ภายในใจของหยางชิงโยวร้องเตือนออกมาทันที!
เธอเบิกตากว้างจ้องมองซูสือเยว่ไป “จะเป็นไปได้ยังไง!”
“เฉินเชี่ยนเป็นเพื่อนของฉันกับเย่เชียนจิ่ว!”
ซูสือเยว่แสยะริมฝีปากออกมาจางๆ “เธอเป็นเพื่อนของพวกเธอ ทำไมเธอในสายตาของพวกเธอแล้วมันถึงได้ไม่เหมือนกันล่ะ?”
หยางชิงโยวไม่อาจตอบกลับออกไปได้
เธอย่นคิ้วมองซูสือเยว่ที่อยู่ตรงหน้าไป
ในเมื่อผู้หญิงคนนี้พูดมาอย่างนี้แล้ว…
เธอรู้อะไรมาหรือเปล่า?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารู้อะไรมา ทำไมจู่ๆเธอถึงได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เอ่ยถึงว่าเฉินเชี่ยนไม่มีอยู่จริงขึ้นมาได้?
แต่ถ้าเธอรู้ความจริง…
เธอจะต้องไม่มีทางจะมีปฏิกิริยาอย่างนี้แน่!
เธอคงจะ…แค่กำลังหยั่งเชิงอยู่
คิดถึงตรงนี้แล้ว หยางชิงโยวก็สูดหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้สงบลง “เฉินเชี่ยนนั้นเป็นคนที่มีนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยคนนึง”
“ในสายตาของแต่ละคนเธอจะดูไม่เหมือนกัน”
พูดจบ หยางชิงโยวก็ลุกขึ้นยืน “ฉันว่าเธอเองก็ใช่ว่าจะเลี้ยงข้าวพวกเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
“ฉันทำใจให้ชินกับอาหารและความสกปรกของที่นี่ไม่ไหว”
“ฉันขอตัว”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นสาวเท้าก้าวใหญ่ๆเดินออกไปทันที
“เฮ้…”
เหลียงหยูซินย่นคิ้วออกมา เตรียมจะเข้าไปขวาง แต่ซูสือเยว่ก็ได้โบกมือห้ามเอาไว้ “ปล่อยเธอไปเถอะ”
พูดจบ เธอก็มองเงาร่างที่เดินออกไปของหญิงสาวไปเงียบๆ แล้วก็ได้จมอยู่ในความคิด
ท่าทีของหยางชิงโยว อันที่จริงมันก็เป็นที่ยืนยันได้พอประมาณนึงแล้วว่าสิ่งที่เธอคาดเดาอยู่นั้นมันถูกต้อง
ที่จริงแล้วเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่การคาดเดาที่ซูสือเยว่คิดขึ้นมาได้เองด้วยเช่นกัน
ช่วงที่พักระหว่างถ่ายทำในช่วงบ่าย เธอกับฟู๋เชียนเชียนได้คุยกันอยู่สักพักถึงเรื่องเกี่ยวกับเฉินเชี่ยน
“เธอบอกว่าเธอกับเฉินเชี่ยนคนนั้นใบตรวจทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นหมายเลขต่อกันทั้งนั้น การตรวจทั้งหมดก็ทำมาด้วยกันทั้งหมด?”
ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ทางปลายสายหลังจากที่ตกอยู่ในความเงียบไปได้สักพักก็ได้ตอบเธอกลับมาว่า
“สือเยว่ เธอว่าเฉินเชี่ยนคนนั้นมีโอกาสที่จะเหมือนกับเธอหรือเปล่า?”
