บรรยากาศภายในห้องทำงานเงียบลงทันที
ซูสือเยว่มองชายหนุ่มตรงหน้าไปอย่างเลื่อนลอย หัวใจก็ได้บีบรัดแน่นออกมาทันที
เขา…
ความหมายของเขาก็คือ…เธอกับเฉินเชี่ยนในใจของเขานั้นไม่เหมือนกัน ใช่หรือเปล่า?
“ปลาวันนี้อร่อยมาก”
นั่งกันอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มถือตะเกียบเอาไว้ กินข้าวไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม “ผมกับเฉินเชี่ยนตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง”
“ผมกับเธอเดิมทีแล้วไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกัน เพียงแค่มีเรื่องในครั้งนั้นเพราะว่าเมาเท่านั้นเอง”
“นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่ครั้งเดียว เธอก็ท้องซิงหยุนกับซิงเฉินแล้ว”
“หลังจากที่ไปผิดห้องครั้งนั้น ผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย”
“ครั้งที่สองที่ได้เจอเธอ มันก็เป็นครั้งสุดท้าย”
“ในตอนนั้นพี่รองโทรมาบอกผมว่าเจอเธอแล้ว แล้วยังบอกว่าเธอพาลูกทั้งสองคนมารออยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอผมกลับไป”
ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม มือทั้งสองข้างของซูสือเยว็ได้บีบเข้าหากันแน่น
ดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้นของฉินโม่หานมองเธอไปนิ่งๆ “ความรู้สึกของผมในตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ช็อกตกใจมากกว่าจะเซอร์ไพรซ์เสียอีก”
“ผลสุดท้ายพอผมลงจากเครื่องมาถึงโรงพยาบาล ก็มาพบว่าเธอจุดไฟเผาโรงพยาบาลเพราะว่าภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเลยเสียสติออกมา”
“ยังดีที่ตอนนั้นผู้ป่วยที่ต้องพักฟื้นของในโรงพยาบาลแห่งนั้นมีแค่เธอทีเป็นผู้ป่วยคนเดียว”
“ผมเอาลูกทั้งสองคนมา ตอนที่กลับไปช่วยเธออีกครั้ง เพลิงไหม้มันก็ได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้ว พี่รองกลัวว่าผมเข้าไปแล้วจะกลับมาไม่ได้ เลยฝืนยื้อฉุดผมเอาไว้”
ชายหนุ่มพูดไป พร้อมกับดื่มซุปไปคำนึง “สือเยว่ ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ เฉินเชี่ยนไม่เคยเป็นรักของผมเลย ผมกับเธอไม่เคยมีความรู้สึกใดๆต่อกัน”
“แต่คุณน่ะใช่”
หัวใจของหญิงสาวได้บีบรัดกันแน่นเพราะว่าคำพูดนี้ของชายหนุ่มอีกครั้ง
เธออ้าปากออกมาเล็กน้อย อยากจะพูดอะไรออกไป แต่มันกลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
“แต่สำหรับผมแล้ว ที่จริงแล้วเฉินเชี่ยนก็สำคัญ ไม่มีเธอ ก็คงจะไม่มีลูกชายที่น่ารักทั้งสองคนในตอนนี้ของผม”
“ถ้าตอนนั้นเธอไม่ตาย ผมเองก็ยอมแต่งเธอเข้ามาเหมือนกัน รับผิดชอบต่อชีวิตของเธอ”
พูดจบ เขาก็วางถ้วยซุปลง “แต่มันก็ไม่มีคำว่าถ้าหากคำนี้”
“คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องสงสัยในความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณเพราะว่าคำพูดของคนอื่นอีกนะ หืม?”
