “ไม่ดีเท่ากับความฉลาดของคุณหยางหรอกค่ะ”
ในฐานะที่เป็นนางสาม สามารถทำให้นางรองเกลียดชังนางเอกได้โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรมากนักเลย
นกกับหอยทะเลาะกัน แต่คนตกปลาได้ประโยชน์
เกรงว่าหยางชิงโยวน่าจะอยากเป็นคนตกปลาใช่ไหม?
แต่ว่าเสียดาย ซูสือเยว่ไม่ได้อยากจะเป็นเหยื่อของเธอ
ตอนนี้ ลิฟต์ก็มาถึงจุดหมาย
ซูสือเยว่ดึงมือฟู๋เชียนเชียน “ไปกันเถอะ”
ฟู๋เชียนเชียนกลอกตา แล้วก็ทำเสียงอย่างเย็นชา “มีปัญหาจริงๆ เลย ถ้าเกิดว่ามีความสามารถก็ไม่ต้องมาเป็นนางรองสิ พูดไปพูดมา ก็ถูกสือเยว่เหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้านั่นแหละ!”
“แก!”
ดวงตาของเหลียงหยูซินลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ
นึกไม่ถึงเลยว่าซูสือเยว่ที่ปกติจะเอาแต่เงียบเชียบนั้น เพื่อนสนิทของเธอนั้นกลับไปคนที่ไม่ควรไปยั่วเลย!
โมโหจะตายอยู่แล้ว!
ทั้งโกรธและเกลียด
“พอแล้ว”
ซูสือเยว่ถอนหายใจอย่างจำใจ แล้วก็หันหน้ากลับมามองเหลียงหยูซิน “คุณเหลียง ฉันรู้ว่าคุณมีปัญหากับฉัน”
“ 《ความทรงจำที่ขาดหาย》เป็นโปรเจคที่ดีมาก ฝีมือการแสดงของคุณก็ไม่เลวเลย ต่อให้ไม่ได้รับบทนางเอก คุณก็สามารถโด่งดังได้เหมือนกัน”
“สำหรับฉันนั้น ฉันจะมีความสามารถสำหรับการเป็นนางเอกได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นนางเอกที่ดีได้รึเปล่า มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะมาตัดสินได้ คุณแค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็พอแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ปล่อยให้ตลาดเป็นคนตัดสินเถอะ”
“แน่นอน ถ้าเกิดว่าคุณรู้สึกว่าการที่ฉันได้เป็นนางเอกแล้วคุณได้เป็นนางรอง แล้วจะทำให้ฉันดูเหนือกว่านั้น คุณจะยอมแพ้ก็ไม่สำคัญอะไรหรอกนะ
พอพูดจบ เธอก็เหลือบมองหยางชิงโยวด้วยหางตา
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
ความลำพองใจที่อยู่บนหน้าของหยางชิงโยวเมื่อกี้นี้ก็ได้หายไปในทันที
“ไปแล้วนะ”
ซูสือเยว่ดึงมือของฟู๋เชียนเชียนอย่างพึงพอใจ แล้วก็เดินออกไป
“ที่เธอพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน? อะไรกันที่บอกว่าฉันคิดว่าฉันจะสู้เธอไม่ได้ ยอมแพ้ไปก็ไม่สำคัญยังงั้นเหรอ? ”
“ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ! ว่าฉันไม่มีทางถอยอย่างแน่นอน ฉันถูกกำหนดมาแล้วว่าจะเล่นบทนางรอง! ฉันจะทำให้คนอื่นได้เห็นว่า เธอไม่ได้ดีกว่าฉันแม้แต่หัวแม่โป้ง!”
พอพูดจบเหลียงหยูซินก็จับแขนของหยางชิงโยวด้วยความโกรธ “โมโหจะตายอยู่แล้ว!”
เธอหันไปมองหยางชิงโยว “เอ้ะ หยางชิงโยวทำไมสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยล่ะ? ”
หยางชิงโยวกระแอมเบาๆ แล้วก็หันไปมองทางที่ซูสือเยว่กับฟู๋เชียนเชียนเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความหมายซ่อน “ซูสือเยว่คนนั้น ช่างแยกแยะไม่ได้เลยนะว่าอะไรดีไม่ดี”
“ใช่!”