การคาดเดานี้ของฟู๋เชียนเชียน ทำให้ซูสือเยว่เงียบไป
ต่อจากนั้นฟู๋เชียนเชียนก็เริ่มส่งข้อความมาหาเธออีกครั้ง
“ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งคิดว่ามันก็เป็นไปได้อยู่นะ”
“สือเยว่ เธอคิดดูสิว่าทำไมเฉินเชี่ยนคนนี้เป็นคนที่พันคนคิดไม่เหมือนกันเลยสักคน มันก็พิสูจน์แล้วว่าหลายคนต่างก็พูดกันออกมาโดยที่คิดกันเอาไว้ว่าเธอจะต้องเป็นอย่างนี้”
“มีคนเคยบอกฉันว่าพวกเขาจะบอกว่ามีคนคนนี้ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดมา ก็เลยเกิดสถานการณ์จำพวกนี้ออกมา ในบทละครสืบสวนที่ฉันถ่ายอยู่ช่วงนี้ก็มีฉากแบบนี้”
“มันมีความน่าจะเป็นสูงมากที่เธอจะถูกเย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวจ้างมา”
“ฉันเดาว่าคงจะเป็นหนึ่งในพวกหล่อนสองคนที่อยากจะคลอดลูกของฉินโม่หานเพื่อแต่งเข้าบ้านคนรวย”
“แต่ในภายหลังไม่ระวังแล้วหลุดอะไรออกมา ทั้งไม่กล้าฆ่าลูกของฉินโม่หานให้ตาย และทั้งไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้มาแต่งเข้าบ้านคนรวยแทนพวกหล่อนด้วย ก็เลยจำต้องย้ายเฉินเชี่ยนคนนี้ขึ้นมาอยู่ด้านหน้า บอกว่าเป็นเพื่อนของพวกหล่อนไง แล้วก็ก้าวพลาดไป”
“แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ทั้งหมดมันก็เป็นการคาดเดาของฉัน”
การคาดเดาเหล่านี้ของฟู๋เชียนเชียน ทำให้ซูสือเยว่มีเรื่องให้คิดไปตลอดทั้งช่วงบ่าย
ดังนั้นแล้วเธอก็เลยเพิ่งจะมาคิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน แล้วก็ใช้คำพูดแบบนั้นมาหยั่งเชิงดู
แต่ผลก็คือ…สีหน้าและท่าทางของหยางชิงโยว มันได้ทรยศเธอออกมาแล้ว
ซูสือเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยกมือขึ้นมานวดตรงกลางหน้าผากอยู่เงียบๆ
บางทีเรื่องทั้งหมดมันก็อาจจะเหมือนอย่างที่ฟู๋เชียนเชียนคาดเดาออกมา
คนที่คลอดซิงหยุนกับซิงเฉินที่เรียกกันว่าเฉินเชี่ยนคนนั้น คงจะยังไม่ตาย
ในเพลิงไหม้ขนาดใหญ่นั้น คนที่ฉินโม่หานเห็น คนที่ไม่ได้ช่วยออกมา บางทีก็อาจจะเป็นเฉินเชี่ยน
เฉินเชี่ยนนั้น…
สุดท้ายตายหรือว่าแอบมีชีวิตอยู่อีกส่วนหนึ่งของโลก?
ข้อสงสัยเหล่านี้ เหมือนกับกลุ่มหมอกหนากำลังปกคลุมอยู่บนหัวของซูสือเยว่
เธอกุมหัวตัวเอง ไม่ว่าจะยังไงก็นึกข้อพิสูจน์ที่จะมายืนยันว่าเฉินเชี่ยนมีอยู่หรือว่าไม่มีอยู่จริงไม่ออกเลย
“เธอเหมือนจะเครียดมากเลย?”
ทันใดนั้นเอง ข้างหูก็ได้ยินเสียงของเหลียงหยูซินดังขึ้นมา
ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นมา
เหลียงหยูซินที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเธอหยิบหลอดขึ้นมาเสียบเข้าไปในขวดน้ำนมถั่วลิสง
เธอถือน้ำนมถั่วลิสง ดื่มไปพลางนั่งไขว่ห้างไปพลาง “เฉินเชี่ยนที่พวกเธอคุยกันเป็นใคร?”
ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ “เป็นเพื่อนเก่าคนนึง”
“พอแล้ว เลิกเครียดได้แล้ว”
เหลียงหยูซินยักไหล่ออกมา “ชวนฉันออกมากินข้าวครั้งแรก ช่วยอย่ามาก้มหน้าหมดอาลัยตายอยากอยู่อย่างนี้ได้หรือเปล่า?”
“ฉันจะบอกเรื่องที่เธอสนใจกับเธอหน่อยเอามั้ย”
ซูสือเยว่ย่นคิ้ว รับน้ำนมถั่วลิสงอีกขวดนึงที่เธอส่งมาให้ “อะไร”
“เรื่องที่เธอให้ฉันสืบ เรื่องที่โรงพยาบาลจิตเวชนั่น พอจะมีความคืบหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว”
เธอดูดเครื่องดื่มไปอย่างแรง เอ่ยเสียงเบาออกมา “ลูกพี่ลูกน้องของหยางชิงโยว ตอนที่รับช่วงต่อโรงพยาบาลจิตเวชมาเมื่อตอนนั้น จริงๆมีผู้ป่วยที่ไม่ได้ป่วยอยู่บางส่วน ได้ถูกจับเข้าไปทำเป็นเหมือนป่วยทางจิต”
เหลียงหยูซินหาวออกมา “คนนั้นที่ฉันไปหาก็ยังเคยพูดเลยว่ามีผู้หญิงคนนึงที่น่าอนาถที่สุดเลย”
“เพิ่งจะถูกช่วยออกมาจากในกองเพลิง พอรอดพ้นจากอันตราย ก็ถูกฉีดยาระงับประสาท ไม่ให้เธอขยับ แล้วยังล้างความทรงจำของเธอไปด้วย”
เหลียงหยูซินพูดไปพลางถอนหายใจออกมาพลาง “เธอว่าคนพวกนี้มันไร้คุณธรรมกันขนาดไหน”
“คนดีๆ จะต้องฉีดยาระงับประสาทและยาจำพวกทางประสาทต่างๆนานาเพื่อให้คนเขาต้องเสียความทรงจำไป”
“โหดร้ายไร้มนุษยธรรมมากเลย”
ซูสือเยว่นิ่งค้างไปทันที
เธอมองเหลียงหยูซินนิ่ง รู้สึกว่าเสียงของตัวเองมันอยู่ไกลออกไปมาก “เธอว่า…มีผู้หญิงคนหนึ่งเผชิญกับไฟไหม้…ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลจิตเวช…ล้างความทรงจำ?”
