คำพูดของชายหนุ่มทำให้มุมปากของซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะแย้มขึ้น
ท่ามกลางแสงแดดยามเย็น เธอลืมตาขึ้นและมองไปยังชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างแน่วแน่
เขาเท่ สมาร์ต หล่อเหลา
มันเป็นเจ้าชายในจินตนาการที่เธอเคยฝันถึง
ทุกอย่างที่เขาทำก็คือเรื่องราวโรแมนติกที่เธอเคยจินตนาการ
ไม่สิ ทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเธอ มันไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เธอเคยจินตนาการด้วยซ้ำ
เธอจ้องมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำด้วยเสียงหวานย้อยว่า “เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“แน่นอนครับ”
ชายหนุ่มขำออกมาเบาๆ เดินเข้ามา ดึงร่างอันเรียวบางของเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของเขาทันที
หน้าอกที่ร้อนรุ่มของฉินโม่หานแผดเผาอยู่ตรงแก้มของซูสือเยว่
เขากอดเธอไว้แน่น “กลัวคุณจะคิดฟุ้งซ่าน กลัวคุณจะใจร้อน จนให้โอกาสผู้ชายคนอื่นไป”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มแฝงด้วยความรู้สึกที่รักใคร่
ซูสือเยว่เม้มปาก ยกมือขึ้นไปคล้องเอวที่แข็งแรงของเขาเอาไว้ “ต่อให้ฟุ้งซ่านแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางให้โอกาสผู้ชายคนอื่นแน่นอนค่ะ”
“พูดจริงเหรอครับ?”
เขายกมือขึ้นมา สัมผัสใบหน้าของเธอ ลูบเบาๆ “แล้วทำไมถึงให้คนอื่นถือกระเป๋าเดินทางให้ แล้วยังให้คนอื่นพักอยู่ตรงข้ามคุณอีกล่ะครับ?”
“ก็แค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นค่ะ”
เธอหัวเราะเบาๆ “แล้วคุณล่ะ จะโกหกฉันว่าไปที่บริษัททำไม แล้วแอบไปพบกับเย่เชียนจิ่วอย่างลับๆ?”
พูดจบ เธอก็มองเขาอย่างจริงจัง “ฉันเองก็ค่อนข้างสงสัยอยู่เหมือนกัน ตกลงพวกคุณพูดอะไรกัน ถึงทำให้เธอโกรธขนาดนั้นได้?”
ฉินโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย
คำรับรอง DNA ที่ซูสือเยว่กับจี้ซิงกวงเป็นแม่ลูกกันจริงๆนั้นยังอยู่ที่ไฟล์เอกสารในห้องทำงานของเขาอยู่เลย
เขาหลับตาลงและถอนหายใจออกมาเบา ๆ “รอคุณถ่ายที่นี่เสร็จก่อน ผมค่อยบอกคุณครับ”
เธออยากหาลูกของเธอให้เจอมาโดยตลอด
ถ้าเธอรู้ว่าซิงกวงเป็นลูกสาวของเธอละก็ เห็นทีผู้หญิงตัวเล็กคนนี้จะทิ้งกองแล้วรีบกลับไปในคืนนี้แน่นอน
ดังนั้น รอจนกว่าเธอจะถ่ายทำเสร็จก่อนค่อยบอกแล้วกัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เด็กน้อยซิงกวงก็ยังคงเล่นกับซิงหยุนซิงเฉินอยู่ที่วิลล่าของตระกูลฉิน
เวลาที่แม่ลูกจะได้รู้จักกัน ก็ไม่น่าจะเกินอาทิตย์
“ก็ได้ค่ะ”
ฉินโม่หานไม่ต้องการพูด ซูสือเยว่ก็ไม่ได้บังคับเขาต่อ
หญิงสาวหายใจเข้าลึก ๆ และยื่นแขนออกไปกอดเอวของฉินโม่หานไว้แน่นอีกครั้ง “ที่รักคะ”
“ว่าไงครับ?”
“ฉันรู้สึกเซอร์ไพรส์มากเลย ที่คุณมาหาฉันได้”
ที่จริงแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้มาหาเธอ เธอก็ไม่คิดว่าเขาเป็นคนเลวอยู่แล้ว
ยังไงซะ การถ่ายซีรี่ย์ก็คืองานของเธอ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะละทิ้งงานของตัวเองแล้วมาอยู่กับเธอเลย
แต่เขาก็มา…
ความสุขแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้
ทั้งเซอร์ไพรส์ ทั้งอบอุ่นและอ่อนหวาน
สายลมในชนบทพัดผ่านใบไม้ในป่าจนเกิดเสียงซู่ซ่า
คนสองคนกอดกันอยู่แบบนี้ มองจากระยะไกลก็ราวกับเป็นภาพวาดภาพหนึ่ง
บนเนินเขาที่ไกลออกไป หยางชิงโยวได้ยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว
หลังผ่านไปเนิ่นนาน เธอก็ถ่ายรูปไปหนึ่งใบอย่างไม่ชอบใจ แล้วส่งมันให้เย่เชียนจิ่ว
“มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลย”
เย่เชียนจิ่วที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ โกรธมากหลังจากได้รับรูปถ่ายนั่น!
เธอใช้ความพยายามอย่างเพื่อให้ฉินโม่หานได้รู้ว่าลูกสาวบุญธรรมของซูสือเยว่กับจี้หนานเฟิงนั้นเป็นแม่ลูกกันจริงๆแล้วให้นักข่าวแอบถ่ายจนกลายเป็นข่าวที่ใหญ่โตแบบนั้น
สุดท้าย……สุดท้ายสองคนนั้นก็ยังกอดกันอย่างรักใคร่ได้อย่างในวันนี้อีก!?
“นี่คือผลจากการที่คุณใจร้อนเกินไป”
หยางชิงโยวหรี่ตาลง กดปุ่มข้อความเสียงและพูดกับเย่เชียนจิ่วอย่างเย็นชาว่า “ตอนแรก ใบรับรองDNAของจี้ซิงกวงกับซูสือเยว่นั้นจะเป็นไพ่ตายในมือของเรา”
“แต่คุณกลับทิ้งไพ่ใบนั้นไปอย่างโง่เขลา”
เย่เชียนจิ่วกัดฟันแน่น “ชิงโยว แล้วตอนนี้ควรทำยังไงต่อดี?”
“คุณจะช่วยฉัน…”
“ฉันจะไม่ช่วยคุณอีกแล้ว”
หัวเราะขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ถ้ายังทำงานกับคนโง่อย่างคุณต่อไป ฉันเกรงว่าไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะตายในน้ำมือพี่สองฉินของคุณ เหมือนกับลูกผู้พี่ของฉัน”
หลังจากพูดจบ เธอก็ยังไม่ลืมที่จะเยาะเย้ยไปคำหนึ่งว่า “อ้อจริงด้วย เย่เชียนจิ่ว พี่สองฉินเขาชอบคุณมากไม่ใช่เหรอ?”
“หรือว่า คุณจะหยุดดิ้นรนแล้วแต่งงานกับพี่สองฉินซะ เขาฉลาดพอที่จะปกป้องคนที่ปัญญาอ่อนอย่างคุณได้นะคะ”
หลังจากจบประโยคสุดท้ายจบ หยางชิงโยวก็บล็อกช่องทางการติดต่อของเย่เชียนเยว่และลบรายชื่อออกทันที
เย่เชียนจิ่วที่อยู่อีกฟากของสายโกรธจนเหวี่ยงมือถือไปกระแทกกำแพงอย่างแรง!
หยางชิงโยว!
ตกลงกันแล้วว่าจัดการกับซูสือเยว่ด้วยกัน จะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน!
เธอได้ฉินโม่หานมาครอง แล้วจี้หนานเฟิงก็จะตกเป็นของหยางชิงโยว!
มาตอนนี้กลับมาล้มเลิกกลางทาง!
มือของหญิงสาวกำจนแน่น
ต่อให้ไม่มีการช่วยเหลือของหยางชิงโยว เธอก็สามารถจัดการกับซูสือเยว่ได้เช่นกัน!
เธอต้องการพิสูจน์ให้หยางชิงโยวเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นคนไร้ค่า และไม่ได้ปัญญาอ่อนด้วย
ไม่มีเธอ เย่เชียนจิ่วคนนี้ก็สามารถทำสำเร็จได้เหมือนกัน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาเบอร์โทร
“ทีมงานของ”ความทรงจำที่ขาดหาย” ได้ออกไปถ่ายทำนอกสถานที่แล้ว คุณพอจะรู้จักคนในทีมงานนั้นบ้างมั้ยคะ? ช่วยแนะนำให้ฉันหน่อย”
……
ซูสือเยว่กับฉินโม่หานอยู่กันจนฟ้ามืดกว่าจะกลับไปที่บ้านเตี้ย
ตอนที่พวกเขากลับไป ทางทีมงานก็จัดอาหารเรียบร้อยแล้ว
เหลียงหยูซินกลัวว่าในสถานที่แร้นแค้นแบบนี้จะมีคนที่ไม่หวังดี เธอจึงเฝ้าอยู่หน้าประตูของซูสือเยว่ตลอด ช่วยซูสือเยว่เฝ้าข้าวกล่องนั้นเอาไว้
เมื่อเห็นซูสือเยว่กลับมา เธอที่อยากจะบ่นสักสองสามคำ ก็เห็นชายร่างสูงใหญ่ที่อยู่ด้านหลังซูสือเยว่
เธออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น “ไม่แปลกใจเลยที่กินเสร็จแล้วเธอยังไม่กลับ ที่แท้ก็ไปโรแมนติกอยู่กับสามีของเธออยู่นี่เอง”
พูดจบ เธอก็เหลือบมองข้าวกล่องที่อยู่ตรงหน้า “ดูเหมือนว่าฉันจะช่วยเธอเฝ้ามันไว้อย่างเปล่าประโยชน์แล้วสิ”
“ก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์นะ”
ซูสือเยว่หัวเราะเบาๆแล้วยกตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กในมือขึ้นมา “เธอมีบุญแล้ว”
“เราเดินไปทั่วหมู่บ้าน และขอซื้อผักสดกับเนื้อสัตว์มาจากชาวบ้าน ตั้งใจว่าจะกลับมาทำอาหารชั้นเลิศซะหน่อย”
เหลียงหยูซินเลิกคิ้วขึ้น “หมายความว่าฉันเองก็มีส่วนใช่มั้ย?”
“แน่นอน”
เหลียงหยูซินยิ้มจนตาหนี “ฉันขอยืมห้องครัวจากเจ้าของบ้านแล้ว เธอจะไปช่วยฉันที่ห้องครัวหรืออยู่พูดคุยกับสามีฉันอยู่ที่นี่สักพัก?”
เหลียงหยูซินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจหันไปจ้องตากับฉินโม่หาน”ฉันทำอาหารไม่เป็น…… “
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
ซูสือเยว่หัวเราะเบาๆ หันหลังแล้วไปยังห้องครัวพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็ก
ที่ประตูห้องครัว ลูกสาวตัวน้อยของเจ้าของบ้านกำลังมองไปที่ซูสือเยว่ด้วยดวงตาที่เป็นประกายแวววาว “คุณน้าคะ…”
“ถ้าทำเสร็จแล้ว แบ่งให้ถังถังหน่อยได้มั้ยคะ”
ดวงตาที่กะพริบปริบๆของเด็กสาว ทำให้หัวใจของซูสือเยว่อ่อนลงทันที
เธอยกมือขึ้นและลูบหัวของเด็กสาวเบาๆ “โอเค เธอรอก่อนนะ พอน้าทำเสร็จ เดี๋ยวน้าแบ่งให้กิน!”
“ขอบคุณค่ะคุณน้า!”
“ท่านชายฉิน”
ในที่ไกลๆ เหลียงหยูซินที่มองดูปฏิสัมพันธ์ของซูสือเยว่กับถังถัง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดแซวไปว่า “คุณเคยคิดที่จะมีลูกสาวกับสือเยว่สักคนมั้ยคะ?”
“ฉันคิดว่าบุคลิกที่อ่อนโยนแบบเธอ ควรมีลูกสาวเป็นเพื่อนสักคนนะ”
“ลูกสาวคนเดียวมันไม่พอ”
ฉินโม่หานหรี่ตาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ที่ริมฝีปาก “อย่างน้อย ต้องมีลูกสาวสักสองคน”
ซิงกวงก็นับเป็นหนึ่ง
ส่วนอีกคน…เขาก็กำลังพยายามอยู่