วินาทีต่อมา ซูสือเยว่ถูกคนดึงเข้าไปในอ้อมกอดอันแสนคุ้นเคย
อ้อมกอดของชายหนุ่มอบอุ่นที่สุดแล้ว เธอพาดอยู่ในอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็ยิ้มด้วยอาการมึนเมา “อยู่ในความฝันมันดีจริงๆ เลย”
เธอต้องฝันอยู่แน่ๆ เลย?
ถ้าไม่ใช่ความฝัน แล้วทำไมฉินโม่หานจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอได้ และจะกอดเธอได้ยังไง?
เพราะตอนนี้เขาน่าจะกำลังยุ่งอยู่กับงานของเขา
น่าจะกำลังคิดถึงเฉินเชี่ยนของเขาอยู่
ไม่มีทาง…ไม่มีทางที่จะมาหาผู้หญิงที่ไม่สำคัญคนนี้ได้
ชายหนุ่มที่กอดเธออยู่นั้นถอนหายใจเบาๆ
ฉินโม่หานเงยหน้าขึ้น พลันเหลือบมองชายหนุ่มหญิงสาวทุกคนที่อยู่ในห้อง “ทุกท่าน ภรรยาของผมเมาแล้ว”
“ผมขอตัวพาเธอกลับก่อน”
พูดจบ เขาก็อุ้มซูสือเยว่ทันที และเมื่อจะลุกขึ้น ก็ถูกมือข้างหนึ่งขวางทางเอาไว้
จี้หนานเฟิงนั่นเอง
เขายืนพิงกับบนประตู มุมปากเผยรอยยิ้มอันแสนบางๆ และเย็นชาออกมา “คุณฉิน จะพาคนไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?”
“ยังไงล่ะ?”
ฉินโม่หานเอาตัวของซูสือเยว่ปกป้องอยู่ในอ้อมกอดของเขา แววตาอันเย็นเฉียบกวาดตามองใบหน้าของจี้หนานเฟิง “ผมอุ้มภรรยาของผมกลับบ้าน เหมือนว่าไม่จำเป็นต้องให้คุณจี้เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนะ?”
“ถ้าคุณกับซูสือเยว่ไม่ได้ทะเลาะกัน ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผมหรอก”
จี้หนานเฟิงถือแก้วไวน์ในมือ จากนั้นก็จิบไวน์ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มอันแสนเย็นชาเล็กน้อย “ในสายตาของผม ความสัมพันธ์ของคุณสองคนไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
“ตอนนี้ซูสือเยว่ก็เมาหนักมาก ถ้าผมอนุญาตให้คุณพาตัวเธอกลับไป ผมกลัวว่าตอนที่เธอได้สติแล้วตื่นขึ้นมาแล้ว จะมาอารมณ์เสียใส่ผมเอา”
เขาจงใจจะเอาความสัมพันธ์อันแสนสนิทสนมระหว่างเขากับซูสือเยว่พูดออกไป
ความจริงแล้วซูสือเยว่ไม่เคยพูดมาก่อนเลยว่าทะเลาะกับฉินโม่หานมา และก็ไม่เคยมาอารมณ์ใส่เขาเลย
ฉินโม่หานกระตุกมุมปาก “หืม?”
“ทำไมผมไม่รู้เลยว่า ผมกับภรรยาทะเลาะกันอยู่?”
ในห้อง บรรยากาศของชายหนุ่มสูงใหญ่ทั้งสองคนมันอัดแน่นมาก
ท่วงท่าที่ทั้งสองคนจ้องตากันอยู่ ทำให้บรรยากาศทั้งห้องพลันลดฮวบลงทันทีอย่างไม่รู้ตัว
เหลียงหยูซินเม้มริมฝีปากเอาไว้ พร้อมทั้งออกมาเป็นทูตสันถวไมตรีทันที “เอ่อคือ…”
“เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงจี้ ซูสือเยว่กับท่านชายฉินทะเลาะกันเหรอ”
“เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเธอยังคุยโทรศัพท์กับท่านฉินอยู่ที่ระเบียงไม่ใช่เหรอ?”
“ดูจากสภาพแล้วก็ไม่เหมือนว่าทะเลาะกันอยู่นี่…”
จี้หนานเฟิงกระตุกมุมปาก “ถ้าไม่ได้ทะเลาะกัน แล้วทำไมตอนที่ซูสือเยว่กลับมาจากระเบียง ข้าวยังไม่แตะสักคำ ก็จัดการกระดกเหล้าทันที”
“ทั้งๆ ที่ดื่มไม่เก่ง แต่หลังจากที่โทรศัพท์หาฉินโม่หานแล้ว ก็กระดกเหล้าเข้าปากอย่างบ้าคลั่งเลย นี่ไม่ได้หมายความว่ามีปัญหาอยู่เหรอ?”
