บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเป็นเคอะเขินขึ้นมาเล็กน้อย
ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้ว เหลือบมองไปยังฉินโม่หานอย่างเย็นยะเยือก พลันกุมมือของซูสือเยว่เอาไว้ “แกบอกว่าเขาไม่ชอบแกไม่ใช่เหรอ”
“ใช่!”
ซูสือเยว่ที่ดื่มจนเมาแอ๋ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกมาหมด “เขาไม่ชอบฉัน”
“ในใจของเขา ฉันไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!”
ฉินโม่หานหรี่ตามอง ไม่พูดอะไร
เสียงกระซิบกระซาบของบรรดานักแสดงดังขึ้นโดยรอบ
“เมื่อวานท่านชายฉินเพิ่งจะประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่หรือ”
“ไม่ใช่บอกว่าเพราะไม่อยากเห็นซูสือเยว่ไปจูบกับผู้ชายอื่น จึงไปแสดงบทจูบแทนเหรอ”
“ใช่แล้ว การสารภาพรักนั้นเรียกว่าทำฉันอิจฉาตาร้อนแทบตาย ฉันคิดว่าซูสือเยว่จะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดในโลกซะอีก ตอนนี้ทำไม….”
“โอ๊ย เรื่องบุญคุณความแค้นรักแรงเกลียดแรงของคนรวยเขา คนธรรมดาทั่วไปอย่างพวกเราจะไปเข้าใจได้ยังไงกัน เนี่ยที่เขาบอกว่าผลตอบแทนยิ่งมากความเสี่ยงก็ยิ่งสูง….”
“คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าผู้ชายที่มีสถานะแบบนี้อย่างท่านชายฉิน จะกลับชอบบุคลิกผู้ชายที่มีความรักลึกซึ้งประเภทนี้”
……
เสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ ทำให้คิ้วของฟู๋เชียนเชียนหน้านิ่วคิ้วขมวดมากยิ่งขึ้น
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โอบไหล่ของซูสือเยว่ไว้ “สือเยว่ ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว แกก็พูดมาให้หมดเลย ว่าตกลงฉินโม่หานเขาคิดยังไงกับแกกันแน่”
“ถ้าเขาไม่ชอบแกจริง ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์ของเขา”
เมื่อวันก่อนยังพูดต่อหน้าคนทุกคนว่าเขาชอบซูสือเยว่มากแค่ไหน วันต่อมาก็ทำให้ซูสือเยว่ได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจจนต้องมาดื่มเหล้าด้วยความกลุ้มใจ!
เรื่องแบบนี้ เพื่อนสนิทไม่ช่วยออกหน้าแทนเธอ แล้วจะให้ใครออกหน้าแทนเธอหรือ
เมื่อฟู๋เชียนเชียนพูดประโยคนี้ออกไป ทั้งห้องรับรองก็เงียบลงทันที
ทุกคนแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเงี่ยหูฟังขึ้นมา กลัวว่าจะพลาดไปสักคำ เพื่อจะฟังคำซุบซิบนินทาให้น้อยลง
ซูสือเยว่เบะปากอย่างน้อยอกน้อยใจ “เขาดีต่อฉันมากนะ’
“ฉันเติบโตมาขนาดนี้ เขาเป็นผู้ชายที่ดีกับฉันมากที่สุด ดีกว่าพ่อแท้ๆ และพ่อเลี้ยงฉันเสียอีก”
“แต่ว่า…”
หญิงสาวเศร้าหมอง “ในใจของเขา ฉันไม่ได้เป็นคนที่สำคัญที่สุดคนนั้น”
“เชียนเชียน….”
หญิงสาวที่ดื่มจนเมาไม่ได้สัมผัสถึงสายตาและสภาพแวดล้อมรอบตัว
เธอคิดว่าตนเองอยู่ในบ้านของฟู๋เชียนเชียน และนั่งอยู่บนโซฟาของฟู๋เชียนเชียน
ดังนั้นเธอจึงผ่อนคลาย ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมาต่อฟู๋เชียนเชียน
“ฉันก็รู้นะ ว่าฉันมาปรากฏในชีวิตของเขาช้ากว่าของคนอื่น ผู้หญิงคนนั้นแม้แต่ชีวิต ยังยอมสละเพื่อเขาได้เลย”
“ในใจเขาเธอสำคัญที่สุด ฉันก็เข้าใจได้”
“เขาให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาเป็นผู้ชายที่ดี”
“แต่ฉันก็ไม่สบายใจนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากจะเป็นคนเดียวในหัวใจของสามีตนเองหรอก”
“ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัว….แต่ฉันก็ควบคุมไม่ได้……”
หญิงสาวซบลงบนบ่าของฟู๋เชียนเชียน น้ำตาซึมเปียกเสื้อผ้าของฟู๋เชียนเชียน “ทำไมคนที่รู้จักเขาเมื่อห้าปีก่อนไม่ใช่ฉัน”
“ทำไมเมื่อห้าปีก่อนฉันถึงไม่ได้พบกับเขา”
เสียงสะอึกสะอื้นของเธอทำให้แววตาของฉินโม่หานลึกล้ำขึ้นมา
เขาลุกขึ้นเดินมา รับร่างหญิงสาวที่ซบลงบนบ่าของฟู๋เชียนเชียนเบาๆ
“ทำไมฉันถึงเป็นคนนั้นที่มาเจอเขาทีหลัง…..”
“ตอนแรกฉันไม่ควรชอบเซี่ยงหวั่นฉิงเพียงเพราะเฉิงเซวียนเคยช่วยฉันเอาไว้ ไม่ควรเป็นเพื่อนกับเซี่ยงหวั่นฉิง หนำซ้ำยิ่งไม่ควรจะตอบตกลงทำเรื่องนั้นให้พวกเขา…
เธอสะอึกสะอื้นและพาดตัวบนไหล่ของฉินโม่หาน “ถ้าฉันไม่รับปากซูโม่ก็ดี….ฉันก็ไม่ต้องรู้จักฉินโม่หาน ตอนนี้ก็ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานขนาดนี้”
ชายหนุ่มที่กอดเธออยู่ค่อยๆ กระชับแขนแน่นขึ้น
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าในใจเธอ คิดเช่นนี้
ที่ผ่านมา เขาคิดมาตลอดว่า ความรู้สึกไม่ใช่แค่คำพูดไม่กี่คำก็สามารถตัดสินได้ว่าลึกซึ้งหรือฉาบฉวย
เขาคิดว่า ขอแค่เขาดีต่อเธอ เธอก็จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกในใจของเขา
แต่แท้จริงแล้ว เขายิ่งดีต่อเธอเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
ภาพตรงหน้านี้มันช่างทิ่มแทงตามากเกินไปจริงๆ
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้ว หมุนตัวเดินออกมาจากห้องด้วยความรำคาญเล็กน้อย
เหลียงหยูซินกลอกตา รีบเดินตามออกไป
เมื่อก่อน ขอแค่จี้หนานเฟิงปรากฏตัว ฟู๋เชียนเชียนก็จะไม่ละสายตาไปจากเขา
แต่ตอนนี้ ขนาดจี้หนานเฟิงเดินไปแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัว
หญิงสาวกัดริมฝีปาก สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของฉินโม่หาน
ผู้ชายคนนี้….คล้ายกับว่าจะไม่เหมือนกับที่ซูสือเยว่บอกไว้อย่างนั้นเลย ไม่ได้ชอบเธอมากพอ
เธอลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดกล้องบันทึกวิดีโอ
ซูสือเยว่ยังคงแนบชิดอยู่กับร่างของฉินโม่หานพลางพึมพำถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของเธอ
แต่เสียงของเธอเบาขึ้นเรื่อยๆ อ่อนแรงลงเรื่อยๆ
สุดท้ายก็หลับไปในอ้อมกอดเขา
“ฉินโม่หาน”
วินาทีที่ชายหนุ่มอุ้มซูสือเยว่ลุกขึ้นมานั้น ฟู๋เชียนเชียนขมวดคิ้วลุกขึ้นมาขวางเขาเอาไว้ “ตอบคำถามฉันข้อหนึ่งได้มั้ยคะ”
ฉินโม่หานหยุดชะงัก นัยน์ตาลึกล้ำที่มองไม่เห็นก้นบึ้งคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่เธอ “ว่ามา”
“เมื่อกี้สือเยว่บอกว่า คุณเป็นคนใส่ใจกับความรู้สึก”
“ฉันก็เชื่อว่าคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก ผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับคุณมากในตอนนั้น คุณไม่อาจลืมเธอได้ง่ายๆ ฉันก็เข้าใจ”
“แต่ว่า คุณบอกฉันได้ไหมว่า ในใจของคุณซูสือเยว่กับผู้หญิงคนนั้น ตกลงว่าใครสำคัญกว่ากัน?”