คำพูดนี้ของเขาพูดออกมาทั้งเป็นเชิงหยอกเย้าและทั้งพูดออกมาด้วยใจจริง
หัวใจของซูสือเยว่สั่นไหวออกมาเล็กน้อย
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอก็กัดริมฝีปากออกมา “ยังมีอีกเรื่องนึงที่ฉันอยากจะรู้…”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณบอกฉันมาจริงๆ ในสายตาของคุณฉันสำคัญขนาดนั้น…”
“เมื่อวานตอนที่ไปเยี่ยมเฉินเชี่ยนทำไมต้องไปเองคนเดียว ไม่พาซิงหยุนกับซิงเฉิน แล้วก็ไม่พาฉันไปด้วย…”
ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงคิดว่าตัวเองไม่มีความสำคัญต่อเขา อีกสาเหตุหนึ่งนอกเหนือจากการให้เข้าใจผิดของหยางชิงโยวกับเย่เชียนจิ่ว…
ก็คือเขาไม่ได้พาเธอไป
ไม่เพียงจะไม่พาเธอไป ยังไม่บอกเธออีกด้วย
เธอคิดมาโดยตลอดว่าถ้าพวกเขารักกันจริงๆ เขาก็ควรจะพาเธอไป พาเธอเข้าร่วมไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ในอดีตของเขา
ฉินโม่หานฝืนยิ้มเจื่อนๆออกมา
เขาหันหน้ามา ยกมือขึ้นมาเขกหัวของซูสือเยว่ “คุณลืมเรื่องหนึ่งไปแล้วหรือเปล่า?”
ใบหน้าเล็กของหญิงสาวยู่ออกมา “เรื่องอะไร?”
ชายหนุ่มกระแอมออกมา ในน้ำเสียงได้ประดับไปด้วยรอยยิ้มออกมาอยู่หลายส่วน “คืนวันก่อนหน้า คุณถูกผมทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นานมาก”
“เกือบฟ้าสว่างกว่าจะได้นอน ลืมไปแล้ว?”
ซูสือเยว่อึ้งค้างไป
ความทรงจำที่เธอถูกเขาพลิกกลับด้านไปมาในคืนวันนั้นได้ผุดขึ้นมา
ใบหน้าเธอก็แดงออกมาทันที!
ในคืนวันนั้น…แท้จริงแล้วเธอได้ถูกเขากินไปจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่กระดูกเลยจริงๆ
รอจนถึงตอนที่เขายอมปล่อยเธอไปสักที มันก็ปาไปตีสามตีสี่ไปแล้ว
เธอนอนซมไป ตื่นขึ้นมาอีกที ก็ได้ถึงเวลากินมื้อเที่ยงไปแล้ว
เห็นเธอจำได้ขึ้นมาแล้ว ฉินโม่หานก็ยักไหล่ออกมานิ่งๆ “ผมเห็นคุณนอนหลับสบายอย่างนั้น จะให้รบกวนคุณก็ทำไม่ลง”
“ผมคิดว่าวันเวลาของพวกเราในอนาคตยังยาวไกล เกี่ยวกับเรื่องของเฉินเชี่ยนนั้น เดี๋ยวคุณก็รู้เอง มันจะต้องมีสักโอกาสอยู่แล้ว”
“ครั้งนี้ไม่ไป ก็ยังมีปีหน้าอีก ยังมีต่อจากนี้อีก”
เพียงแต่ว่าเขานึกไม่ถึงว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะถูกคนอื่นใช้วิธีที่ใช้ไม่ได้อย่างนี้มาหลอกลวงให้เข้าใจผิดได้
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง…
ก้นบึ้งในหัวใจได้ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกออกมา เธอยกมือขึ้นมาดึงชายเสื้อของเขาไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษนะคะ”
เขาดีกับเธอขนาดนี้ จริงจังกับเธอ ถึงขนาดที่ยอมแถลงข่าวประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาออกไปด้วยตัวเอง
แต่เธอ…กลับไปเข้าใจผิดเขา กล่าวโทษเขาเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของคนอื่น
“ไม่เป็นไร”
ฉินโม่หานยกยิ้มออกมาจางๆ “อันที่จริงก่อนหน้าเรื่องเมื่อวาน พวกหล่อนก็ไม่ได้พูดถึงเฉินเชี่ยนมาหลายปีแล้ว”
“ผมเคยคิดอยากจะชดเชยให้กับเฉินเชี่ยน ใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะตามหาญาติพี่น้องของเฉินเชี่ยน พวกหล่อนก็มักจะบอกว่าคนที่บ้านของเฉินเชี่ยนพวกหล่อนได้ดูแลไปแล้ว บอกให้ผมอย่ายื่นมือเข้าไปยุ่ง”
“ตั้งแต่ที่เธอตายไป เย่เชียนจิ่วก็ได้หลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเฉินเชี่ยนผู้หญิงคนนี้”
“ผมเคยถึงกับเคลือบแคลงใจมาก่อนว่าเฉินเชี่ยนผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่าพวกหล่อนไม่อยากให้ผมตามหาเธอเจอหรือเปล่า”
“แต่คุณ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้พวกหล่อนเป็นฝ่ายพูดถึงเธอขึ้นมาเองได้”
“นี่ก็หมายความว่าพวกหล่อนเริ่มตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่านอกจากเฉินเชี่ยน พวกหล่อนก็ไม่เจอวิธีอะไรที่จะทำให้คุณเสียใจได้”
“ไม่อย่างนั้นแล้ว ทำไมพวกหล่อนจะต้องใช้คนที่ตายไปตั้งนานแล้วอย่างนั้นมาสร้างประเด็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองด้วยล่ะ?”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ซูสือเยว่รู้แจ้งขึ้นมาทันที
“คุณว่า… เฉินเชี่ยนมีโอกาสที่จะยังมีชีวิตอยู่?”