เหลียงหยูซินกลอกตา “แแถมยังบอกให้ฉันทิ้งบทนางรองอีก? ”
“หึ เมื่อกี้ฉันยังบอกเธออยู่เลยว่าไม่อยากอยู่กองเดียวกับคนแบบนี้ อยากถอนตัว แต่ว่าตอนนี้ ฉันไม่อยากถอนตัวแล้ว!”
“ฉันจะอยู่ต่อ แล้วก็กดซูสือเยว่ให้ต่ำกว่า!”
พอพูดจบ เธอก็มองหยางชิงโยวด้วยสีหน้าที่ลำพองใจ “พวกเรามาสู้ไปด้วยกันเถอะ กดซูสือเยว่ลงไป!”
หยางชิงโยวเม้มปาก แล้วก็ยิ้มอย่างเก้อเขิน “ได้ค่ะ”
พอพูดจบ เธอก็หรี่ตา แล้วก็มองไปยังทิศทางที่ซูสือเยว่เดินจากไป สายตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
……
ณ โรงพยาบาลจิตเวชในเมืองหรง
ซูโม่ที่อยู่ในชุดผู้ป่วยลายทางนั่งผมเผ้ากระเซิงอยู่บนเตียง อุ้มตุ๊กตาตัวน้อยที่ทรุดโทรมไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่กำแพง
เธอถูกส่งมาที่นี่ได้สามวันแล้ว
ตอนเริ่มแรกนั้น เธอคิดว่าพ่อไม่มีทางให้เธอมาอยู่ในที่อย่างรพ.จิตเวชแบบนี้อย่างแน่นอน
พ่อก็บอกเองว่า เขาจะไปหาคุณเย่เพื่อขอความช่วยเหลือ ต้องช่วยเธอออกไปได้อย่างแน่นอน
แต่ว่า หนึ่งวัน สองวัน สามวันแล้ว
ความหวังในใจของซูโม่นั้นได้ค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นความผิดหวัง
สรุปแล้วพ่อตามหาคุณเย่เจอรึเปล่า แล้วเธอจะได้ออกไปเมื่อไหร่กัน?
เธอไม่สนใจเพื่อร่วมห้องที่บ้าคลั่ง มองลอดผ่านกรงเหล็กไปที่ท้องฟ้าด้านนอก
เดิมทีพ่อของเธอจัดการเรื่องใบรับรองแพทย์เรื่องโรคทางจิตให้แก่เธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเข้าคุก หลีกเลี่ยงการลงโทษทางกฎหมาย
แต่ว่าตอนนี้ สู้ให้เธออยู่ในคุกยังจะดีกว่า!
อย่างน้อยคนในคุกก็ปกติ!
“ซูโม่ มีคนมาหา!”
ตอนที่เธอกำลังมองท้องฟ้าอย่างหมดหวังนั้น ตรงประตูก็มีเสียงของคุณหมอดังขึ้น
แววตาที่เฉื่อยชาของซูโม่ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที!
เธอกระโดดลงจากเตียงด้วยความตื่นเต้น “คุณเย่มาหาฉันรึเปล่า? ”
คุณหมอพยักหน้า “คุณเย่มาหาคุณจริงๆ ”
“ดีจังเลย!”
ซูโม่จับแขนหมอแน่นด้วยความตื่นเต้น “ฉันจะไปหาเธอ!”
คุณเย่มาแล้ว!
ในที่สุดคุณเย่ก็มาแล้ว!
ในที่สุดเธอก็จะสามารถออกจากสถานที่ผีๆ แบบนี้ได้แล้ว!
ซูโม่ถูกหมอพาไปที่ห้องเยี่ยมผู้ป่วยด้วยความตื่นเต้น
ในอีกด้านของหน้าต่างกระจก เย่เชียนจิ่วนั่งกอดอก พิงเก้าอี้พร้อมกับมองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่เย็นชา
ซูโม่กระโจนใส่หน้าต่าง แล้วก็มองหน้าเย่เชียนจิ่วด้วยความตื่นเต้น “คุณเย่ นี่คุณมาพาฉันออกไปใช่ไหมคะ? ”
“ฉันว่าแล้วว่าคุณต้องมีวิธี!”
