ซูสือเยว่นึกว่าคลิปที่ฟู๋เชียนเชียนส่งมาให้เธอนั้นคงจะเหมือนกับอันที่ซิงเฉินให้เธอดู ที่เป็นภาพเธอเมาแล้วแสดงอาการน่าเกลียดออกมา
เธอย่นคิ้วออกมา คิดอยากจะปิดไปด้วยความอับอาย
แต่นึกไม่ถึงว่าวินาทีก่อนที่จะปิดคลิปไป บนหน้าจอก็ปรากฏใบหน้าของฉินโม่หานออกมา
บนใบหน้าที่ดูมีความเคร่งขรึมออกมานั้นของเขา ได้เต็มไปด้วยความจริงจังและความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
เขาบอกว่า
“พวกเธอไม่เคยอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน และก็ไม่เคยปรากฏตัวข้างกายผมในช่วงเวลาเดียวกัน ผมไม่อาจชั่งวัดได้ว่าใครสำคัญกว่ากัน”
“แต่ผมรับรองได้ว่า”
“ในใจของผม น้ำหนักของซูสือเยว่ไม่ได้น้อยไปกว่าเฉินเชี่ยนอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขา เหมือนกับมีพลังวิเศษ
ซูสือเยว่กุมโทรศัพท์ จ้องมองเขาไปเงียบๆอยู่นาน
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอก็ได้หลับตาลง
เมื่อเย็นวานเธออยากดื่มเหล้า เพราะว่าตอนบ่ายเธอเห็นข่าวฉินโม่หานตามเย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวไปเยี่ยมเฉินเชี่ยน
แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า หลังจากที่เธอเมาไปฉินโม่หานจะพูดคำพูดอย่างนี้ออกไปต่อหน้ากล้อง
อีกอย่างในคลิปคนในกองทั้งหมดก็อยู่ด้วย
เขายอมพูดคำพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าทุกคน ภายในใจของเธอมันก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาจริงๆ
อันที่จริงเธอไม่ได้อยากจะไร้เหตุผลว่าเธอจะต้องเป็นหนึ่งเดียวในใจเขา
เพราะถึงยังไงผู้หญิงที่ชื่อว่าเฉินเชี่ยนคนนั้นก็เจอเขามาก่อนเธอ มีลูกให้เขามาแล้วสองคน สุดท้ายก็สละชีวิตไป
ก่อนหน้าเขาเธอเองก็เคยชอบเฉิงเซวียนเพราะว่าเฉิงเซวียนเคยช่วยเธอมาก่อนด้วยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
สิ่งที่ซูสือเยว่โกรธและไม่พอใจก็คือตอนที่ฉินโม่หานไปเยี่ยมเฉินเชี่ยนที่สุสานไม่ได้บอกเธอเลย
เขาไม่เพียงแต่จะไม่บอกเธอ แต่เขาถึงกับไปด้วยกันกับเย่เชียนจิ่วแล้วก็ยังมีหยางชิงโยวทั้งสองคนนี้อีก
นี่มันเป็นการยืนยันแล้วใช่มั้ยว่า…
ในใจของเขาแท้จริงแล้วเขานั้นไม่ได้ยอมรับเธออย่างแท้จริง
ไม่ยอมให้เธอเข้าไปในชีวิตของเขา
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว หัวใจของซูสือเยว่ก็ดิ่งฮวบลงไปทันที
ในเวลานี้สายของฟู๋เชียนเชียนก็โทรเข้ามา “สือเยว่ เธอดูสิ ท่านชายฉินของเธอชอบเธออยู่นะ!”
“ต่อจากนี้ไปก็อย่ารู้สึกไม่ดีไปเลย!”
“เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว!”
ซูสือเยว่ฝืนยิ้มออกไป “จะไปมีประโยชน์อะไรกัน?”
“เธอรู้มั้ยว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของเฉินเชี่ยนแม่ของซิงหยุนซิงเฉิน”
“เขาไปไหว้เธอด้วยกันกับเย่เชียนจิ่วละหยางชิงโยว แต่กลับไม่บอกฉัน”
ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ทางปลายสายนั้นเงียบไปสักพักนึง
“สือเยว่ เธอเข้าใจผิดไปหรือเปล่า?”
“การเดินทางของท่านชายฉินเมื่อวานนี้ฉันรู้อยู่นะ เขาไปที่สุสานจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้ไปกับคนที่เธอบอกนะ เขาไปเองคนเดียว”
ซูสือเยว่นิ่งอึ้งไป
“แต่ฉันเห็นในข่าว…”
ครั้งนี้เป็นตาที่ฟู๋เชียนเชียนสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว “หรือว่าเขาจะไปสองครั้งงั้นเหรอ?”
“สือเยว่ เธอแน่ใจเหรอว่าคนที่เห็นในข่าวเป็นเขา มีเผยให้เห็นหน้า?”
ผู้ชายคนหนึ่งไปไหว้ศพผู้หญิงคนนึงสองครั้งในวันเดียว มันจะแปลกเกินไปหน่อยมั้ย?
