ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมา จับแขนที่ซูสือเยว่โอบเขาเอาไว้ทันที “เป็นอะไร?”
“คุณอย่าโทษฉัน…”
เธอกัดริมฝีปากออกมา ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองเขาไปด้วยดวงตาปรือๆ “ฉันอยากช่วยคุณตามหาเธอ…”
“ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็…ฉันก็หวังว่าซิงหยุนกับซิงเฉินจะสามารถมีแม่แท้ๆของตัวเองได้…”
“เพราะสุดท้ายยังไงฉัน…ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆของพวกเขา”
เธอหลับตาลง เสียงฟังดูไม่ชัดเจนเพราะว่าเมา แต่ก็สามารถฟังความหมายที่เธอต้องการจะพูดออกมาได้
“อย่างน้อยก็อยากให้เธอมาดูซิงหยุนกับซิงเฉินสักหน่อยว่าพวกเขาน่ารักกันขนาดไหน…”
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงจะต้องไป ทำไมไม่ตายแต่ก็ยังไม่กลับมาหาพวกคุณ…”
“แล้วฉันก็อยากรู้ว่า…”
หญิงสาวหลับตาลง “หลักฐานมากมายได้แสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าฉันคงจะท้องช่วงเดียวกับเธอ และคลอดลูกในช่วงเวลาเดียวกัน”
“เธอจะต้องรู้จักฉันแน่ และฉันก็จะต้องรู้จักกับเธอ!”
“ฉันอยากเจอเธอ…อยากถามเธอดูว่าตอนที่ฉันท้อง…ลูกของฉันนั้นเป็นยังไง”
“แล้วฉันก็ยังอยากจะรู้อีกว่า…”
หญิงสาวพูดไป เสียงก็ค่อยๆแผ่วลงไปเรื่อยๆ
“ฉันยังอยากรู้อีกว่าลูกของฉันสรุปแล้วตายไปแล้วจริงๆใช่หรือเปล่า…”
“ฉันสงสัยว่าลูกของฉันยังไม่ตาย…”
“ถ้าเขาตายไปแล้วจริงๆ ทำไมพวกเขาถึงต้องลบความทรงจำของฉันไป ทำไมต้องทำให้ฉันกลายเป็นคนบ้า…”
สุดท้าย เสียงของเธอก็ได้แฝงไปด้วยเสียงร้องไห้ออกมา “คุณมีลูกของตัวเอง…”
“ฉันก็อยากเจอลูกของฉันด้วยเหมือนกัน…”
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าหลังจากที่เจอเขาแล้วฉันจะทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้บ้าง…”
“ฉันคงจะไม่ได้ยินเขาเรียกฉันว่าแม่เลยสักคำ”
“แต่ว่า…ขอเพียงแค่มีความหวัง ฉันก็อยากจะหา…”
“แม่แท้ๆของฉันเป็นแม่ที่ไม่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง พ่อบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ บอกว่าถ้าวันหนึ่งฉันอยากเจอเธอ สามารถเอาหยกไปหาได้…”
“แต่ฉันไม่อยากเจอเธอเลยสักนิด และก็ไม่แคร์หยกชิ้นนั้นด้วย…ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่จะทิ้งเอาไว้นานขนาดนั้นแล้วก็ไม่ไปหาด้วยหรอก…”
“เพราะว่าหลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นฉัน หรือว่าซูโม่เอง เธอก็ไม่เคยหามาก่อนเลย เธอไม่ได้ตามหาลูกสาวของตัวเองเลย…”
น้ำตาของซูสือเยว่ไหลพรากลงมา “พ่อบอกว่าแม่ไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นคนที่สุดยอดมาก…”
“แต่ว่าในเมื่อเธอสุดยอดมาก งั้นถ้าเธออยากตามหาฉันแล้วล่ะก็ จะต้องหาเจออยู่แล้วมั้ยล่ะ…”
“เธอก็แค่ไม่อยากหาฉันก็เท่านั้น…”
“ฉันไม่อาจจะเหมือนกับเธอได้…ถึงแม้ว่าจะไม่เจอ ฉันก็อยากจะพยายามหาดูสักครั้ง…”
พูดไปแล้ว เธอเลิกตาขึ้นมองเขาไปด้วยดวงตาบวมแดง “คุณเข้าใจฉันได้หรือเปล่า?”
