“ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่หรอก”
ซูสือเยว่แสยะริมฝีปากออกมาจางๆ “ตอนนี้เรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่ กองถ่ายไม่ได้อยู่ที่สตูดิโอภาพยนตร์”
พูดจบ เธอก้มหน้าลงไป ปอกแอปเปิลให้ท่านปู่ต่อ “คุณพ่อ กินอีกชิ้นมั้ย?”
ท่านปู่ฉินยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับออกมา “ดี ดี!”
“อันที่จริงฉันก็มีความสุขจริงๆ โม่หานสามารถแต่งงานกับภรรยาที่ดีอย่างนี้ได้ ซิงหยุนกับซิงเฉินสามารถได้เจอกับหม่ามี๊ที่ดีอย่างเธอได้!”
คุณปู่ลูบหนวดเครา ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาอย่างเขินอายเล็กน้อย “ฉันเองก็มีความสุขเหมือนกันค่ะ พวกเขาชอบฉันกันทั้งนั้น”
เย่เชียนจิ่วที่อยู่ข้างๆกลอกตาออกมา
“ชอบเธอกันหมด? ไม่แน่หรอกมั้ง?”
เธอเดินตรงเข้ามา นั่งลงบนขอบโซฟาตรงอีกด้านหนึ่ง “สาเหตุที่ฉินโม่หานชอบเธอ เธอก็รู้อยู่แล้วนี่”
“แต่ซิงหยุนกับซิงเฉิน…พวกเขาค่อนข้างจะรู้ความ ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบเธอ ก็คงไม่แสดงออกมาหรอก”
พูดไปแล้ว เย่เชียนจิ่วก็ได้ยกริมฝีปากออกมาจางๆ “เพราะถึงยังไงพวกเขาทั้งสองคนก็เป็นลูกชายของเฉินเชี่ยน รู้ความมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมาจางๆ พร้อมกับยิ้มออกมา “เฉินเชี่ยนรู้ความมากเลยเหรอ?”
“นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว!”
เย่เชียนจิ่วยิ้มออกมาจางๆ กำลังจะพูดอะไรออกไป พอจะยกขาขึ้น สิ่งที่สบเข้าไปนั้นเป็นดวงตาที่ล้ำลึกมองไม่เห็นก้นลึกคู่นั้นของฉินหลิงยี่
เห็นได้ชัดว่าฉินหลิงยี่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ใบหน้าดำทะมึนเหมือนกับก้นหม้อ
แต่เย่เชียนจิ่วกลับยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่ยังเอ่ยพูดเยาะออกมาอีก “พี่รอง พี่ว่าใช่หรือเปล่า?”
“ซิงหยุนกับซิงเฉิน เหมือนกับเฉินเชี่ยนมากเลย”
ซูสือเยว่หรี่ตาออกมาเล็กน้อย “พี่รองเองก็รู้จักเฉินเชี่ยนด้วย?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
เย่เชียนจิ่วเชิดหน้าขึ้นมา พร้อมกับยิ้มออกมา “ตอนนั้นก็เป็นพี่รองที่…”
“ฉันรู้จักเธอ”
ฉินหลิงยี่ย่นคิ้วออกมา เอ่ยขัดคำพูดของเย่เชียนจิ่วออกมาเบาๆ
สายตาของเขามองใบหน้าของซูสือเยว่ไปนิ่งๆ “อันที่จริงเธอไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจการมีอยู่ของเฉินเชี่ยนหรอก”
“เธอกับฉินโม่หานไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน อุ้มท้องเด็กท้องสองมันก็เป็นอุบัติเหตุด้วยเหมือนกัน”
“ผู้หญิงอย่าไปหึงให้มากเลย อย่าไปสืบสาวอดีตของผู้ชายแบบลงลึกเกินไปเลยจะดีกว่า”
เขามองเย่เชียนจิ่วไปด้วยสายตาที่เย็นชา “ต่อจากนี้ไปคนอย่างเฉินเชี่ยน อย่ามาเอ่ยขึ้นมาต่อหน้าซูสือเยว่อีก!”
พูดจบ เขาก็ย่นคิ้วถลึงตาจ้องมองเธอ “ยังไม่รีบไปอีก?”
เย่เชียนจิ่วกลอกตาออกมา แล้วก็ได้ลุกขึ้นไปด้วยความไม่พอใจสุดๆ “ฉันก็แค่คุยเรื่องความรักกับซูสือเยว่สักหน่อยเท่านั้นเอง”
พูดถึงตรงนี้แล้ว เธอก็เหมือนกับว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เลิกสายตาขึ้นมองซูสือเยว่ไป “ในเมื่อไม่ผ่านทาง ไม่สู้ให้ฉันตรงเข้าไปส่งเธอล่ะ?”