ฉินโม่หานไม่เหมือนกับคนที่จะแสดงออกหน้าออกมาอย่างนั้น
คำพูดของฟู๋เชียนเชียน ได้เตือนสติซูสือเยว่ขึ้นมาโดยสมบูรณ์
ถึงแม้ว่าฉินโม่หานจะร่ำรวยมาก แต่เขาก็ถ่อมตัวมาโดยตลอด สูทที่สวม กระดุมแขนเสื้อ นาฬิกาที่ใช้ ล้วนแล้วแต่จะไม่ใช่รุ่นที่เป็นลิมิเต็ดทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าและเครื่องประดับของเขาจะแพง แต่ขอเพียงแค่มีใจอยากได้ด้วยใจจริง ก็จะซื้อรุ่นเดียวกันได้อยู่แล้ว
เธอกัดริมฝีปาก เปิดคอมทันที เมื่อเจอข่าวเมื่อวานแล้วก็เข้าไปอ่านอีกครั้ง
เป็นไปอย่างที่คิด เธอเจอช่องโหว่ที่ผิดปกติโผล่ออกมา
มือของผู้ชายในคลิป ขาวเนียนเสียจนดูเหมือนว่าจะได้รับการบำรุงมาอย่างดี
แต่ในความจริงแล้ว—
ฉินโม่หานถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานที่ใช้แรงงาน แต่เขาก็เป็นคนที่ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ เป็นคนที่ทำหลากหลายอย่างด้วยตัวเอง
บางครั้งเขาก็จะเป็นคนไปดูแลดอกไม้ใบหญ้าที่สวนหลังบ้าน บางครั้งก็จะไปเล่นบอล ออกกำลังกายกับคนอื่นอยู่บ้าง
มือของเขานั้นหยาบกระด้างแบบผู้ชาย
จะต้องไม่ใช่มือที่ดูแลมาจนขาวเนียนนุ่มอย่างแน่นอน
ซูสือเยว่หลับตาลง
ความจริงมันได้ปรากฏออกมาชัดเจนแล้ว
ดังนั้นแล้ว เรื่องทั้งหมดเมื่อวานนั้นก็คงจะเป็นละครฉากหนึ่งที่หยางชิงโยวได้วางแผนเอาไว้แล้ว
เธอโทรศัพท์ไปพลางเข้าลิฟต์ไปพลาง เพื่อให้ซูสือเยว่ได้ยินเรื่องวันเกิดของเฉินเชี่ยนเมื่อวานนี้
จากนั้นก็ถ่ายทอดข่าวในทีวีไปอย่างใหญ่โตอีกที
เพราะว่าเธอได้ทิ้งปมเรื่องเอาไว้ต่อหน้าซูสือเยว่มาก่อนแล้ว ดังนั้นแล้วตอนที่เพียงแค่เห็นแขนเสื้อและกระดุมตรงแขนเสื้อที่คุ้นเคยนั้นเธอก็ได้คิดว่าเป็นมือของฉินโม่หานไปโดยปริยาย
“สือเยว่ ข่าวที่เธอพูดฉันเองก็เจอแล้วเหมือนกัน”
ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ทางปลายสายย่นคิ้วออกมา “เธอไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?”
“หยางชิงโยวหล่อนมันนับว่าเป็นดาราเบอร์ใหญ่อะไรกัน แค่ไปเซ่นไหว้สุสาน มีอะไรให้สื่อต้องถ่ายไปรายงานข่าวกัน?”
ซูสือเยว่หรี่ตาลง “มันแปลกมาก”
เธอเกือบจะเชื่อไปแล้วจริงๆ
“เชียนเชียน เธอบอกว่าเธอรู้ว่าเมื่อวานฉินโม่หานไปสุสานมา?”
“อืม!”
ฟู๋เชียนเชียนตอบรับออกมา “ฉันมีศพของคุณครูสมัยม.ปลายคนหนึ่งอยู่ที่สุสานนั้น เมื่อวานเป็นวันครบรอบของท่านพอดี ฉันเอาดอกไม้ไปให้ท่าน ตอนที่ไปก็เห็นท่านชายฉิน”
“เขาถือดอกไม้ช่อหนึ่งยืนพูดอยู่กับป้ายหลุมฝังศพอยู่ตรงด้านหน้าหลุมศพของผู้หญิงคนนั้น”
“ฉันได้ยินอยู่ไกลๆเหมือนกับว่าเขาจะเอ่ยชื่อของเธอขึ้นมา”
“เพราะว่าเป็นสุสานมั้ยล่ะ ฉันเลยไม่ค่อยกล้าเข้าไปทักทายเขาเท่าไหร่นัก เดิมทีก็อยากโทรบอกเรื่องนี้กับเธออยู่หรอก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าพอออกไปแล้วจะได้เจอเพื่อนสมัยเรียนที่เอาดอกไม้มาให้ครูอีกคนหนึ่ง พอคุยกันก็ลืมไปเลย!”