เหลียงหยูซินพยักหน้าออกมา “ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน”
“ฉันถามเพิ่มอีกสองสามประโยค แต่พวกเขาก็ไม่พูดกัน บอกแค่เรื่องพวกนี้กับฉันมา”
“ขอบคุณเธอนะ!”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากออกมาด้วยความประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขอบคุณเหลียงหยูซินออกไป “ขอบคุณ!”
เธอเพิ่งจะกำลังสงสัยอยู่เลยว่าหลังจากไฟไหม้เฉินเชี่ยนนี้ไปอยู่ที่ไหนกันแน่ เหลียงหยูซินได้มอบข้อมูลสำคัญอย่างหนึ่งมาให้เธอ!
อีกทั้ง เฉินเชี่ยนกับเธอก็เข้าโรงพยาบาลจิตเวชแห่งเดียวกันด้วย ทั้งสองคนต่างก็สูญเสียความทรงจำกันทั้งคู่
ซูสือเยว่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเธอกับเฉินเชี่ยนคงจะเหมือนอย่างที่ฟู๋เชียนเชียนพูดมาจริงๆ
น่าเสียดายที่ในภายหลังเธอกับเฉินเชี่ยนต่างก็เสียความทรงจำด้วยกันทั้งคู่
พวกเธอเองก็ไม่เจอกันด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ถ้าไม่ได้เสียความทรงจำล่ะก็…บางทีเธอกับเฉินเชี่ยนก็อาจจะได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันก็ไม่แน่เหมือนกัน
“ในเมื่อรู้สึกขอบคุณฉันขนาดนี้แล้ว…”
เหลียงหยูซินมองซูสือเยว่ไปด้วยท่าทางแปลกๆ “สู้ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“อืม ได้!”
หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากเหลียงหยูซินมา ซูสือเยว่ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ กวักมือเรียกเถ้าแก่เจ้าของร้านมา “เสิร์ฟอาหาร เสิร์ฟเหล้าให้พวกเรา!”
ถึงแม้ว่าจะยังมีหลายข้อสงสัยที่ยังไม่คลี่คลาย แต่สิ่งที่ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยอีกแล้วก็คือสิ่งที่เธอได้มาวันนี้เยอะมากแล้ว
ไม่เพียงแต่จะคลี่คลายความลับของเฉินเชี่ยนคนนั้น ยังรู้อีกว่าระหว่างเฉินเชี่ยนกับเธอจริงๆก็ยังมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันอยู่
ในเมื่อเป็นอย่างนี้…
อย่างนั้นก็ขอเพียงแค่เธอรื้อฟื้นความทรงจำกลับมาก็จะสามารถหาเฉินเชี่ยนเจอได้แล้วใช่มั้ย?
แล้วก็จะสามารถตามหาแม่แท้ๆให้กับซิงหยุนกับซิงเฉินเจอได้แล้ว แล้วก็เพื่อให้ฉินโม่หานได้เจอผู้หญิงที่เขารู้สึกผิดมาโดยตลอดคนนั้นเจอ?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ยกขวดเบียร์ที่อยู่ข้างๆขึ้นมา แล้วกระดกเข้าไปทันที
“เฮ้!”
เหลียงหยูซินช็อกตกใจออกมา “ซูสือเยว่ อาการหลังดื่มเธอมันแย่มาก เธออย่าดื่มอย่างนี้เลย!”
“ฉันมีความสุข!”
ซูสือเยว่ยิ้มให้กับเธอ ยกขวดเบียร์ขึ้นมา แล้วก็เริ่มดื่มไปอีกครั้ง
เหลียงหยูซิน “…”
ตอนที่เริ่ม เธอยังเป็นกังวลแทนซูสือเยว่สุดๆอยู่เลย
แต่ในภายหลัง พบว่าซูสือเยว่นั้นอารมณ์ดีจริงๆ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายไปด้วย
หญิงสาวทั้งสองคนดื่มเหล้ากันจนเมามายอยู่ที่ตรงร้านอาหารข้างทาง แต่กลับไม่ได้ตระหนักเลยว่าด้านหลังนั้น อันตรายมันกำลังเยื้องกรายเข้ามาเงียบๆ..