“สาวสวยทั้งสอง ดื่มเหล้ากันเองอยู่อย่างนี้มันน่าเบื่อจะตายไป ไม่สู้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?”
ในตอนที่ซูสือเยว่กับเหลียงหยูซินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำกันอยู่นั้นเอง น้ำเสียงแทะโลมเสียงหนึ่งก็ได้ดังเข้ามา
จากนั้นก็ได้ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
“ลูกพี่จะเอาสาวสวยทั้งสองคนนี้ไปหมดเลยเหรอ? ไม่สู้แบ่งให้ฉันสักคนไม่ดีกว่าเหรอ?”
ชายที่ถูกเรียกว่าลูกพี่คนนั้นหัวเราะออกมา “ทั้งสองคนนี้ฉันไม่พอหรอก ของนุ่มนิ่มอะไรอย่างนี้ บิดาเล่นไปคืนเดียวก็ได้ทำให้พวกหล่อนร่างพังกันไปหมดแน่!”
เสียงของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังทำให้ภายในใจของเหลียงหยูซินเกิดการเตือนภัยขึ้นมาล่วงหน้า
เธอถึงกับไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไป
ได้ยินเสียงฝีเท้าพวกนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เธอกัดริมฝีปากออกมา แทบจะยื่นมือออกไปผลักไหล่ของซูสือเยว่ไปตามสัญชาตญาณทันที
หญิงสาวกดเสียงให้เบาลง “โทรหาฉินโม่หานเลย”
“ซูสือเยว่ โทรหาฉินโม่หานเลย!”
เธอเข้าใจดี เสียงฝีเท้าด้านหลังมีอยู่ประมาณห้าหกคน
อีกอย่างก็ยังเป็นผู้ชายร่างแกร่งห้าหกคน
เหลียงหยูซินเลิกสายตาขึ้นมองไปรอบๆ
คนขายของข้างถนนก็ดี คนที่กินอยู่ตรงร้านอาหารข้างถนนด้วยกันเองก็ดี ทุกคนต่างพากันเบือนหน้ากันออกไป แสดงท่าทีที่มีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อยกันออกมา
เหลียงหยูซินกัดริมฝีปากออกมา “ซูสือเยว่!”
แต่ซูสือเยว่ที่อยู่ตรงหน้า ได้เมาจนไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลย
เธอฟุบหลับลงไปกับโต๊ะไปด้วยอาการเมามาย เลิกสายตาขึ้นมามองเหลียงหยูซินไปด้วยสายตาที่งงงวย พร้อมกับพูดเสียงดังออกไป “ทำไมเธอถึงเอาแต่ให้ฉันเรียกสามีฉันมาไม่หยุดเลย!”
“ฉันอยู่ที่ตรงนี้ไม่ได้เลยหรือไง!”
เสียงของหญิงสาวทำให้เสียงฝีเท้าของคนหลายคนที่อยู่ด้านหลังได้เร็วขึ้นมา
เหลียงหยูซินกัดริมฝีปากออกมาอย่างจนปัญญา
เธอได้ชี้ไปทางด้านหลังทันที พร้อมกับพูดออกไปเบาๆว่า “ซูสือเยว่ มีคนเลว!”
“คนเลว?”
ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นมา มองด้านหลังเหลียงหยูซินไปด้วยอาการเมามาย
ตรงด้านหลังไม่ไกลออกไปจากเธอนั้น มีผู้ชายประมาณสี่ห้าคนยืนอยู่
ผู้ชายพวกนี้ แต่ละคนต่างก็รูปร่างกำยำกันทั้งนั้น ทั้งยังประดับไปด้วยรอยสัก
ลูกพี่ใหญ่ที่เดินนำมาไว้หนวดไว้เครา กล้ามเนื้อปูดโปนดูดุดัน สีหน้าที่แสดงออกมาดูโหดเหี้ยมอย่างมาก
เห็นซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นมา ผู้ชายกลุ่มนั้นหัวเราะเฮฮากันขึ้นมา “สาวสวยคนนี้เงยหน้าขึ้นมาแล้ว ดูคุ้นหน้าคุ้นตาจังเลยนะเนี่ย”
ในห้าคนนั้นมีคนร่างผอมคนหนึ่งหัวเราะออกมา “นี่ไม่ใช่ว่าเป็นดาราเบอร์เล็กๆในข่าวเมื่อก่อนหน้านี้หรอกเหรอ?”
“ไม่เพียงแต่หน้าตาจะสวยแล้ว สามีของเธอก็รวยมากด้วยเหมือนกัน!”
“ว่ากันว่าเป็นคนที่สวยที่สุดในเมืองหรง ฉินโม่หาน!”
เหลียงหยูซินนิ่งอึ้งไป รีบลุกยืนขึ้นมาทันที พยักหน้าออกมารัวๆ “ใช่ๆๆ!”
“สามีของเธอมีรวยมาก!”
“ไม่อย่างนั้นแล้วพวกพี่ชายทั้งหลาย…พวกพี่ให้พวกเราโทรหาสามีของเธอ ให้สามีของเธอเอาเงินมาให้พวกพี่ชายสักหน่อย?”
“เธอคิดว่าพวกเราเป็นคนโลภงั้นเหรอ?”
ลูกพี่ที่ไว้หนวดไว้เคราที่นำมาคนนั้นหัวเราะเสียงดังออกมา “มีเงินพวกเราก็ต้องอยากได้อยู่แล้ว”
“แต่คืนนี้พวกเธอทั้งสองคนก็หนีไปไหนไม่รอดหรอก!”
เขาลูบหนวดเครา สายตามองสำรวจขึ้นลง มองใบหน้าและตรงหน้าอกของซูสือเยว่ไปด้วยสายตาที่บ้ากาม “พวกเราเล่นกันพอแล้ว ค่อยให้สามีของเธอเอาเงินมาไถ่ตัวมันก็ได้ไม่ใช่หรือไง?”
“สาวน้อย มีเวลามาคิดลูกไม้พรรค์นี้ ไม่สู้ลองคิดให้ดีๆว่าจะปรนนิบัติพวกพี่ชายให้ดีๆกันยังไง!”
เหลียงหยูซินกุมขอบโต๊ะเอาไว้ ใบหน้าซีดเผือดออกมาทันที
เธอก็รู้อยู่หรอก…
อันธพาลนั้นไร้เหตุผล
ทำยังไงดี?
ในบ้านป่าตอนนี้ มันก็ดึกมากแล้ว
คนที่อยู่รอบข้างแสดงท่าทีที่ว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตน เธอไม่อาจคาดหวังให้พวกเขามาช่วยได้
แต่ที่นี่มันตั้งอยู่ในที่ห่างไกลลับตาคน ในชั่วเวลาสั้นๆก็ไม่มีใครเข้ามาอีก…
เธอกัดริมฝีปากออกมา ทันใดนั้นเองก็ได้นึกเสียใจภายหลังขึ้นมาที่ได้มากินดื่มกับซูสือเยว่อยู่ที่นี่
พวกเธอควรจะออกไปทันทีที่หยางชิงโยวเดินออกไป!
มันคงไม่ถึงกับตอนนี้หรอก…
เธอมองดูซูสือเยว่ไปอีกที
หญิงสาวได้ยืนทรงตัวไม่อยู่แล้ว
มือทั้งสองข้างของเธอก็ได้กุมโต๊ะแน่น กว่าจะทรงตัวไม่ให้ล้มลงไป
เหลียงหยูซินสูดหายใจเข้าลึกๆ
“พวกนายเอาฉันไปเถอะ”
แขนทั้งสองข้างอ้าออก เหลียงหยูซินเข้ามาบังข้างหน้าซูสือเยว่เอาไว้ “เธอมีสามี ฉันไม่มี”
“ถ้าพวกนายแตะต้องเธอ สามีของเธอไม่มีทางปล่อยพวกนายไปแน่”
“แต่ฉันไม่เหมือนกัน ฉันมันตัวคนเดียว”
ใบหน้าเล็กของเธอซีดออกมา เล็บมือได้ฝังลึกอยู่ในฝ่ามือ “พวกนายพาฉันไป ฉันจะปรนนิบัติพวกนายเอง”
“เก็บเธอเอาไว้ รอให้สามีของเธอเอาเงินมาไถ่ตัวเธอ”
“พวกนายทั้งได้ทำสิ่งที่อยากทำ และทั้งยังได้เงินอีก ได้ผลดีไปทั้งสองฝ่าย”
พี่ชายคนนั้นยิ้มออกมาจางๆ เดินเข้ามาเชิดคางของเหลียงหยูซินขึ้นมา “สาวน้อย พูดไปมันก็น่าฟังอยู่หรอก เธอเป็นเพื่อนสนิทกับเธอ ถ้าพวกเขาไม่แตะต้องเธอ แล้วเธอไปออดอ้อนสามีของเธอ สามีของเธอก็จะไม่มีทางปล่อยพวกเราไปเหมือนเดิมไม่ใช่หรือไง?”
“ถ้าผลลัพธ์ออกมาอย่างนี้ แล้วทำไมพวกเราถึงจะต้องเสี่ยงเลือกอย่างนี้ด้วยล่ะ? ไปมันด้วยกัน ไม่ใช่ว่ามันจะดีกว่าหรือไง?”
ไหวพริบของลูกพี่ใหญ่คนนี้ ทำให้เหลียงหยูซินรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาเล็กน้อย
เธอนั้น…ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงดี
เรี่ยวแรงของผู้หญิงทั้งสองคนมันรับมือไม่ไหวหรอก
ที่นี่มันห่างไกลลับตาคนขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะแจ้งความไป กว่าตำรวจจะมา เรื่องทั้งหมดมันก็คงจะจบลงไปแล้ว…
“ท่าทีของเธอหลังจากดื่มเหล้ามันแย่มากเลย”
เหลียงหยูซินยังคงคิดที่จะพยายามอีกเป็นครั้งสุดท้าย “ฉันเคยเห็นอาการหลังจากดื่มเหล้าของเธอมาก่อน”
“เธอเมาแล้วแม้แต่สามีก็ยังไม่รู้จัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแบบนี้หรอก”
“เธอไม่มีทางจะจำได้หรอก”
ในตอนที่เหลียงหยูซินกำลังชี้แจงอยู่นั้นเอง มือของลูกพี่คนนั้นก็ได้เข้ามาลูบลงบนใบหน้าของเหลียงหยูซิน
เหลียงหยูซินก็ได้หลบไปโดยสัญชาตญาณ
“เพี้ยะ—!”
ลูกพี่ใหญ่คนนั้นฟาดฝ่ามือลงมาด้วยความไม่สบอารมณ์
เหลียงหยูซินถูกตบไปจนหน้าหัน
ในระหว่างที่เบลอๆอยู่นั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงของลูกพี่ใหญ่คนนั้น “ยัยผู้หญิงน่าตาย ไม่ใช่บอกว่าจะปล่อยให้เล่นหรือไง? แตะนิดแตะหน่อยก็ไม่ยอมเลยสักอย่าง?”
เหลียงหยูซินถอยหลังไปก้าวนึง กุมมือของซูสือเยว่เอาไว้พร้อมเอ่ยออกไปเสียงเบา “พวกเราหนีกันเถอะ”
ซูสือเยว่ที่กำลังเมามายอยู่นั้นก็ได้หัวเราะออกมา “ทำไมต้องหนีด้วย”
“เมื่อกี้เขาเพิ่งจะตบเธอไป”
หญิงสาวดึงเสื้อคลุมออกไปอย่างโซเซ พร้อมกับกำปั้นออกมา “ฉันช่วยเธอต่อยกลับเลยเป็นไง?”