“การจราจรแถวฤหาสน์มันไม่ค่อยดี ฉินโม่หานไม่อยู่ พวกเราคนครอบครัวเดียวกันก็ควรจะช่วยเขาดูแลเธอ”
คำพูดนี้ของเธอพูดออกมาเสียดูยิ่งใหญ่ แต่ซูสือเยว่รู้ชัดเป้าหมายของเธอได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวแสยะยิ้มออกมาจางๆ “ก็ได้”
พูดจบ เธอก็ได้เดินตามเย่เชียนจิ่วออกไปท่ามกลางสายตาไม่พอใจของฉินหลิงยี่
หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองคนได้เดินออกไป ท่านปู่ฉินกินแอปเปิลที่ซูสือเยว่หั่นให้เขาไปพลาง หรี่ตามองฉินหลิงยี่ไปพลาง “มีเรื่องปิดบังฉันอยู่”
ฉินหลิงยี่เบือนหน้าออกไป “ไม่มี”
“ฉันเป็นพ่อของแก จะหลอกฉันได้งั้นเหรอ?”
ท่านปู่เบ้ปากออกมาเล็กน้อย โจมตีเข้าไปยังจุดสำคัญ “เกี่ยวกับเฉินเชี่ยนอะไรนั่นที่พูดถึงเมื่อกี้นี้ใช่มั้ยละ?”
ฉินหลิงยี่ย่นคิ้วออกมา ไม่ได้พูดอะไร
“ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูก”
ทอดถอนหายใจออกมา ท่านปู่ย่นคิ้วเล็กน้อย “ฉันจำได้ว่าเมื่อตอนนั้นหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นตายไป แกเคยเตือนพวกเราว่าต่อจากนั้นไปอย่าได้เอ่ยชื่อนั้นในบ้านตระกูลฉินอีก”
“ใครที่เอ่ยขึ้นมา แกจะไม่ปล่อยคนนั้นไป”
“ทำไม?”
ท่านปู่มองเขาไปนิ่งๆ “เย่เชียนจิ่วเอ่ยขึ้นมา ปล่อยไปอย่างนี้?”
ฉินหลิงยี่ก้มหน้าลง ไม่พูดอะไร
“ชอบเขาก็ไปจีบ วันๆเอาแต่ผลักดันเธอไปให้น้องชายของแก ขี้ขลาดเสียจริง”
“ไม่ได้ชอบ”
ฉินหลิงยี่หลับตาลง ฝืนยิ้มที่ขมขื่นออกมา “เธอเด็กกว่าผมสิบปี แล้วยังเป็นลูกสาวของเพื่อนร่วมรบของผมอีก”
“ถึงแม้ว่าผมจะ…ก็ไม่อาจแตะต้องเธอได้”
ท่านปู่เบ้ปากออกมา “ประสาท!”
……
“หลังจากที่ฉินโม่หานคบกับเธอ มองออกได้เลยว่าเขามีความสุขมาก”
ภายในรถเฟอร์รารี่สีแดง
เย่เชียนจิ่วขับรถไปพลาง มองไปทางข้างหน้านิ่งๆไปพลาง “ฉันยังนึกอยู่เลยว่าฉินโม่หานจะเฝ้าอยู่กับเฉินเชี่ยนที่ได้ตายไปแล้ว เฝ้าชั่วชีวิตเสียแล้ว”
ซูสือเยว่นั่งอยู่บนที่นั่งข้างๆคนขับ มองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่จริงจัง “ฉันเองก็มีความสุขมากที่ได้เจอกับพวกเขาเหมือนกัน”
“อืม พี่สามคงจะมีความสุขมากเหมือนกันที่ได้เจอกับเธอ”
“เพราะถึงยังไงบนโลกนี้ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับเฉินเชี่ยน มันก็มีไม่เยอะ”
ซูสือเยว่หรี่ตาพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันเหมือนกับเธอมาก?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เย่เชียนจิ่วยกริมฝีปากขึ้น “ถ้าไม่เหมือนล่ะก็ ฉินโม่หานจะเอาเธอมาเป็นตัวแทนเธอได้ยังไงกันล่ะ?”
คำพูดของหญิงสาวแต่ละคำมันเหมือนกับกำลังหยั่งเชิงขีดจำกัดที่ซูสือเยว่จะยอมรับได้
เธอยิ้มออกมาอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา “งั้นเฉินเชี่ยนก็คงจะสวยมากเหมือนกันสินะ”
“ถ้าฉันอาศัยใบหน้านี้เพื่อได้รับทุกอย่างทั้งหมดในตอนนี้มา ฉันเองก็ดีใจมาก”
พูดไปแล้ว เธอมองสำรวจเย่เชียนจิ่วอย่างละเอียดไปเงียบๆ “เพราะถึงยังไงไม่ใช่ว่าใครจะสามารถมีหน้าตาหมือนกับเฉินเชี่ยนได้ เธอว่าถูกมั้ย?”
สีหน้าของเย่เชียนจิ่วดูย่ำแย่ออกมาเล็กน้อย
นังผู้หญิงคนนี้…
เธอกำลังเยาะเย้ยเย่เชียนจิ่วว่าเธอแม้แต่สิทธิที่จะได้เป็นตัวแทนก็ยังไม่มี!
นังแพศยา!