“ครับ”
กินข้าวคำสุดท้ายเสร็จ ฉินโม่หานก็วางตะเกียบลง “ถ้าเธอตายไปแล้วจริงๆ ทำไมจะต้องเก็บงำเป็นความลับขนาดนั้นด้วย?”
“คนตายคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าผมจะรู้เรื่องของเธอมากขึ้นอีก เธอเองก็เป็นคนตายคนหนึ่ง ไม่มีทางจะมีชีวิตกลับมาได้ และยิ่งไม่มีทางจะเป็นสาเหตุในการคุกคามใครได้ด้วย”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา “แล้วถ้า…เธอมีชีวิตอยู่จริงๆล่ะ?”
“คุณอยากจะหาเธอหรือเปล่า?”
“ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่”
เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำเยือกเย็น “ถึงแม้ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกลับมาเยี่ยมซิงหยุนกับซิงเฉินเลย”
“ไม่ว่าเธอจะมีความกังวลใจอะไร เธอก็ไม่ควรหลบผม ไม่ควรที่จะไม่กลับไปหาลูกๆ”
“ผู้หญิงที่ไม่ต้องการแม้แต่ก้อนเนื้อที่งอกออกมาจากร่าง ทำไมผมจะต้องไปหาเธออีก?”
มือทั้งสองข้างของซูสือเยว่จับกันเอาไว้แน่น
ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดนี้ของฉินโม่หานมันถึงได้ทำให้เธอรู้ว่าภายในใจมันรู้สึกไม่ดีขึ้นมานัก
เธออยากโต้แย้งออกไปแทนเฉินเชี่ยนสักสองสามประโยค อยากจะอธิบายออกไปว่าเฉินเชี่ยนคงจะไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้นเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อมาถึงตรงปากแล้ว เธอก็รู้สึกว่ามันน่าขันขึ้นมาอีกที
เธอไม่ใช่ตัวเฉินเชี่ยนเองเสียหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าตามหาเฉินเชี่ยนกลับมา แน่นอนว่าจะต้องมาเป็นศัตรูหัวใจของเธออยู่แล้ว ไม่เพียงแต่จะมาแย่งความรักที่ซิงหยุนกับซิงเฉินที่มีต่อแม่กับเธอแล้ว ถึงขนาดที่ยังมีโอกาสที่จะมาแย่งชิงฉินโม่หานกับเธอด้วยเหมือนกัน
แต่ว่า…
ไม่รู้ว่าทำไม เธอมักจะมีแรงกระตุ้นที่รุนแรงจำพวกนี้อยู่ตลอดเลย
เธออยากเจอเฉินเชี่ยน
อยากตามหาเธอให้เจอ
อยากจะถามเธอสักหน่อยว่าทำไมถึงสามารถไม่ต้องการซิงหยุนกับซิงเฉินเด็กทั้งสองคนนี้ได้ลงคอ
เธอถึงขนาดที่แอบคิดขึ้นมาว่า…
เฉินเชี่ยนกับเธออาจจะมีความสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง
ในหัวมันเหมือนกับมีเสียงเสียงหนึ่ง บอกเธออยู่ตลอดว่าต้องตามหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ
หญิงสาวกุมศีรษะไปด้วยความทรมาน
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมา จ้องมองเขาไปด้วยดวงตาที่ใสประกาย “ท่านชาย ฉันอยากตามหาเฉินเชี่ยนให้เจอ”
นิ้วมือเรียวยาวที่กำลังเก็บตะเกียบและถ้วยชามอยู่นั้นของฉินโม่หานได้ชะงักไปเล็กน้อย
“คุณอยากตามหาเธอไปทำไม?”
“ฉันไม่รู้”
หญิงสาวก้มหน้าลงไปอย่างเศร้าซึม “แต่…ฉันก็อยากเจอเธอ”