ซูสือเยว่ยกมือขึ้นมาวางที่ตำแหน่งหัวใจของตนเอง
เธอมั่นใจว่า ตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในหัวใจของตนเอง ถูกฉินโม่หานครอบครองไปทั้งหมดแล้ว
แต่…หัวใจของฉินโม่หาน?
เธอรู้จักกับเขาใช้เวลาน้อยมาก เขาก็มีปูมหลังของตัวเขาเอง
แม้ว่าตอนนี้ฉินโม่หานจะชอบเธอก็ตาม ซูสือเยว่ก็ไม่อาจตัดสินได้ว่า ในหัวใจของเขา ตนเองนั้นอยู่ในตำแหน่งใดกัน
ความรู้สึกเช่นนี้มันทำให้เธอทั้งโกรธ ทั้งเศร้าโศก ทั้งไม่สบายใจพร้อมกัน
หญิงสาวกำรีโมทเอาไว้ ดวงตาก็จับจ้องภาพที่อยู่ในโทรทัศน์ และอยู่อย่างนั้นอยู่นาน
“ซูสือเยว่ นี่แกชอบดูข่าวประเภทนี้เหรอ?”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานสักเท่าไหร่แล้ว ข้างหูก็มีเสียงหยอกล้อของเหลียงหยูซินดังข้างหู
หญิงสาวดึงสติกลับมาได้ เมื่อมองให้ชัดเจนแล้ว ในโทรทัศน์กำลังเสนอข่าว ประธานาธิบดีของประเทศใดประเทศหนึ่งกำลังพูดขอบคุณจากการเข้ารับตำแหน่ง
“ไม่คิดเลยว่าซูสือเยว่จะใส่ใจเรื่องนี้ด้วย”
เหล่านักแสดงที่อยู่ด้านข้างทั้งพูดล้อเล่น และนั่งลงบนโซฟา
จี้หนานเฟิงไม่ได้เรียกแค่เหลียงหยูซินมาด้วย ยังจะเรียกนักแสดงคนอื่นมาด้วยอีกเยอะแยะ
เกือบทุกคนในกองถ่ายต่างก็อยู่ที่นี่
แน่นอนว่า นอกจากหยางชิงโยว
การเป็นเจ้ามือนั้น จี้หนานเฟิงมือหนึ่งก็กดสั่งอาหารในโทรศัพท์ อีกทั้งหัวเราะไปด้วย “ตอนแรกคิดว่าจะกินเองคนเดียว แต่รู้สึกว่ากินคนเดียวไม่สนุก ก็เลยเรียกทุกคนมา”
“ของที่อยู่บนโต๊ะต้องไม่พอแน่ๆ ทุกคนกินกันตามสบายก่อน ผมกำลังสั่งอาหาร คืนนี้ผมเลี้ยงทุกคนเอง!”
เมื่อสิ้นเสียงเขา ในห้องก็มีเสียงครื้นเครงดังออกมาเป็นระลอก
ในฐานะที่เป็นตำแหน่งใหญ่ที่สุดในกองถ่าย และฐานะสูงส่ง ห้องพักในโรงแรมของจี้หนานเฟิงเป็นที่หรูหราที่สุดในโรงแรมแล้ว
คนหนึ่งกลุ่มอยู่ในห้องยังไม่รู้สึกอึดอัดเลย
บางคนก็กินขนมไปคุยกันไป บางคนก็กำลังเสนอให้เล่นไพ่
เพราะว่าข่าวก่อนหน้านี้ ทำให้ซูสือเยว่ไม่มีความสนใจไม่ว่าจะเล่นไพ่หรือว่าพูดคุยใดๆ เธอนั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ สายตาจับจ้องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
ในโทรศัพท์นั้น เป็นแชทของเธอกับฉินโม่หานที่คุยกันอยู่
ระยะห่างที่เธอส่งข้อความให้กับเขา มันสิบนาทีเข้าไปแล้ว
เขาก็ไม่ตอบกลับเธอมาเลย
…กำลังทำงานอยู่เหรอ?
หรือว่าอยู่กับเย่เชียนจิ่วและหยางชิงโยวเลยไม่สะดวกตอบกลับ?
หรือว่า…
ซูสือเยว่ไม่กล้าจะคิดต่อ
“ชิชะ เป็นผัวเมียกันแล้ว ทำไมทำตัวเหมือนคู่รักสมัยเรียนไปได้ เอาแต่จ้องโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา?”
เหลียงหยูซินถือถุงเมล็ดทานตะวันมา จากนั้นก็นั่งลงด้านข้างของซูสือเยว่และแทะไปด้วย “กินไหม?”
หญิงสาวตะลึงไปสักพัก จากนั้นก็กำเมล็ดทานตะวันมาหนึ่งกำมือ และก็ก้มหน้าก้มตาแทะทันที
“ก่อนหน้านี้โคตรรังเกียจแกเลย”
เหลียงหยูซินแทะเมล็ดแตงกวาและก็ถอนหายใจไปด้วย “ฉันคิดว่าคนอย่างแก นอกจากทำตัวให้เป็นข่าวแล้วก็มีอะไรดีเลย”
“แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้วแหละ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วมองเธอ “เพราะว่าเรื่องของหยางชิงโยวเหรอ?”
“ไม่ได้เหมารวมทั้งหมด”
เหลียงหยูซินยักไหล่ “เมื่อตอนบ่ายฉันไปคุยกับผู้กำกับเฉิงมาสักพัก เขาพูดว่าแกไม่รู้จักกอบโกย”
“ขนาดโอกาสมารออยู่ตรงหน้ายังจะไม่คว้าเอาไว้”
ซูสือเยว่ผงะทันที แต่เมื่อเข้าใจแล้ว สิ่งที่ผู้กำกับเฉิงพูดถึงว่าไม่รู้จักกอบโกย น่าจะหมายถึงการที่เธอไม่ยอมเพิ่มบทจูบแหละ?
เธอก้มหน้าก้มตา “สามีของฉันเขาไม่ใช่นักแสดง เขาเลยแสดงจูบแทนก็เหมือนกับที่เขาประกาศในงานแถลงงาน เพราะว่าไม่อยากให้ฉันไปจูบกับผู้ชายคนอื่น”
“การจงใจที่จะเพิ่มบทจูบ มันทำให้เกิดปัญหาสำหรับเขา”
ฉินโม่หานมีเรื่องที่ตัวเขาต้องทำ เขาไม่ควรเสียเวลาไปเพราะว่าเรื่องของเธอในกองถ่าย และก็ไม่ควรทำให้คนอื่นให้ความร่วมมือกับคนอื่นเพื่อแค่ความบันเทิงสนุกสนาน เพราะว่าการมีภรรยาเป็นนักแสดง
“ดังนั้นเลย”
เหลียงหยูซินยักไล่ “แต่ฉันรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจแกผิด”
“อีกอย่างเมื่อฉันมาคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก่อนหน้านี้ความทรงจำที่ทำให้ฉันเข้าใจแกผิด ทุกอย่างมันมาจากหยางชิงโยวคอยเติมเชื้อไฟแต่งเรื่องแล้วมาพูดให้ฉันฟังทั้งนั้น”
“ตั้งแต่แรก เธอก็อยากใช้ฉันให้เป็นหมากเพื่อจะได้เป็นอริกับแก”
พูดไป เหลียงหยูซินก็โมโหกระฟัดกระเฟียดออกมา “ชีวิตฉันคือเกลียดการใช้ประโยชน์จากฉันที่สุด!”
“หยางชิงโยวผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจขนาดนี้ สมน้ำหน้าที่ไม่ดังขึ้นมาสักที!”
เมื่อเห็นท่าทางของเหลียงหยูซินอารมณ์พุ่งปรี๊ด ซูสือเยว่ได้แต่หัวเราะอย่างเบื่อหน่าย
เพราะว่าเธอมีนิสัยหุนหันพลันแล่นแบบนี้ ถึงถูกหยางชิงโยวใช้เป็นเครื่องมือแหละมั้ง?
แต่ว่า ด้วยนิสัยกล้าได้กล้าเสียที่กล้าที่จะรักจะเกลียดแบ่งแยกอย่างชัดเจน เป็นนิสัยที่ทำให้คนชื่นชอบมาก
“ฉันรู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่”
เมื่อเห็นแววตาของซูสือเยว่ เหลียงหยูซินเบะปากทันที “แกต้องสงสัยแน่ๆ ก่อนหน้านี้ทำไมฉันถึงได้เชื่อมั่นหยางชิงโยวขนาดนั้น”
“ตอนที่เพิ่งเข้ามาในวงการบันเทิง ฉันกับหยางชิงโยวมาจากบริษัทเดียวกัน เพราะว่าแม่ของนางเป็นจิตแพทย์ นางเลยมีความสามารถในการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาและช่วยเหลือต่างๆได้ ฉันก็เลยเป็นเพื่อนกับนาง…’
“ความจริงแล้วตอนเป็นเพื่อนกับนางนั้น ฉันก็ได้ยินเรื่องเล่าต่อๆ กันมาของแม่ของนางเล็กน้อย แค่ว่าฉันคิดว่าแม่ของนางก็คือแม่ของนางไปสิ ส่วนตัวนางก็คือตัวนาง…แต่ที่ไหนได้ นางก็เหมือนกับแม่ของนางเลวทรามต่ำช้า!”