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เย่เชียนจิ่วก็ได้ข่มกลั้นไฟโกรธในอกเอาไว้ เอ่ยออกไปอย่างเย็นชา “ปกติแล้วไม่เห็นเธอจะมาหาท่านปู่ ทำไมวันนี้ถึงได้มาเอาใจกันถึงขนาดนี้กัน?”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้งานยุ่งตลอดเลย ตอนนี้งานที่กองก็ค่อนข้างที่จะว่างเลย ก็เลยมาเสริมความสัมพันธ์กับเขาสักหน่อย”
“เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นญาติผู้ใหญ่มั้ยล่ะ”
เย่เชียนจิ่วแสยะริมฝีปากออกมาจางๆ “มันก็ใช่”
“เป็นตัวแทนน่ะ ก็ต้องทำเหมือนกันในทุกรายละเอียดสิ”
“เฉินเชี่ยนเมื่อตอนนั้นก็เป็นคนรักเด็กเคารพผู้ใหญ่ด้วยเหมือนกัน”
“ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วนั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่เธออยู่ตอนนี้ ก็คงจะเหมือนกับเธอ เอาใจพวกเด็กๆไปพลาง เอาใจท่านปู่ไปพลาง”
พูดจบ เธอก็เหมือนกับว่าจู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ”
“ซูสือเยว่ เธอยังไม่รู้ละมั้งว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของเฉินเชี่ยน”
“ฉันกับชิงโยว แล้วก็ยังมีฉินโม่หาน พวกเราไปเยี่ยมเฉินเชี่ยนด้วยกัน ทำไมเธอไม่ไปล่ะ?”
ซูสือเยว่แสร้งทำเป็นเงยหน้าขึ้นไปด้วยความตกใจ “ฉินโม่หานเขา…ไปฉลองวันเกิดให้เฉินเชี่ยน?”
“ใช่สิ”
เย่เชียนจิ่วยิ้มเย็นออกมา “เธอไม่มีทางจะไม่รู้หรอกใช่มั้ย?”
“มันก็ถูก”
“สำหรับฉินโม่หานแล้ว เธอมันก็แค่ตัวแทนก็เท่านั้น เธอรู้วันเกิดของเฉินเชี่ยนหรือไม่ อันที่จริงก็ไม่ได้สำคัญ เขารู้ก็พอแล้ว”
พูดจบ เธอก็ยังสังเกตดูปฏิกิริยาของซูสือเยว่ผ่านทางกระจกมองหลังด้วยรอยยิ้มกริ่มไปด้วย “เมื่อวานระหว่างทางพวกเราก็ได้บังเอิญเจอกับนักข่าว ถ้าเธอเปิดดูข่าวล่ะก็ คงจะเห็นมัน”
คำพูดนี้ของเธอ ชัดเจนแล้วว่ากลัวว่าซูสือเยว่จะไม่เห็นข่าวเมื่อวาน สงสัยความจริงเท็จในคำพูดของเธอ
แต่เธอไม่พูดมันก็แล้วไป พอพูดอย่างนี้แล้ว มันก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับออกมาต่อหน้าซูสือเยว่ว่าข่าวที่รายงานออกมาเมื่อวานนั้นเป็นแผนที่พวกเธอจงใจวางเอาไว้
“อย่างนี้สินะ”
ซูสือเยว่ก้มหน้าลงไปอย่างให้ความร่วมมืออย่างดี พร้อมกับไม่พูดอะไรออกไป
เย่เชียนจิ่วยิ่งได้ใจมากขึ้น
เธอเริ่มทำการเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับเฉินเชี่ยนไปอย่างไม่รู้จบขึ้นมา แน่นอนอยู่แล้วว่า หลายอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธอพูดเหลวไหลออกมาทั้งนั้น
ซูสือเยว่ฟังไปพลาง ใช้โทรศัพท์บันทึกคำพูดทั้งหมดเอาไว้พลาง
“เฉินเชี่ยนเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”
สุดท้าย เย่เชียนจิ่วก็โม้เรื่องหน้าตาของเฉินเชี่ยนออกมา
เฉินเชี่ยนพยักหน้าออกมา “มิน่าล่ะซิงหยุนกับซิงเฉินถึงได้หน้าตาดีอย่างนั้น ที่แท้ก็เหมือนเฉินเชี่ยนนี่เอง”
เธอไม่รู้ว่าคำพูดของเย่เชียนจิ่วมันจะจริงหรือเท็จ
ถ้าเป็นความจริง…
อย่างนั้นแล้วเฉินเชี่ยนก็คงหน้าตาเหมือนกับเธอมากเลยจริงๆ
เพราะถึงยังไงซิงหยุนกับซิงเฉินมองไปจากบางมุมแล้ว เหมือนกับซูสือเยว่ฉบับย่อส่วนที่เป็นเพศตรงข้ามเลย
บางครั้ง เธอก็สงสัยจริงๆเลยว่าเด็กน้อยทั้งสองคนจะใช่ลูกที่เธอคลอดออกมาหรือเปล่า?