เหลียงหยูซินตะลึงเล็กน้อย
ราวกับว่า..มันก็มีหลักการอยู่มาก
เธอมองจี้หนานเฟิง และหันไปมองฉินโม่หาน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
กระทั่งซูสือเยว่เมาแอ๋ บรรยากาศในห้องก็กดดัน จนทำให้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
หญิงสาวเผยอปากออกมา จากนั้นก็แกะมือของฉินโม่หานที่อยู่บนตัวเธอออก “ฉันอยากดื่มเหล้า–”
เหลียงหยูซินขมวดคิ้ว จากนั้นก็รีบประคองเธอเอาไว้
เหล่านักแสดงที่อยู่รอบๆ ต่างกระซิบกระซาบกันแล้ว
“เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงจี้มีสิทธิ์อะไรที่ไม่ให้สามีเขาพาตัวเธอกลับไป ถึงแม้จะทะเลาะกัน สือเยว่กับท่านชายฉินก็เป็นสามีภรรยากัน มันมีอะไรที่สำคัญกว่าสามีภรรยากันเหรอ?”
“แต่ว่าท่าทีของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงจี้ก็สามารถเข้าใจได้ ถ้าเพื่อนของแกกับสามีเขาทะเลาะกันอยู่ แกจะให้สามีของเธอเอาเธอตอนที่กำลังเมาแอ๋อยู่ออกไปหรือเปล่า?”
……
การถกเถียงกันของผู้คนโดยรอบเริ่มลุกฮือขึ้นมา
เหลียงหยูซินขมวดคิ้ว หัวสมองพลันปรากฏภาพขึ้น
“เอ่อคือ… หรือว่าซูสือเยว่หายเมาแล้ว ก็สามารถให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเองได้แล้ว?”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบทันที
ฉินโม่หานพลันแสยะยิ้มเรียบเฉย “ก็ได้”
พูดจบ แววตาความเย็นชาของเขาก็มองไปที่ไป๋ลั่วที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู “เตรียมซุปแก้เมากับยาแก้เมาเหล้ามา”
ไป๋ลั่วโค้งคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากที่เขาไปแล้ว ชายหนุ่มก็เงยหน้าจ้องมองจี้หนานเฟิงอย่างเรียบเฉย “คุณจี้”
“ถ้าสือเยว่หายเมาแล้ว และพูดออกมาอย่างแน่ชัดว่าไม่ทะเลาะกัน คุณจะขอโทษกับพฤติกรรมที่คุณเข้ามาขัดขวางไว้ใช่หรือไม่?”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้วแน่น แต่ไม่ได้ตอบ
“ฉันไม่อยากหายเมา!”
ตอนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังปะทะฝีปากกันอยู่นั้น ซูสือเยว่ก็สะบัดตัวออกจากการประคองของเหลียงหยูซินที่คอยประคองเธออยู่ และก็นั่งลงบนโซฟาทันที “ดื่มเหล้ากัน…”
ตอนที่พูดออกมา เธอก็มองฉินโม่หานด้วยอาการเหล้า “ท่านชายฉิน มาดื่มเหล้ามาเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ!”
จากนั้น เธอก็มองไปที่จี้หนานเฟิง “คุณก็มาด้วยสิ!”
“พวกเรา…ไม่เมาไม่กลับบ้าน!”
เหลียงหยูซินได้แต่ขมวดคิ้วให้อย่างเบื่อหน่าย “ซูสือเยว่ แกเมาแล้ว! อย่าก่อเรื่องเลย!”
ให้ชายหนุ่มอันแสนโก้หรูทั้งสองคนมานั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนกับเธอ คำพูดนี้ให้เธอเมาก็ยังพูดออกมาไม่ได้เลย!
“ได้สิ”
จี้หนานเฟิงกระตุกยิ้ม จากนั้นก็นั่งลงข้างซูสือเยว่
ฉินโม่หานขมวดคิ้วแน่น และก็นั่งลงอีกฝั่งข้างเธอเช่นกัน
“พวกเรา…มาเล่นวงล้อความจริงกันนะ!”
ซูสือเยว่เรอกลิ่นเหล้าออกมา พร้อมทั้งเทเหล้าให้ผู้ชายทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้าง แถมยังพูดด้วยอาการเมาแอ๋ “ดื่มสิ!”
จี้หนานเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นก็หยิบแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา และกระดกหมดแล้ว
ฉินโม่หานแสยะยิ้มให้ และก็หยิบแก้วเหล้ากระดกเข้าปาก
ผู้ชายทั้งสองคน อีกคนหนึ่งก็แสนจะเย่อหยิ่งหรูหราเย็นชา ส่วนอีกคนก็สง่างามผ่าเผยยิ่งนัก
ทั้งสองคนนั้งประกอบซ้ายขวาของซูสือเยว่ จากนั้นก็กระดกเหล้าเข้าปากกันคนละแก้วไม่หยุด จนทำให้คนที่อยู่รอบๆ ต่างนิ่งเอ๋อไปตามๆ กัน
เหลียงหยูซินรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแอบบันทึกวิดีโอภาพนี้เอาไว้ทันที
ตอนที่เธอกำลังจะถ่ายเสร็จไปหนึ่งตอนนั้น และเตรียมถ่ายในตอนถัดไป โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเธอก็ดังขึ้น
นี่เป็นโทรศัพท์ของซูสือเยว่ ตอนที่เธอประคองซูสือเยว่มันก็หล่นลงพื้น เธอเลยหยิบมาใส่กระเป๋าเสื้อของเธอเอาไว้ก่อน
ตอนแรกก็อยากจะคืนให้เธอตอนพาเธอกลับห้อง แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะดังออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเธอแทน
เหลียงหยูซินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
ฟู๋เชียนเชียนเป็นคนโทรศัพท์เข้ามาหา
“ซูสือเยว่ล่ะ?”
เมื่อได้ยินเสียงของเหลียงหยูซินฟู๋เชียนเชียนก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันที “แล้วคุณเป็นใคร?”
เหลียงหยูซินเหลือบมองซูสือเยว่ที่กำลังมองชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งดื่มเหล้าอยู่บนโซฟา จึงถือโทรศัพท์และเดินออกไปที่ระเบียงทันที
เธอพูดเน้นๆ กับฟู๋เชียนเชียนเพื่อให้เข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ แถมถึงขั้นยังส่งวิดีโอสั้นๆ ของฉินโม่หานกับจี้หนานเฟิงกำลังแข่งกันดื่มเหล้าด้วย
ฟู๋เชียนเชียน “…”
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
สามสิบนาทีผ่านไป
ซุปแก้อาหารเมาเหล้าของไป๋ลั่วก็มาถึงแล้ว ฟู๋เชียนเชียนที่บึ่งมาอย่างกับพายุฝุ่นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็มาถึงเช่นกัน
ชายหนุ่มทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาต่างก็ดื่มไวน์กันไปเกินสองขวดแล้ว
สิ่งที่ทำให้คนผิดคาดคือ ความดื่มเหล้าเก่งของทั้งสองคนดีมาก
คนทั่วไปเมื่อเหล้าตกถึงท้องไปหนึ่งขวดแล้วก็จะไม่รู้หน้ารู้หลังแล้ว แต่สองท่านนั้นไม่มีอาการเมาสักนิด แถมยังดวลดื่มเหล้ากันต่อ
ฟู๋ชียนเชียนเหลือบตามองเห็นซูสือเยว่ที่นั่งอยู่บนโซฟาและคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้า เลยรีบจ้ำเท้าเข้าไปทันที “สือเยว่ ฉันจะส่งแกกลับห้อง”
ซูสือเยว่เบะปาก และแกะแขนของฟู๋เชียนเชียนออกทันที “ฉันไม่เอา!”
“ฉันจะ…ฉันจะดื่มเหล้าต่อ!”
พูดไป เธอก็หยิบขวดเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา และทำท่าจะกระดกเหล้าเข้าปากตนเอง
ฉินโม่หานมือไวตาไวพลันดึงขวดเหล้าขวดนั้นกลับทันที
จี้หนานเฟิงก็ซ่อนเหล้าขวดอื่นที่อยู่บนโต๊ะ เพราะว่ากลับว่าเธอจะแย่งกลับไป
“อย่าดื่มเลย”
ฟู๋เชียนเชียนเม้มปาก “ทำไมถึงเมาได้ขนาดนี้เนี่ย?”
ซูสือเยว่หัวเราะเอิ้กอ้าก “ฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันก็เลยอยากดื่ม!”
เมื่อถอนหายใจแล้ว ฟู๋เชียนเชียนก็จับมือของซูสือเยว่ไว้ “ทำไมอารมณ์ไม่ดีล่ะ?”
น้ำเสียงและความอบอุ่นของเพื่อนสนิทอันแสนคุ้นเคย ทำให้สมองเบลอจากอาการเมาเหล้าของซูสือเยว่ได้สติเล็กน้อย
เธอเงยหน้าขึ้น และจ้องมองใบหน้าของฟู๋เชียนเชียน จากนั้นน้ำเสียงแห่งความน้อยอกน้อยใจจนเกือบจะสะอึกสะอื้นออกมา “ฉันอารมณ์ไม่ดี”
“ฉินโม่หานเขาไม่ชอบฉัน”
วินาทีนั้น สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ตัวของฉินโม่หาน
ฉินโม่หาน “…”
นี่อาการชอบของเขา ยังเห็นไม่ชัดเจนอีกเหรอเนี่ย?