เพราะว่าเหน็ดเหนื่อยจากการถูกฉินโม่หานจัดการ พอฟู๋เชียนเชียนไปส่งที่โรงแรมแล้ว ซูสือเยว่นอนลงบนเตียงได้ก็หลับไปเลย
หลับจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น
พอเวลาเจ็ดโมงเช้า ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูจากพนักงานในกองถ่าย “คุณซู ได้เวลาตื่นมาเตรียมตัวไปถ่ายแล้วค่ะ”
ซูสือเยว่หาวนอน แล้วก็ค่อยๆ ออกไปอย่างช้าๆ
กองถ่ายได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ทุกคนที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งของดรงแรม
ตอนที่ซูสือเยว่มาถึงห้องอาหารนั้น ทุกคนก็มากันครบแล้ว
หยางชิงโยวกับเหลียงหยูซินนั่งอยู่ด้วยกัน จี้หนานเฟิงนั่งอยู่ไกลๆ เขากินข้าวไปด้วยมองโทรศัพท์ไปด้วย บนริมฝีปากเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว
ไม่ต้องคิดเลย ซูสือเยว่รู้ทันทีว่า ผู้ชายคนนี้ต้องกำลังแชทคุยกับซิงกวงอยู่อย่างแน่นอน
ดังนั้นเธอก็เลยเลียนแบบท่าทางของจี้หนานเฟิง หามุมมุมหนึ่งแล้วนั่งลง กินข้าวไปด้วย แล้วก็เปิดกล่องแชทคุยกับซิงหยุนและซิงเฉิน
“หม่ามี๊ แด๊ดดี๊ทำอาหารเช้าให้พวกเราด้วย”
เธอพึ่งจะส่งข้อความไป ซิงเฉินก็เริ่มบ่นทันที “กับข้าวที่แด๊ดดี๊ทำไม่อร่อยเลยจริงๆ ”
“แต่ว่าต่อให้มันไม่อร่อย ผมก็กินไปนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เขาเสียหน้า”
“แต่ว่าพี่ไม่ไว้หน้าแด๊ดดีีเลยครับ กินไปแค่คำเดียวแล้วก็ไม่กินแล้ว แถมยังบอกแด๊ดดี้อีกว่า มีแต่หมูเท่านั้นแหละที่จะกินอาหารเช้าที่ไม่อร่อยขนาดนี้”
“เอ้ะ? ไม่ใช่สิ หม่ามี๊ หรือว่าพี่ด่าผม? ”
ซูสือเยว่อารมณ์ดีสุดขีด “ถ้าเกิดว่าเป็นแม่นะ แม่คงทะเลาะกับซิงหยุนไปแล้ว”
หลังจากผ่านไปสองนาที ซิงเฉินก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง “ทะเลาะเสร็จแล้วครับ แต่ว่าผมไม่ชนะ แถมยังถูกพี่สั่งสอนอีก”
“ฮือๆๆ ผมเศร้ามากเลย!”
ไม่รู้ว่าทำไม ดูข้อความร้องทุกข์ของซิงเฉินแล้ว ซูสือเยว่กลับรู้สึกดีใจ
“รอหม่ามี๊กลับไปทำของกินอร่อยๆ ชดเชยให้นะ!”
“ได้ครับ ผมจะรอหม่ามี๊!”
ซูสือเยว่หัวเราะเบาๆ ตอนที่กำลังจะวางโทรศัพท์ ก็มีข้อความจากซิงหยุนส่งมา
“หม่ามี๊โดนหลอกแล้ว”
ข้อความจากเด็กน้อยมีค่าดั่งทองคำราวกับคำพูดของเขา “เขาไม่ได้ถูกตีซะหน่อย”
ซูสือเยว่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้และคลี่ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงหม่ามี๊ก็จะทำของอร่อยให้พวกหนูกินอยู่แล้ว”
“อืม”
ซิงหยุนโตไม่เหมือนเด็กห้าขวบเลย “ถ่ายหนังก็สู้ๆ นะครับ”
“ถ้าเกิดว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ไม่แฮปปี้ก็บอกผมได้ บางทีผมอาจจะช่วยได้”
“ผมบอกจี้ซิงกวงเรียบร้อยแล้ว ว่าช่วงนี้ให้เธอไปรบกวนอาของเธอ ไม่มารบกวนหม่ามี๊”
“ถ้าเกิดว่ามีเรื่องอะไรจำเป็น ซิงเฉินกับผมก็สามารถช่วยจัดการให้ได้”
ซูสือเยว่:“……”
“ไม่จำเป็นหรอก”
เวลาคุยกับซิงหยุน เธอมักรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังคุยกับผู้ใหญ่ “หม่ามี๊ไปทำงานก่อนนะ”
“อืม ผมก็จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน”
“หนูจะไปทำงานเหรอ?”