ซูสือเยว่ยกมือขึ้นมายันหน้าผากไปด้วยความจนใจ
ดังนั้นแล้ว เมื่อวานฉินโม่หานไม่เพียงแต่จะไม่ได้ไปทำเซ่นไหว้ที่สุสานพร้อมกับผู้หญิงทั้งสองคนนั้น แต่ยังเอ่ยชื่อเธอขึ้นมาต่อหน้าหลุมศพของเฉินเชี่ยนอีกด้วย?
เธอทอดถอนหายใจออกมา
“เชียนเชียน ฉันคิดว่าเมื่อวานที่ฉันโกรธ ดื่มเหล้า ดื่มไปโดยเปล่าประโยชน์เลยสิ”
ทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น มันเป็นแผนของเย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยว
“เธอไม่ได้ดื่มไปโดยเปล่าประโยชน์นะ”
น้ำเสียงของฟู๋เชียนเชียนอ่อนโยนออกมา “เมื่อวานทุกคนต่างก็ดูเธอดื่มกันทั้งนั้น แล้วยังพูดคุยถกเถียงกันด้วยนะ!”
ซูสือเยว่ “…”
เธอหวังว่าทุกคนจะลืมสภาพที่น่าขายหน้าเมื่อวานของเธอไปให้หมด
แต่การจะให้ทุกคนลืมกันไปนั้น อย่างแรกเลยก็ต้องให้คนอื่นไม่มีสิ่งที่จะนำไปสู่การคิดถึงเรื่องนั้นเสียก่อน
เธอนึกขึ้นมาได้ว่าคลิปของซิงเฉินยังมีไฟล์สำรองอยู่ที่ฉินโม่หานด้วยอีก…
“ฉันคิดว่าในใจของฉินโม่หานมีเธออยู่นะ”
ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ทางปลายสายวิเคราะห์ออกมาอย่างจริงจัง “เธอไปขอโทษเขาด้วยความจริงใจ บอกว่าจากนี้ไปเธอรับปากว่าจะไม่เป็นอย่างนี้อีก ฉันคิดว่าเขาคงจะช่วยเธอทำลายคลิปนั้นไปนะ”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา “ขอโทษงั้นเหรอ…”
“เธอก็ต้องขอโทษอยู่แล้วสิ!”
ฟู๋เชียนเชียนเบ้ปากออกมา “เธอรู้หรือเปล่าว่าคนสถานะอย่างฉินโม่หาน ประกาศออกสู่สาธารณะว่าชอบเธอ มันไม่ง่ายเลยนะ”
“แต่ผลที่ออกมาล่ะ ก่อนหน้าคนเขาเพิ่งจะบอกไปว่าความสัมพันธ์ทุกอย่างของพวกเธอดีหมดไปหยกๆ แต่ตอนหลังเธอก็ไปดื่มเหล้าในที่ที่น่าหดหู่แล้วบอกว่าเขาไม่ชอบเธอ ถ้าฉันเป็นฉินโม่หาน ฉันจะต้องห่อเหี่ยวใจตายแน่เลย!”
ซูสือเยว่ “…”
หลังจากที่วางสายจากฟู๋เชียนเชียนไปแล้ว ซูสือเยว่ก็นอนอยู่บนเตียงอยู่นาน
จนตอนที่เธอลุกขึ้นมาจากเตียงอีกครั้ง เวลาก็ปาไปสิบโมงกว่าแล้ว
เธอตัดสินใจว่าจะทำอาหารอร่อยๆไปให้ฉินโม่หานเป็นอาหารกลางวันที่ทำด้วยใจเพื่อเป็นการไถ่โทษสักหน่อย
บอกว่าจะทำเธอก็ทำ
หญิงสาวลงไปด้านล่าง เปิดมาเจอปลาที่เขาชอบมากอยู่ในครัว
อาหารสามอย่างกับซุปอย่างนึง
เธอเอากับข้าวใส่ในกระติกเก็บความร้อนที่สะอาด หิ้วไปที่ฉินซื่อกรุ๊ป
ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าฉินซื่อกรุ๊ป ฉินโม่หานเลิกสายตาขึ้นมองตึกที่สูงเสียดฟ้า ภายในใจก็ร้องอุทานออกมามากมาย
มิน่าซูจิ่นเฉิงถึงได้พยายามเกี่ยวดองกับฉินโม่หานเสียให้ได้
ฉินโม่หานที่ดำเนินธุรกิจที่มีมูลค่ามากมายขนาดนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าข่าวลือที่เกินไปตอนนั้น ตระกูลซูก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาสร้างความสัมพันธ์กับฉินโม่หานได้เลยจริงๆ
เธอเองก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาแต่งงานกับเขาด้วยเหมือนกัน
อยู่ตรงประตูทางเข้าตึกอยู่นาน ในที่สุดซูสือเยว่ก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไป
แต่เธอนึกไม่ถึงว่าทันทีที่เธอเข้าไปในตัวอาคาร ก็บังเอิญเจอกับเย่เชียนจิ่วที่เดินออกมาจากด้านในพอดี