สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 167 ฉันผ่านไปแถวนั้นพอดี ให้ฉันไปส่งเธอมั้ย?

เย่เชียนจิ่วขมวดคิ้วออกมา แล้วก็ได้มองซูสือเยว่ที่อยู่ในศาลาไปอีกครั้ง

ผู้หญิงคนนี้ ก่อนหน้าที่เธอกับหยางชิงโยวได้พูดถึงเรื่องที่เป็นตัวแทนของเฉินเชี่ยนเรื่องนี้ขึ้นมา จริงๆแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจท่านปู่ขนาดนี้

แต่ท่าทีในวันนี้…

หรือว่ามันจะเหมือนกับที่หยางชิงโยวพูดมา เป็นเพราะว่ามันกลัวงั้นเหรอ?

เพราะรู้ว่าในใจของฉินโม่หาน มันไม่ใช่หนึ่งเดียวในใจเขา ก็เลยอยากทำตัวดีๆต่อหน้าท่านปู่ เพื่อร้องขอให้สามารถครอบครองตำแหน่งในตระกูลฉินได้?

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ในดวงตาของหญิงสาวก็ได้ปรากฏความพอใจแวบผ่านออกมาทันที “ชิงโยว จากที่เธอพูดมา วิธีนี้ของพวกเรา มันก็ได้ผลอยู่สินะ?”

หยางชิงโยวหัวเราะออกมาเบาๆ “ได้ผลหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าการมีอยู่ของเฉินเชี่ยน มันได้สร้างหวาดหวั่นต่อซูสือเยว่ได้แล้ว”

“เธออย่าลืมว่าซูสือเยว่ผู้หญิงคนนี้เมื่อห้าปีก่อนทำไมถึงได้ยอมอุ้มบุญให้พวกเรา?”

“นั่นก็คือเพื่อเฉิงเซวียนแฟนหนุ่มที่น่าผิดหวังของมันคนนั้น”

“มันที่เป็นคนที่ให้ความสำคัญในเรื่องความรักมากอย่างนั้น รู้ว่าภายในใจของฉินโม่หานตัวมันเป็นเพียงแค่ตัวแทน มันจะไม่ร้อนรนได้เหรอ?”

เย่เชียนจิ่วย่นคิ้วใช้ความคิดออกมาอยู่สักพัก

ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอยิ้มออกมา “มันก็ใช่”

“ยังคงเป็นเธอที่ฉลาด”

ถึงแม้ว่าเฉินเชี่ยนคนนี้มันไม่มีอยู่จริง เพียงแค่เธอกับหยางชิงโยวเสกสรรปั้นแต่งมันขึ้นมา

แต่ซูสือเยว่ก็กลัวแล้ว

เฉินเชี่ยนคนนี้ มันก็เหมือนเสี้ยนหนาม คอยทิ่มแทงอยู่ในใจเธออยู่เสมอๆ

ชื่อนี้ สามารถทำให้ซูสือเยว่กังวล สงสัย และถึงกับไม่สบายใจขึ้นมาได้

ทั้งหมดนั้นมันก็คุ้มค่าแล้ว

เย่เชียนจิ่วกำโทรศัพท์ แล้วก็ได้มองซูสือเยว่ที่อยู่ภายในศาลาไปอีกที

ในเวลานี้ เธอกำลังพูดอะไรบางอย่างกับท่านปู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไปพลาง รินน้ำชาให้กับท่านปู่ไปอย่างเอาอกเอาใจไปพลาง

ภาพที่กำลังยิ้มประจบสอพลอนั้นเอง ซูสือเยว่ที่เจอกับเธอที่ฉินซื่อกรุ๊ปเมื่อวาน มันแตกต่างราวกับคนละคนกันเลย

ผู้หญิงคนนี้สมกับที่เป็นนักแสดง

ต่อหน้าเธอทำเป็นหยิ่งเย็นชา ต่อหน้าท่านปู่ก็ทำตัวเป็นน่ารัก!

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เธอเฮอะเสียงเย็นออกมา “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันจะต้องไปซ้ำเติมไปพูดเรื่องที่เกี่ยวกับเฉินเชี่ยนต่อหน้าซูสือเยว่ต่ออีกสักหน่อยหรือเปล่า?”