“เพื่อซิงหยุนกับซิงเฉิน และก็เพื่อตัวฉันเองด้วยเช่นกัน…ฉันอยากเจอเฉินเชี่ยน..”
ฉินโม่หานกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนแน่น
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เขาก็ได้ทอดถอนหายใจออกมา พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบไล้ลงไปบนใบหน้าของเธอไปเบาๆ เพื่อที่จะปาดเช็ดน้ำตาตรงขอบตาให้กับเธอ “อาการเมาของคุณดีขึ้นแล้ว”
ทุกครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ที่เธอเมา ก็มักจะไม่มีสติอยู่เสมอ
แต่ตอนนี้เธอกลับสามารถพูดออกมาได้มากมายอย่างจริงจัง มีสติครบถ้วนสมบูรณ์ได้
“ฉัน…”
ซูสือเยว่เลิกตาขึ้นมา มองเขาพร้อมยิ้มออกมาด้วยความเมามาย
หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักหนึ่ง เธอก็ได้โน้มตัวเข้ามา ประกบจูบลงไปบนริมฝีปากของเขา “เหลียงหยูซินให้ฉันกินยาแก้เมาแล้ว”
เพราะว่าอยู่ในวงการบันเทิงมาค่อนข้างนาน เหลียงหยูซินรู้มาโดยตลอดว่าการดื่มเหล้าในบางโอกาสมันก็ปฏิเสธไม่ได้
ดังนั้นแล้วที่ตัวของเหลียงหยูซินก็จะพกยาแก้เมาเอาไว้กับตัว เมื่อกี้นี้หลังจากที่ซูสือเยว่ต่อยคนพวกนั้นหนีออกไปครั้งแรก ก็ได้ยัดเข้าปากเธอมาสองเม็ด
คำพูดของหญิงสาวทำให้ดวงตาของฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะหรี่ลงเล็กน้อย “งั้นตั้งแต่ที่ผมไปหาคุณจนถึงตอนนี้ คุณก็มีสติ?”
“ไม่ค่อยจะมีสติเท่าไหร่”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมาอย่างเขินอายเล็กน้อย “ยังมึนๆอยู่บ้างนิดหน่อย…”
พูดจบ เธอก็โอบรอบลำคอของฉินโม่หานไปอีกครั้ง กัดลงไปบนใบหน้าของเขาไปทีนึง “แต่ฉันก็ยังมีสติดีอยู่”
“ยัยตัวร้าย”
ชายหนุ่มเชิดกรามล่างเธอขึ้นมา กัดลงไปที่คางของเธอเบาๆ “แสร้งทำเป็นเมา ให้ผมดูแลคุณเหรอครับ หืม?”
“ผมนึกว่าคุณเมาจริงๆ อุ้มคุณขึ้นมาข้างบนป้อนน้ำช่วยคุณอาบน้ำ…”
“อืม ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้เห็นฉันเป็นตัวแทน”
ซูสือเยว่หลบออกจากเขา ซบเข้าไปในอ้อมแขนของเขาไปด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นแล้วก็เลย…”
หญิงสาวหน้าแดงออกมา “ฉันยิ่งคิดว่าฉันควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อคุณ และเพื่อเด็กทั้งสองคน”
“วันนี้ทั้งวัน ฉันฟังเย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวพูดอยู่นานว่าฉันเป็นตัวแทนของเฉินเชี่ยน”
“แต่ฉันไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย”
เธอยกมือขึ้นมา วางลงไปบนตำแหน่งหน้าอกของเขา “ฉันรู้ว่าตรงนี้ของคุณ ฉันไม่ใช่ตัวแทนใคร”
คนอื่นจะพูดออกมามากแค่ไหน มันก็ไม่สู้ความคิดจริงๆของเขาได้เลย
อีกทั้ง…
เมื่อวานที่ห้องทำงานของเขา เธอแสดงออกไปว่าจะไปตามหาเฉินเชี่ยนกับพวกเย่เชียนจิ่ว
แต่เขากลับกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ และได้ต่อต้านอย่างสุดกำลัง
หลังจากที่พวกเขาทะเลาะกัน เธอขุ่นเคืองใจเลยกลับไปหาซิงหยุน และก็ได้วางแผนร่วมกันกับซิงหยุน
ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะทะเลาะกับเธอ ทำสงครามเย็นกับเธอ
แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นห่วงเธออยู่ตลอด
คนของเขาติดตามเธออยู่ เธอก็รู้มาโดยตลอด
อีกอย่าง…
เขาทิ้งงานที่บริษัท แล้วก็มาที่ร้านแผงลอยข้างทางเพื่อมาปกป้องเธอด้วยตัวเอง แล้วก็ยังอุ้มเธอในตอนที่เมาอยู่มาที่โรงแรม ทำทุกสิ่งอย่างให้กับเธอ
นี่มันจะไม่น่าเชื่อถือไปกว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของเย่เชียนจิ่วกับหยางชิงโยวอีกหรือไง?
คิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ซูสือเยว่ผ่อนลมหายใจออกมา “วันนี้ฉันได้กำไรแล้ว”
ฉินโม่หานก้มลงมองเธอ “อะไร?”
“ลูกพี่ลูกน้องของหยางชิงโยวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวช”
“เหลียงหยูซินช่วยฉันสืบมา มีผู้หญิงคนหนึ่งเคยถูกไฟไหม้ แล้วถูกส่งไปลบความทรงจำที่โรงพยาบาลจิตเวช”
พูดไป เธอก็ได้เงยหน้าขึ้นมา แววตาใสได้สบเข้ากับเขา “ฉันคิดว่าผู้หญิงที่เคยถูกไฟไหม้มาคนนี้…ก็คือเฉินเชี่ยน”
คิ้วของฉินโม่หานย่นขึ้นมาแน่น
“ไปตอนนี้หรือว่าจะไปพรุ่งนี้?”
ซูสือเยว่นิ่งอึ้งไป “อะไรคะ?”
“ไปหาลูกพี่ลูกน้องของหยางชิงโยวตอนนี้ หรือว่าจะไปหาพรุ่งนี้?”
ซูสือเยว่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นในดวงตาก็ได้ปรากฏความรู้สึกยินดีออกมา “สามี คุณยอมช่วยฉันตรวจสอบด้วยกันแล้ว?”
“ไม่งั้นล่ะ?”
เขายกมือขึ้นมา หยิกจมูกเธอไปเบาๆ “พูดกับผมมาตั้งมากมาย ผมจะไม่ช่วยเลยหรือไง?”
“คุณเป็นภรรยาของผม ผมไม่ตามใจคุณ แล้วจะให้ใครมาตามใจ?”
คำพูดของชายหนุ่มทุ้มต่ำนิ่มนวล น้ำเสียงฟังดูเคร่งขรึมจริงจัง
ใบหน้าของซูสือเยว่ได้แดงออกมาด้วยความผิดหวังทันที
หญิงสาวกัดริมฝีปากออกมา พร้อมกับเอ่ยออกไปอย่างอ้ำๆอึ้งๆ “ขอบคุณ…”
“กับผมจะมาขอบคุณอะไรกันอีก?”
เขาผ่อนลมหายใจออกมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังไป๋ลั่ว “สืบเรื่องผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชคนปัจจุบันมาสักหน่อย”
“หลังจากที่เจอแล้วก็คอยตรวจส่องเอาไว้ให้ฉันด้วย”
“พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะไปเจอหล่อน”
พูดจบ ชายหนุ่มก็วางสายไป
ซูสือเยว่เลิกตาขึ้นมอง “ไปพรุ่งนี้เช้า?”
“อืม”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอไปเบาๆ “จะตรวจสอบมันก็ต้องใช้เวลา ไป๋ลั่วเองก็ไม่ได้เป็นเทพ”
“เดิมทีคืนนี้พวกเขาก็ไปไม่ไหวกันอยู่แล้ว”
“คุณก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนให้ดีก่อน พรุ่งนี้ตื่นมาพวกเราก็ไปหาหล่อนกัน”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา พร้อมกับพยักหน้าออกไปอย่างว่าง่าย
ก็คง…พรุ่งนี้ก็คงสามารถถามอะไรออกไปได้ล่ะมั้ง?