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นยิ้มอ่อนๆ “สำคัญทั้งคู่”
ฟู๋เชียนเชียนยังคงขวางอยู่ด้านหน้าเขา “คุณรู้ว่าคำตอบที่ฉันต้องการไม่ใช่คำตอบนี้”
“ผมก็ไม่แน่ใจ”
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว “ในเมื่อพวกเธอก็ไม่ได้อยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และก็ไม่เคยปรากฏตัวข้างกายผมพร้อมกันมาก่อน ผมจึงไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าใครสำคัญกว่ากัน”
“แต่ผมรับประกันได้ว่า”
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนกำลังสาบานว่า “สำหรับในใจผม สถานะของซูสือเยว่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินเชี่ยน”
พูดจบ เขาก็อุ้มซูสือเยว่อ้อมอย่างอ่อนโยนเดินอ้อมผ่านฟู๋เชียนเชียน และจากไป
ฟู๋เชียนเชียนยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่ได้สติอยู่พักใหญ่
“ทุกท่าน”
หลังจากที่ฉินโม่หานจากไปแล้ว ไป๋ลั่วก็เดินเข้ามาจากด้านนอก “คุณชายของผมแจ้งว่า ทุกท่านในวันนี้เป็นนักแสดงที่ลงทะเบียนไว้กับทีมงานกองถ่าย”
“ถ้าหลังจากพรุ่งนี้ทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนั้นตระกูลฉินของพวกเราก็จะรับประกันว่า นักแสดงทุกคนในกองถ่ายจะเจริญก้าวหน้า”
“แต่ถ้ามีวันหนึ่ง เรื่องในวันนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมา เช่นนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนตำแหน่งอะไร ก็จะหมดหนทางก้าวหน้า มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น”
“ได้โปรดเชื่อว่าตระกูลฉินของพวกเรามีความสามารถที่ดึงรั้งทุกท่านขึ้นมา และก็ยิ่งมีความสามารถที่ผลักลงไปจากแท่นบูชา”
บรรดานักแสดงภายในห้องมองหน้ากัน มองกันไปมา ล้วนไม่กล้าพูดอะไร
ที่เมืองหรง ตระกูลฉินมีความยิ่งใหญ่ ตระกูลฉินมีอำนาจเหนือใคร
ฉินโม่หานก็คือประมุขของอาณาจักรตระกูลฉินนี้ ประมุขที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุด
เขาเก่งกาจมากแค่ไหน ลึกลับมากเท่าไหร่หรือ?
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของซูสือเยว่ถูกแฉออกมา คนเมืองหรง 99% ต่างก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้หน้าเป็นอย่างไร!
ผ่านไปพักใหญ่ มีคนผู้หนึ่งท่ามกลางฝูงชนเอ่ยปากอย่างตัวสั่นงันงกว่า “ท่านชายฉินได้โปรดวางใจ จะ…จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องในคืนนี้ออกไปแน่นอนครับ”
พอเขาพูดประโยคนี้ออกไป ทั่วทั้งห้องก็มีเสียงรับประกันดังขึ้นระงม
……
ปลายสุดทางเดินระเบียงของโรงแรม หน้าต่างถูกเปิดอยู่
ลมเย็นยะเยือกในยามค่ำคืนพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง เหลียงหยูซินมองภาพฉินโม่หานที่อุ้มซูสือเยว่ขึ้นรถที่ชั้นล่าง มุมปากก็กระตุกเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ “เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงจี้ คุณดูสิว่าคนเขารักกันขนาดไหน”
“ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างคุณ อยากจะหาผู้หญิงแบบไหนหาไม่ได้เหรอ ทำไมต้องแย่งชิงกับท่านชายฉิน”