เพราะถึงยังไงเฉินเชี่ยนผู้หญิงคนนี้ เธอสามารถพูดแต่งเรื่องออกไปยังไงก็ได้

“ไม่ต้อง”

หยางชิงโยวที่อยู่ปลายสายหยุดชะงักไป “ยิ่งพูดเยอะมันก็จะยิ่งผิดเยอะ ก่อนหน้าที่พวกเราจะเตรียมข้ออ้างที่สมบูรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าเพิ่งพูดถึงต่อหน้าซูสือเยว่ให้เยอะเกินไป”

ถ้าเกิดถูกจับได้ มันจะเป็นการที่ขโมยไก่มาไม่ได้ แล้วยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ

“ได้ งั้นก็เอาตามที่เธอว่ามาแล้วกัน”

เย่เชียนจิ่วตอบรับไปอย่างเย็นชา แล้วก็วางสายไป

วางโทรศัพท์ลง เธอก็ยิ้มเย็นออกมา

ความกล้าของหยางชิงโยวนั้นมันยังน้อยอยู่

ตอนนี้ซูสือเยว่ก็กลัวแล้ว อย่างนั้นแล้วเธอก็จะอาศัยโรคของมันเพื่อเอาชีวิตมัน ถือโอกาสที่มันกับฉินโม่หานบาดหมางใจกัน เพื่อเป็นการยืนยันเรื่องที่มันเป็นตัวแทนของเฉินเชี่ยนเรื่องนี้ไปสิถึงจะถูก

คิดอยู่สักพัก เย่เชียนจิ่วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความไปให้ซูสือเยว่

“อยากจะคุยเรื่องเกี่ยวกับเฉินเชี่ยนกันหน่อยมั้ย?”

ภายในศาลาที่กำลังเล่นหมากกัน

ซูสือเยว่อ่านข้อความในโทรศัพท์

ตอนนี้เย่เชียนจิ่วอยู่ในห้อง เธอส่งข้อความอย่างนี้มาให้เธอ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าแผนของซิงหยุนได้ผล

อย่างน้อยเย่เชียนจิ่วคิดว่าเธอกลัวจริงๆ

ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งข้อความอย่างนี้มา

หญิงสาวแสยะริมฝีปากออกมาจางๆ พร้อมกับตอบกลับไปอย่างมีมารยาท

“ขอโทษนะคะคุณเย่”

“เดิมทีแล้วฉันไม่ได้เป็นตัวแทนอะไรของเฉินเชี่ยนอยู่แล้ว จะไปมีอะไรให้ต้องคุยกับคุณอีก จากนี้ไปช่วยอย่ามาพูดถึงเธอต่อหน้าฉันอีกนะคะ”

เห็นข้อความในโทรศัพท์แล้ว เย่เชียนจิ่วก็ยิ้มอย่างได้ใจออกมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูสือเยว่พูดมาอย่างนี้ บางทีเธอก็อาจจะคิดว่าซูสือเยว่ไม่สนใจจริงๆ

แต่ว่าตอนนี้…

เธอมองซูสือเยว่ที่กำลังประจบเอาใจท่านปู่อยู่ตรงศาลาด้านล่างไม่หยุด มุมปากก็ยกยิ้มเย็นชาออกมา

ถ้าซูสือเยว่ไม่กลัวจริงๆ ก็ไม่มีทางมาเอาอกเอาใจท่านปู่หรอก

เพียงไม่นานก็ถึงเวลาทานมื้อกลางวัน

ซูสือเยว่เป็นคนลงมือทำอาหารเอง ทำเมนูที่ตัวเองถนัดที่สุดมาสองสามอย่างให้ท่านปู่ฉิน

“มิน่าล่ะเด็กทั้งสองคนนั่นเจอเธอวันแรกก็แย่งกันให้เธอมาเป็นแม่ของพวกเขากัน รสชาติอาหารพวกนี้มันไม่เลวเลยจริงๆ!”

ท่านปู่ฉินนั่งลงบนโต๊ะทานข้าว กินไปพลางเอ่ยชมออกมาพลาง “ถ้าฉันเป็นซิงหยุนซิงเฉิน ฉันเองหวังให้เธออยู่ต่อด้วยเหมือนกัน!”

ซูสือเยว่ถูกชมมาจนรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย

เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเข้าไปนั่งลงตรงฝั่งตรงกันข้ามกับท่านปู่

ก่อนหน้าที่ซิงหยุนเสนอแผนนี้ออกมา จริงๆแล้วเธอไม่เคยจะมีปฏิสัมพันธ์แบบจริงจังกับท่านปู่ฉินมาก่อนเลย

คงเป็นเพราะว่าในเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานของฉินหนานเซิงกับลั่วเยียน ท่านปู่ฉินนั้นเคร่งขรึมน่าขนลุกเอามากๆ ภาพจำที่เธอมีต่อท่านปู่นั้นก็เป็นความไร้ชีวิตชีวาเย็นชามาโดยตลอด

แต่การได้อยู่ด้วยกันตลอดทั้งเช้าวันนี้ เธอก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองได้คิดผิดไปแล้ว

ท่านปู่ฉินไหนเลยจะเย็นชาหยิ่งทะนงเหมือนอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันเสียที่ไหน?

เขาน่ารักเสียเหมือนกับเด็กน้อยคนนึงเลย!

คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็มองชายชราที่อยู่ตรงหน้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม “ถ้าคุณพ่อชอบกินล่ะก็ หลังจากนี้ถ้ามีเวลาฉันจะมาทำให้คุณพ่อบ่อยๆนะคะ”

“ดี ดี!”