“เพราะว่าเรื่องของลั่วเยียนตอนแรกก็เพราะว่าคุณให้ฉัน……”
“เมื่อก่อนฉันสนิทกับคุณเหรอ? ”
ซูโม่ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกเย่เชียนจิ่วตัดบทอย่างเย็นชา
หญิงสาวขมวดคิ้ว แล้วก็มองไปที่ใบหน้าที่ผมเผ้ากระเซิงของซูโม่ด้วยสีหน้าที่สับสน “คุณซู ฉันจำได้ว่าพวกเราไม่สนิทกันนะ? ”
“พวกเราก็แค่เคยไปกินข้าวด้วยกันแค่ไม่กี่มื้อ แล้วอีกอย่างตอนที่กินข้าวด้วยกันนั้น เพื่อนคนอื่นๆ ของฉันก็อยู่ด้วย ฉันไปสนิทกับคุณเมื่อไหร่กัน? ”
ซูโม่อึ้งไป
“คุณพูดแบบนี้……หมายความว่ายังไง?”
“พวกเราเคยเจอกัน ……แค่ห้าครั้งเองมั้ง? ”
เย่เชียนจิ่วนับนิ้วด้วยความงุนงง “ฉันไม่สนิทกับคุณเลยจริงๆ ”
“แล้วทำไมพ่อของคุณถึงต้องให้ฉันมาเจอคุณให้ได้ แล้วให้ฉันช่วยคุณออกไป? ”
“ซูโม่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สนิทกับคุณ แต่ว่าฉันก็อยากบอกคุณนะว่า โรคทางจิตเนี่ยมันสามารถรักษาได้ อย่าละทิ้งความหวัง และอย่าคาดหวังว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้โดยไม่ได้รับการรักษา”
“ไม่ต้องพูดเรื่องที่เราไม่สนิทกันก็ได้ ต่อให้พวกเราสนิทกันมาก ฉันก็ช่วยคุณไม่ได้หรอก การพาคุณออกจากโรงพยาบาล ก็เท่ากับว่าฉันไม่รับผิดชอบต่อสังคม”
เย่เชียนจิ่วคลี่รอยยิ้มที่ประหลาดให้ซูโม่ “ซูโม่ ฉันพูดจบแล้ว เธอดูแลตัวเองให้ดีนะ”
“แล้วไม่ต้องให้พ่อเธอมาหาฉันอีกล่ะ เพราะว่าพวกเราไม่ได้สนิทกันเลย”
พอเธอพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วก็หันหลังเดินออกไป
“เย่เชียนจิ่ว!”
ซูโม่ที่แนบอยู่กับกระจกนั้นกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
ต่อให้เธอจะโง่แค่ไหน ก็รู้ว่าเย่เชียนจิ่วกำลังจงใจตัดความสัมพันธ์กับเธอ!
“เธอไม่กลัวเหรอว่าฉันจะบอกคนอื่นเรื่องที่เธอวางแผนทำร้ายซูสือเยว่น่ะ? ”
เย่เชียนจิ่วขมวดคิ้ว มองซูโม่ด้วยสายตาที่สับสน “เธอพูดก็มีเหตุผลนะ”
“แต่”
เธอคลี่ยิ้มอย่างลำพองใจ “คำพูดของคนเสียสติคนหนึ่ง ใครจะไปเชื่อล่ะ? ”
“ซูสือเยว่ต้องเชื่ออย่างแน่นอน!”
ซูโม่กัดฟัน “เธอรู้ว่าฉันไม่ได้บ้า เธอต้องเชื่อฉันแน่!”
“แล้วอีกอย่าง ไม่ช้าก็เร็วซูสือเยว่ต้องมาหาฉันแน่!”
“ถ้าเกิดว่าเธอไม่ช่วยฉันออกไป ฉันจะบอกเธอ!”
เย่เชียนจิ่วขมวดคิ้ว มีแววตาของความดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ “เธอพูดถูก”
“แต่ว่า”
เธอหรี่ตา “ถ้าเธอเสียชีวิตในโรงพยาบาลจิตเวชเนื่องจากความเครียดทางจิตใจมากเกินไป ซูสือเยว่ก็จะไม่รู้แล้วสินะ? ”