“อืม ดูแลอสูรน้อยทั้งสองตัวอย่างซิงเฉินกับซิงกวง”
พอพูดจบ เขาก็ส่งสติกเกอร์หน้าจนปัญญามา “จี้ซิงกวงไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกเลยแม้แต่นิดเดียว”
“จึ๊ๆๆ ได้เป็นนางเอก พึ่งจะถ่ายวันแรกก็ดีใจจนเป็นขนาดนี้แล้ว”
ซูสือเยว่กำลังวางโทรศัพท์ลงเหลียงหยูซินที่นั่งอยู่ไกลๆ ก็เริ่มเยาะเย้ยอีกครั้ง “คนชั้นต่ำได้บรรลุตามความฝัน ก็มักดีใจจนเหลิง!”
เพราะว่าขี้เกียจจะไปโต้เพียงกับเธอ ซูสือเยว่ก็เลยหันหน้าไปกินข้าวต่อ กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปสถานที่ถ่ายทำกับจี้หนานเฟิง
ตามแผนการถ่ายทำเดิม วันนี้ตอนเช้าเธอมีแผนการถ่ายฉากจูบกับจี้หนานเฟิงสองฉาก
ซูสือเยว่ดูเวลา คิวที่ถ่ายฉากจูบประมาณ10โมงครึ่ง
แล้วเมื่อวานตอนที่อยู่กับฉินโม่หานนั้น เหมือนกับเธอจะได้ยินไป๋ลั่วพูดว่า วันนี้10โมงเช้ามีการประชุมที่สำคัญ และจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง
เธอนั่งนับนิ้วคำนวณเวลาอยู่บนเก้าอี้
ฉินโม่หานจะเริ่มประชุมตอน10โมง ไม่ว่าเวลาในการประชุมจะถูกบีบแค่ไหน การประชุมชั่วโมงกว่า อย่างมากก็สามารถบีบได้เหลือครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
แต่ว่าระยะทางระหว่างฉินซื่อกรุ๊ปกับกองถ่ายนั้น ก็ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงเต็ม
แล้วก็หมายความว่า ถ้าเกิดว่าฉินโม่หานเข้าประชุมในครั้งนี้ ฉากจูบในวันนี้เขาตามมาไม่ทันอย่างแน่นอน
หรือว่าเธอต้องถ่ายกับจี้หนานเฟิงยังงั้นเหรอ?
ซูสือเยว่ถอนหายใจ ช่างมันเถอะ
ผู้ชายคนนี้ทำงานอย่างหนักเพื่อจะได้มาเล่นฉากจูบแทน ก็เพราะว่าไม่อยากเห็นเธอกับจี้หนานเฟิงจูบกันไม่ใช่เหรอ?
เธอไม่ควรจะแอบถ่ายฉากจูบเพียงเพราะว่าเขามีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องทำรึเปล่า?
พอคิดได้แบบนี้แล้วเธอก็ยืนขึ้น แล้วก็เดินยิ้มตาหยีเข้าไปหาผู้กำกับ “ผู้กำกับคะ ขอเปลี่ยนตารางการถ่ายตอนเช้าหน่อยได้ไหมคะ? ”
“นี่ เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน? ”
เธอพึ่งจะได้พูดออกไปเหลียงหยูซินที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็เสียงดังขึ้นมาทันที “นางเอกนี่พิเศษจังเลยเนอะ พึ่งจะถ่ายวันแรกก็อยากให้ผู้กำกับเปลี่ยนตารางถ่ายที่ได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยมยอดไปเลย!”
ซูสือเยว่กลอกตา
เหลียงหยูซินเนี่ยยุ่งกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่านะ จะจบได้รึยัง?
เธอรู้ว่าความจริงแล้วเหลียงหยูซินถูกปลุกปั่น ดังนั้นก็เลยไม่เคยโกรธเหลียงหยูซินจริงๆ จังๆ เลย
แต่ว่าผู้หญิงคนนี้คอยแต่จะดูถูกเธอทุกเม็ด ช่างน่ารำคาญซะจริงๆ!
หยางชิงโยวด้านข้างนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ “ หยูซิน อย่าพูดแบบนี้สิ”
“สือเยว่อาจจะมีเรื่องลำบากใจอะไรรึเปล่า? ”
“ฉันดูมานิดหน่อยแล้ว วันนี้มีถ่ายฉากจูบสองฉาก คงเพราะว่าเธอยังไม่ได้เตรียมใจจะจูบกับนักแสดงที่จะมารับบทจูบแทนรึเปล่า”
คำพูดของหยางชิงโยวเป็นการเตือนเหลียงหยูซิน
ใช่สิ!