ท่านปู่ตื่นตัวสุดๆ “ถ้ารู้ก่อนว่าโม่หานเจ้าเด็กน่าตายนั่นจะสามารถแต่งภรรยาที่ดีอย่างนี้มาได้ ฉันคงจะบังคับให้เขาแต่งงานไปหลายปีแล้ว!”

ซูสือเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “นั่นมันก็ไม่ถูกนะคะ”

“คุณพ่อ ถ้าคุณพ่อบังคับเขาแต่งงาน คนที่เขาจะแต่งเข้ามาคงจะไม่ใช่ฉัน”

ท่านปู่ฉินย่นคิ้วคิดออกมา “มันก็ถูก”

“ไม่สนแล้ว ถึงยังไงฉันก็พอใจกับลูกสะใภ้คนนี้ของฉันมากแล้ว!”

พูดจบ ท่านปู่ก้มหน้าลงไปด้วยรอยยิ้ม แล้วกินต่อไปอย่างไม่สนใจอะไร

ซูสือเยว่ทำอาหารให้เขาสี่เมนู ท่านปู่คนเดียวกินไปได้สามจานกว่าๆเลย

หลังจากทานอาหารกันแล้ว เขาก็ลูบท้องอ้วนกลมนั่งพิงเข้ากับโซฟา “พ่อบ้าน เอายาช่วยย่อยมาให้ฉันหน่อย!”

“ไม่ได้กินอิ่มขนาดนี้มานานมากแล้ว!”

ซูสือเยว่เก็บตะเกียบถ้วยชามไปพลางยิ้มออกมาพลาง “คุณพ่อดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”

“จากนี้ไปอย่ากินอย่างนี้เลย ถ้าชอบ ฉันจะมาทำให้คุณพ่อกินบ่อยๆ”

ท่านปู่พยักหน้าตอบรับออกมา กวักมือเรียกซูสือเยว่เข้ามา “ให้คนใช้เก็บกวาดเอาก็ได้ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”

หญิงสาวจึงได้วางตะเกียบจานชามในมือลง สาวเท้าก้าวใหญ่ๆไปหยุดอยู่ตรงหน้าท่านปู่

“สือเยว่เอ๋ย”

พิงอยู่บนโซฟา ท่านปู่ทอดถอนหายใจออกมา “ตลอดทั้งเช้านี้”

“เธอเอาใจฉัน อยู่เป็นเพื่อนฉัน ความกตัญญูนี้ฉันมองเห็นมันแล้ว”

“มีเรื่องอะไร เธอก็พูดมาตรงๆเถอะ”

“โม่หานเจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่นมันรังแกเธอ หรือว่าเจ้าลิงน้อยทั้งสองนั่นไม่เชื่อฟัง?”

“หรือว่าจะเป็นปัญหาที่บ้านเธอ?”

“แค่บอกฉันมา ภายในขอบเขตความสามารถของฉัน ฉันจะช่วยเธอแก้ปัญหาให้ได้หมดเลย!”

ซูสือเยว่นิ่งอึ้งไป

ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอก็ได้มีการตอบสนองออกมา นี่ท่านปู่ฉิน…นึกว่าเธอจะมาขอคำปรึกษาเขา ก็เลยมาหาเขา?

เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา “คุณพ่อ ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะขอร้องคุณพ่อจริงๆค่ะ”

“ฉันก็แค่…”

คำพูดพูดมาได้ครึ่งนึง ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา จู่ๆก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้กับชายชราไปยังไง

ในเวลานี้ เสียงรองเท้าส้นสูงเหยียบอยู่บนบันไดตรงชั้นบนดังขึ้นมา

ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นไปทันที

สิ่งที่มองเห็นก็คือใบหน้าที่ดูเย็นชานั้นของเย่เชียนจิ่ว

“วันนี้ลมอะไรหอบดาราดังมาถึงที่นี่กัน?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของซูสือเยว่จางลง “ฉันก็แค่มาเยี่ยมคุณพ่อดูก็เท่านั้นเอง”

พูดจบ เธอยังชำเลืองมองไปทางห้องครัวไปด้วย “เชียนจิ่ว ฉันทำมื้อเที่ยงเอาไว้ ยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อย อยากจะกินหรือเปล่า?”

ท่าทีแบบพี่สะใภ้ตัวจริงนี้ของเธอ มันทำให้เย่เชียนจิ่วลอบกลอกตาออกมา

หลังจากที่ผ่านไปสักพัก เย่เชียนจิ่วก็นึกแผนการอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างทันควัน “เธอกินข้าวเสร็จแล้วต้องการจะออกไปที่กองถ่ายหรือเปล่า?”

“ฉันผ่านไปทางนั้นพอดี ให้ฉันไปส่งเธอมั้ย?”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset