ลูกสาวของซูสือเยว่?
ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมา
เขาหันหน้าไปมองหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างซิงหยุนกับซิงเฉิน กดเสียงพูดออกไปเบาๆ “เธอคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?”
“พี่สาม ทำไมพี่ถึงจะต้องระแวงฉันขนาดนั้นด้วย?”
เย่เชียนจิ่วแสยะริมฝีปากออกมาจางๆ “พี่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเมื่อตอนนั้นซูสือเยว่เคยมีลูกมาก่อน”
“พวกพี่สามีภรรยาความสัมพันธ์ดีขนาดนั้น พี่ก็ควรจะทำอะไรเพื่อเธอสักหน่อย ใช่มั้ยล่ะ?”
“หรือว่าพี่จะไม่อยากรู้ว่าลูกของซูสือเยว่เมื่อตอนนั้นสรุปแล้วอยู่ที่ไหนกันแน่?”
ฉินโม่หานเงียบไปสักพัก “เธออยู่ที่ไหน?”
“ฉันอยู่ที่ร้านกาแฟใจกลางเมือง ร้านที่เมื่อก่อนเราเคยไปกินด้วยกัน”
ได้รับคำตอบจากฉินโม่หาน เย่เชียนจิ่วก็ได้ยิ้มสวยออกมา “ฉันจะรอพี่นะคะ ไม่เจอไม่แยก!”
ฉินโม่หานย่นคิ้วแน่นออกมา แล้ววางสายไป
วางโทรศัพท์ลง เขามองไปยังสามคนแม่ลูกที่อยู่ไกลออกไปนิ่งๆ “ที่บริษัทมีเรื่องด่วน ผมขอตัวไปก่อน”
“อืม!”
ซูสือเยว่โบกมือให้เขาออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ระหว่างทางให้ไป๋ลั่วซื้อนมให้คุณสักหน่อย คุณเพิ่งกินไปเท่าไหร่เอง”
บนใบหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่มได้มีรอยยิ้มออกมาจางๆเพราะคำพูดนี้ของเธอ
“ผมทราบแล้ว”
พูดจบ เขาก็ยังมองเธอไปด้วยรอยยิ้มจางๆ “คุณก็กินเยอะๆหน่อย”
“มันเลี่ยนพอแล้ว”
ซิงเฉินเท้าคางลงบนโต๊ะทานข้าว พูดพึมพำออกมาด้วยความทนไม่ไหว “ต่อจากนี้ไปมันจะเป็นเรื่องปกติในบ้านเราหรือเปล่า”
“เหมือนว่าจะต้องรีบๆโต หาแฟนสักคนมาโชว์ความรักให้อิจฉาด้วย”
ซิงหยุนมองเขาไปนิ่งๆ “ยังมีอีกสิบสามปี ใกล้แล้ว”
ซิงเฉินฟุบลงไปบนโต๊ะอย่างเซื่องซึม “ฉันเพิ่งจะห้าขวบเอง”
“สิบสามปี ยังอีกนานเลยนะ…”
“งั้นก็หัดอดทนเอาไว้ซะ”
ซูสือเยว่ยกมือขึ้นมาเขกลงไปบนหัวของเด็กน้อยไปเบาๆ “วันทั้งวันเอาแต่คิดเรื่องไร้สาระพวกนี้”
ซิงเฉินเบะปาก พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
“ผมไปก่อนนะ”
เห็นภาพสามแม่ลูกกลมกลืนกัน ฉินโม่หานก็ยกยิ้มออกมาจางๆ ก้าวเท้าเดินออกไป
“แด๊ดดี้บอกไม่ใช่เหรอว่างานของวันนี้ทำเสร็จหมดแล้ว?”
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไป ซิงหยุนก็วางชามกับตะเกียบลง ขมวดคิ้วถามออกมา
ซิงเฉินยักไหล่ออกมาเล็กน้อย “บางทีอาจจะเป็นงานที่มากะทันหันก็ได้ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เขาคงไม่ได้อ้างว่าไปทำงานแล้วแอบไปเจอผู้หญิงคนอื่นหรอกมั้ง?”
“แด๊ดดี้ของหนูไม่ใช่คนอย่างนั้น”
ซูสือเยว่เหยียดตามองเขาไปแวบนึง แล้วหันไปกินข้าวต่อ
ซิงหยุนกับซิงเฉินก็ได้หันไปสบตากันด้วยความพอใจ
ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่ทั้งสองคนนี้ ในที่สุดก็รู้จักรักกันและกันแล้ว!
น่ายินดีจริงๆ!
……
ตอนที่ฉินโม่หานมาถึงร้านกาแฟ เย่เชียนจิ่วกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใช้ช้อนเล็กๆคนกาแฟที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“พี่สาม”
เห็นเขามาแล้ว หญิงสาวก็รีบลุกขึ้นยืนทันที พร้อมกับฉีกยิ้มสดใสออกมา “พี่มาแล้ว!”
“อืม”
ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมาจางๆ นั่งลงไปบนเก้าอี้ตรงหน้าเธอไปด้วยความเย็นชา เว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคน
“พี่สาม พี่มาเจอฉันได้ฉันดีใจจริงๆเลย”
เย่เชียนจิ่วดันแก้วกาแฟไปตรงหน้าฉินโม่หานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “รสที่พี่ชอบ”
ฉินโม่หานก้มลงมองกาแฟแก้วนั้นไปแวบนึง แสดงความต้องการที่ไม่อยากจะแตะต้อง “พูดมาเถอะ”
“ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลาอยู่กับเธอ”
เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำเยือกเย็นไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของเย่เชียนจิ่วได้หยุดนิ่งไปเล็กน้อย
หลังจากที่ได้ผ่านไปสักพัก เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ “พี่สาม ระหว่างพี่กับฉันมันจะต้องพูดกันมาตรงๆขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลาอยู่กับเธอ”
ฉินโม่หานก้มลงมองนาฬิกาข้อมือไปนิ่งๆ “ฉันจะให้เวลาเธอแค่สิบนาที”
เย่เชียนจิ่วคอยเอาอกเอาใจไปแต่มันก็ไร้ประโยชน์
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ได้เอาหนังสือผลการชันสูตรที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาวางลงบนโต๊ะไปทันที
“พี่สาม ในเมื่อพี่ยุ่งมาก ฉันขอสรุปสั้นๆเลยแล้วกัน”
“พี่ยังจำจี้หนานเฟิงได้หรือเปล่า?”
“นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมที่มีข่าวฉาวกับซูสือเยว่ในเน็ตอยู่เสมอคนนั้น”
“เขามีลูกสาวคนนึง ชื่อว่าจี้ซิงกวง”
“ต่อภายนอกนั้น เขาได้บอกว่าจี้ซิงกวงเป็นลูกสาวบุญธรรมของเขา แต่ที่จริงแล้ว จี้ซิงกวงเป็นลูกสาวแท้ๆของเขา”
เธอพูดไปพลางส่งผลการตรวจDNAชุดนั้นไปให้ฉินโม่หาน “ตอนที่เห็นจี้ซิงกวงครั้งแรก ฉันก็คิดว่าเธอหน้าตาเหมือนกับซูสือเยว่มากเลย”
“แล้วก็บวกกับเรื่องที่ซูสือเยว่เคยมีลูกให้กับคนอื่นด้วย ฉันก็เลยให้คนทำการตรวจDNAมา”
“พี่ดูสิ ผลการตรวจปรากฏว่าจี้ซิงกวงคนนี้…ก็คือลูกสาวของซูสือเยว่”
ฉินโม่หานรับผลการตรวจชุดนั้นมา
นี่เป็นสำเนาหนังสือผลการตรวจแผ่นหนึ่ง
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นฉบับสำเนา เขาสามารถมองออกได้จากสำนวนการใช้ภาษาที่เข้มงวด และเครื่องหมายป้องกันการปลอมแปลง ว่าเอกสารผลการตรวจชุดนี้เป็นของจริง
ผลของการตรวจตรงช่วงสุดท้ายของหนังสือ ความเป็นไปได้ที่ตัวอย่างAกับตัวอย่างBจะมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน เป็น99.99%。
ดังนั้นแล้ว จี้ซิงกวง…ก็คือลูกสาวของซูสือเยว่
ริมฝีปากของชายหนุ่มเม้มแน่น ไม่พูดอะไรออกไป
เห็นท่าทางของเขาแล้ว เย่เชียนจิ่วก็รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องเชื่อผลการตรวจชุดนี้
ดังนั้นแล้วเธอก็ยกยิ้มมุมปากออกมาอย่างเสียไม่ได้ ในน้ำเสียงได้ประดับไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นออกมา “เมื่อก่อนหน้าฉันยังเคยดูการรายงานข่าวในเน็ตเขาบอกว่าจี้หนานเฟิงคนนี้ชอบซูสือเยว่มาโดยตลอดน่ะ”
“แต่ใครจะคิดล่ะ…”
“ที่แท้ซูสือเยว่ก็คือแม่ของลูกจี้หนานเฟิง”
“พวกเขานั้นเป็นครอบครัวเดียวกันน่ะ…”
นิ้วมือที่กำใบตรวจอยู่ของฉินโม่หานก็เริ่มซีดออกมา
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เขาเลิกดวงตาที่มองไม่เห็นก้นลึกและทั้งเยือกเย็นคู่นั้นขึ้นมา มองใบหน้าเย่เชียนจิ่วไปด้วยความเย็นชา “ใครว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน?”
“ซูสือเยว่เป็นภรรยาของฉัน”
เย่เชียนจิ่วช็อกไปกับสายตาที่จริงจังและเย็นชาของเขาจนแทบจะพูดไม่ออก
ตอนที่ผู้ชายคนนี้โกรธนั้น บรรยากาศโดยรอบมันก็ได้ทำให้รู้สึกกดดันขึ้นมา!
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดสวนต่อไปอย่างกล้าหาญ “พ่อแม่กับลูกสาว ไม่ใช่สามคนครอบครัวเดียวกันเหรอคะ?”
“ซูสือเยว่เป็นแม่แท้ๆของจี้ซิงกวง จี้หนานเฟิงเป็นพ่อแท้ๆของจี้ซิงกวง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ!”
“พี่…พี่สาม ฉันรู้ว่าตอนนี้พี่ยากที่จะยอมรับความจริงข้อนี้”
“แต่พี่เองก็มีลูกชายสองคนด้วยเหมือนกัน หรือว่าพี่จะทนดูพวกเขาครอบครัวเดียวกันไม่อาจจะมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เหรอคะ?”
ฉินโม่หานหรี่ตาลงเล็กน้อย
ผ่านได้สักพักใหญ่ๆ เขาก็ได้เอนร่างไปข้างหลัง ดวงตาคู่นั้นเหล่มองผู้หญิงตรงหน้าไปด้วยความหยิ่งเย็นชาประหนึ่งราชาออกมา “ใครบอกว่าจี้ซิงกวงเป็นลูกสาวของจี้หนานเฟิง?”
เย่เชียนจิ่วชะงักไป
“จี้ซิงกวงเดิมทีก็เป็นลูกสาวของจี้หนานเฟิงอยู่แล้ว!”
“จี้หนานเฟิงเป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม อยู่ในวงการมีแฟนคลับสาวอยู่มากมาย แม้แต่แฟนก็ไม่อาจจะเปิดเผยออกสู่สาธารณะซี้ซั้วได้ จะไปประกาศว่าตัวเองมีลูกสาวแท้ๆได้ยังไงกันล่ะ?”
“เขาก็เลยบอกว่าจี้ซิงกวงเป็นลูกสาวบุญธรรมของเขา เพื่อตบตาคนเท่านั้นเอง!”
“พี่สาม ฉันไม่ได้โกหกพี่นะ จี้ซิงกวงเธอเป็นลูกสาวของซูสือเยว่กับจี้หนานเฟิง!”
“งั้นเหรอ?”
เห็นท่าทางการอธิบายออกมาร้อนรนของเย่เชียนจิ่วแล้ว ฉินโม่หานก็แสยะริมฝีปากออกมาจางๆ “เธอเคยทำการตรวจมาก่อน?”
“ในเมื่อรู้จักใช้ใบผลตรวจDNAมายืนยันความสัมพันธ์ของซูสือเยว่กับจี้ซิงกวงให้กับจี้ซิงกับฉันแล้ว ทำไมไม่ใช้ผลการตรวจDNAมายืนยันความสัมพันธ์ระหว่างจี้หนานเฟิงกับจี้ซิงกวงมาให้ฉันด้วยสักหน่อยล่ะ?”
เย่เชียนจิ่วนิ่วอึ้งไป พูดไม่ออกเลยสักคำ
“อันที่จริง”
ฉินโม่หานโน้มตัวลงไปอย่างสง่างาม มือทั้งสองข้างค้ำลงบนโต๊ะ “จี้ซิงกวงเป็นลูกสาวของซูสือเยว่กับฉัน”