ซูสือเยว่คนนี้พึ่งจะเริ่มถ่ายก็จะเปลี่ยนเวลาแล้ว เกรงว่าน่าจะเป็นเพราะว่าไม่อยากจะจูบกับคนมาจูบแทนที่เขาว่ากันว่าเป็นชายแก่ที่ดูมันเยิ้มและสกปรกสิท่า
พอคิดได้แบบนี้เหลียงหยูซินก็รีบพุ่งเข้าไปหาผู้กำกับทันที “ผู้กำกับคะ ยังจำได้ไหมคะว่ามีโปรดิวเซอร์คนหนึ่งจะมารับบทจูบแทน”
“เช้านี้มีบทจูบสองฉาก เมื่อไหร่คนรับบทแทนคนนั้นจะมาถึงล่ะคะ? ”
“ จะถ่ายไปเลยไม่ได้นะคะ ยังโปรดิวเซอร์ก็เป็นคนกำหนดแล้ว ถ้าเกิดว่าไม่จูบกับเขาเนี่ย โปรดิวเซอร์คนนั้นจะโกรธได้นะคะ”
ซูสือเยว่อยากจะอาศัยเวลาที่คนมาแสดงแทนไม่อยู่ แล้วแอบจูบกับเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงจี้ใช่ไหมล่ะ?
เธอจะให้ซูสือเยว่จูบกับนักแสดงแทนคนนั้นให้ได้!
ผู้กำกับเฉิงขมวดคิ้วแล้วมองซูสือเยว่ “ที่เธออยากเปลี่ยน ก็คือเวลาของบทจูบนี้ใช่ไหม? ”
ซูสือเยว่พยักหน้า“ใช่ค่ะ”
“เหอะ”
ผู้กำกับเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ต้องเปลี่ยนเวลาจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่า ซูสือเยว่ เธออย่าคิดจะสร้างเรื่องอะไรเลยนะ”
“ฉากอื่นๆ ในวันนี้จะถ่ายทำตามปกติ ส่วนเรื่องฉากจูบ ……พอนักแสดงแทนบอกว่ามาถึงเมื่อไหร่ค่อยเริ่มถ่าย ถ้ายังไม่ถึงก็ต้องรอเขามาถึงก่อนค่อยถ่าย!”
สิ่งที่ซูสือเยว่รออยู่ก็คือประโยคนี้เนี่ยแหละ!
“ได้ค่ะผู้กำกับ!”
พอพูดจบ ซูสือเยว่ก็เดินออกไปทันที
เหลียงหยูซินกับหยางชิงโยว ที่อยู่ด้านข้างก็มองหน้ากัน
ปฏิกิริยาของซูสือเยว่นี้ดูแปลกประหลาดนะ ……
ทำไมเหมือนกับว่าเธอกำลังรอจูบกับนักแสดงแทนอยู่ยังงั้นเลย……
พอคลี่คลายเรื่องปัญหาฉากจูบได้แล้ว ซูสือเยว่ก็ตั้งใจท่องบท ตั้งใจถ่าย
ไม่นาน ก็ถึงเวลา10โมงครึ่ง ถึงเวลาถ่ายฉากจูบฉากแรกของเธอกับจี้หนานเฟิงแล้ว
และฉินโม่หานที่จะทำหน้าที่นักแสดงแทนก็ยังมาไม่ถึง
ผู้กำกับมองเวลา “รออีก5นาที ถ้าเกิดว่านักแสดงแทนยังมาไม่ถึง พวกเราก็……”
เขายังไม่ทันจะพูดจบ รถมาเซราติสีดำคันหนึ่งก็จอดลงที่หน้าประตูกองถ่าย
ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มผู้ดูสูงส่งและหยิ่งยโสก็ก้าวเดินลงมา
“ว้าว!”
เหลียงหยูซินที่อยู่ไกลก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “นี่ใครกัน?”
เธออยู่ในวงการบันเทิงมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่สามารถสู้กับจี้หนานเฟิงได้เลย
แต่ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ ……ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ภายนอกหรือว่าออร่าของเขา แม้แต่ท่าทางการเดินที่รวดเร็วของเขา……สามารถตีเสมอจี้หนานเฟิงได้เลย!
ไม่ บางทีอาจจะดีกว่าหน่อยด้วยซ้ำ
ผู้ชายคนนี้ ……คือใครกัน?
“สวัสดีครับผู้กำกับ”
ชายหนุ่มผู้สวมใส่ชุดคลุมสีดำเดินเข้าไปหาผู้กำกับ แล้วก็ยื่นมือไปหาเขาอย่างเรียบง่าย “ผมคือคนที่จะมาแสดงฉากจูบกับซูสือเยว่แทนครับ”
เหลียงหยูซินหายใจเข้า แล้วน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปด้วยความตกใจ “เขาคือคนที่จะมาจูบแทนเหรอ?!”