เหลียงหยูซินนิ่งอึ้งออกมา รีบคว้าแขนเสื้อเธอเอาไว้ทันที “ซูสือเยว่ เธอเมาแล้ว!”
“ฉันไม่ได้เมา”
หญิงสาวมองผู้ชายคนตรงหน้าไปด้วยรอยยิ้ม “เหลียงหยูซินเป็นเพื่อนของฉัน”
“คิดจะแตะต้องเธอ ก็ลองถามฉันก่อน”
ผู้ชายกลุ่มนั้นขมวดคิ้วกันออกมา หลังจากที่แลกเปลี่ยนสายตากันแล้ว ก็ได้พุ่งกันเข้ามาพร้อมกัน
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาจางๆ ถึงแม้ว่าจะเมา การเคลื่อนไหวจะช้าไปบ้าง แต่การจัดการกับคนพวกนี้มันเหลือเฟือ
ทักษะของเธอไม่มีใครรู้กันมาก่อน ในวันธรรมดาก็เป็นเพียงแค่สตั้นแมนที่ต่ำต้อย จึงไม่มีใครได้รู้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้วเธอนั้นเป็นทายาทของเจี่ยนเฉิง
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเมาแล้ว แต่นักเลงพวกนี้ สุดท้ายแล้วมันก็แค่พวกที่เรี่ยวแรงเยอะกว่าคนธรรมดาไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
เหลียงหยูซินมองไปอย่างอึ้งๆ
คนที่อยู่รอบๆต่างก็มองกันมาอย่างอึ้งๆ
สุดท้าย หลังจากที่ซูสือเยว่ได้ต่อยลูกพี่ใหญ่ที่หยาบคายคนนั้นล้มลงไปแล้วก็ได้กลับมายืนอย่างสง่างาม มือข้างหนึ่งได้วางลงบนบ่าของเหลียงหยูซิน โอบร่างของเหลียงหยูซินเอาไว้แล้วผันร่างเดินออกไป “ฮิๆ ดูเท่มากเลยใช่มั้ยล่ะ?”
เหลียงหยูซินช็อกตกใจจนพูดไม่ออกอยู่นาน
“เท่…”
“ซูสือเยว่ เธอมันเท่มากเลย”
…นี่มันเป็นความสามารถของสตั้นแมนที่ทำหน้าที่มาหลายปีงั้นเหรอ?
…ก่อนหน้านี้เธอไม่ควรดูถูกสตั้นแมนเลยจริงๆ
เธอนึกว่าสตั้นแมนจะเป็นเพียงแค่ดีแต่เท่านั้น
นึกไม่ถึงว่าซูสือเยว่จะเคยฝึกมาก่อนจริงๆ…
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนนึกไม่ถึงเลยก็คือ ทันทีที่ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินมาได้ไม่ไกล ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราที่อยู่ข้างหลังก็ได้ลุกยืนขึ้นมาอีกครั้ง
ในครั้งนี้ เขาไม่เพียงแต่จะพาลูกน้องหลายคนนั้นมา แต่ยังโทรศัพท์เรียกนักเลงอันธพาลทุกคนที่อยู่แถวนั้นมาด้วย
กลุ่มคนที่ดูดำทะมึนได้โอบล้อมรอบเหลียงหยูซินกับซูสือเยว่เอาไว้
“กล้าต่อยฉัน?”
ชายที่มีหนวดเคราปรกหน้าได้หัวเราะเสียงเย็นพร้อมกับเดินเข้ามา แล้วก็ได้ฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าของซูสือเยว่ไปทันที
แต่มือเพิ่งจะฟาดลงไปได้ครึ่งทาง ก็ได้ถูกคนจับกุมข้อมือเอาไว้
“คุณเฉิน”
เสียงเยือกเย็นกดต่ำลงของชายหนุ่มได้ดังขึ้นมานิ่งๆ “คิดจะทำร้ายผู้หญิงของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“มันจะเป็นการไม่ไว้หน้าฉันฉินโม่หานคนนี้เกินไปหรือเปล่า?”