ซูสือเยว่ทั้งฟังคำพูดของเธอ ทั้งใช้หางตาจับจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นก็มีข้อสงสัยที่เหมือนอยากจะรู้ “แม่ของหยางชิงโยวทำอะไรเหรอ?”
“นี่แกไม่รู้เหรอ?”
เหลียงหยูซินเม้มริมฝีปากเอาไว้ พลางใช้เสียงทุ้มต่ำกรอกพูดข้างหูของซูสือเยว่ “แม่ของหยางชิงโยวก่อนหน้านี้เป็นคณบดีของโรงพยาบาลจิตเวชของเมือง เพราะว่ามีบันทึกว่าเคยจับคนปกติทำเป็นคนบ้า จนถูกฟ้องและติดคุก”
“ตอนนี้คณบดีของโรงพยาบาลจิตเวชคือญาติผู้พี่ที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของหยางชิงโยว และก็เหมือนกับฉันนี่แหละ แซ่เหลียงเหมือนกัน”
“ได้ข่าวว่าก็ไม่ได้สะอาดหมดจดอะไรหรอก หลายปีก่อนยังเอาเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะคลอดลูกจับเข้าเป็นคนป่วยในโรงพยาบาลจิตเวชซะนี่”
“แต่ว่าหลังจากนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ได้แจ้งความคณบดีแซ่เหลียงคนนั้น”
“ไม่งั้นนะ หยางชิงโยวจะเอาเงินที่ไหนเข้ามาในวงการบันเทิงล่ะ?”
“หน้าตาและเทคนิคการแสดง จนถึงขั้นเข้าสู่วงการบันเทิงถ่ายหนังถ่ายละครได้ ทุกอย่างก็เป็นเพราะว่าอาศัยความช่วยเหลือจากพี่สาวแซ่เหลียงคนนั้นของนางทั้งนั้น”
เมื่อพูดจบ เหลียงหยูซินถอนหายใจ “ตอนนั้นฉันมันช่างใสซื่อเกินไปจริงๆ”
“คนที่คอยปกป้องหยางชิงโยวคนคนนี้ ตัวเธอเองจะสะอาดได้แค่ไหนกันเชียว?”
“น่าเสียดายที่ฉันคิดว่านางเป็นเพื่อน แต่นางคิดแค่ว่าฉันเป็นหมากตัวหนึ่งก็เท่านั้นเอง!”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากเอาไว้ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้จึงเงยหน้าขึ้น “แกพูดว่า พี่สาวของหยางชิงโยว เคยเอาผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูก…ทำเหมือนว่าเธอเป็นคนบ้าแล้วจับตัวไปเหรอ?”
น้ำเสียงของเธอเริ่มดังเล็กน้อย
คนที่กำลังนั่งเล่นไพ่อยู่ถึงกลับหยุดทันที พร้อมทั้งจ้องมองมาทางพวกเธอมาด้วยความสงสัย
จี้หนานเฟิงที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่ข้างๆ พลันขมวดคิ้วหน้านิ่ว “ด้านหลังพวกคุณมีระเบียงอยู่นะ”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้ตั้งสติกับความหมายของเขา ตัวเธอก็ถูกเหลียงหยูซินลากตัวออกไปที่ระเบียงแล้ว
เสียงดัง “ปึง” ประตูระเบียบปิดลงทันที ซูสือเยว่กับเหลียงหยูซินกับคนที่อยู่ด้านในตัดขาดกันราวกับอยู่คนละโลก
“ทำไมแกต้องตกใจขนาดนั้นด้วย?”
เหลียงหยูซินกระซิบเสียงต่ำ “เรื่องนี้แค่เขาเล่ากันมา แกเสียงดังขนาดนี้ถูกคนอื่นได้ยินเข้า ไม่ช้าเร็วก็ต้องเข้าหูหยางชิงโยว”
“ถึงตอนนั้นนางก็ต้องหาวิธีมากจัดการกับแกแน่!”
ซูสือเยว่เม้มปาก และเงยหน้าจ้องมองเหลียงหยูซินอย่างจริงจัง “แกได้ยินมาจากไหน?”
“ช่วย…ช่วยถามเรื่องระยะเวลาหน่อยได้ไหม?”
ถ้าเป็นเมื่อห้าปีก่อน…
ผู้หญิงที่เล่าลือกันมา น่าจะเป็นตัวเธอนี่แหละ!