ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก จ้องเขม็งไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เธอลุกไม่ขึ้นแล้ว
ความเจ็บปวดที่วิ่งขึ้นมาจากขา บ่งบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บแล้วแน่นอน
ท่ากลางห่าฝน เธอใช้มือดันตัวเองให้ถอยหลังไปทีละก้าว “ฉันกับคุณเราไม่มีความแค้นต่อกัน……”
ชายคนนั้นยิ้มออกมา “ถูกต้อง คุณกับผมไม่มีความแค้นต่อกัน”
“แต่ว่ามีคนยอมจ่ายล้านหนึ่ง เพื่อแลกกับชีวิตคุณ”
เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ เล็งมีดมาทางเธอ แล้วฟันมันลงมาอย่างแรง
ซูสือเยว่หลับตาตามสัญชาตญาณ
เธอยอมรับว่าตัวเองนั่นเป็นคนที่ดวงแข็งมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะเจอกับอันตรายมากมายเพียงใดเธอก็สามารถผ่านมันมาได้หมด
แต่เธอไม่นึกเลยว่า สุดท้ายแล้ว ท่ามกลางสายฝน กลางถนนของชนบทที่ห่างไกล เธอต้องมาตายเพราะสาเหตุแบบนี้……
กลิ่นคาวเลือดโชยมา
แต่สัมผัสไม่ได้ถึงความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้เลย
เธอขมวดคิ้ว แล้วลืมตาขึ้น
ตรงหน้าคือมือใหญ่ๆ ของผู้ชายที่คุ้นเคย
มือของเขากำมีดเอาไว้แน่นๆ เลือดสดๆ ไหลออกมาจากแผล บางส่วนกระเด็นมาโดนหน้าซูสือเยว่ บางส่วนก็หยดลงพื้น
“รนหาที่ตาย!”
ชายชุดดำนั่นกัดฟัน ดึงมีดออกจากมือของซูสือเยว่ จากนั้นก็ฟันมันกลับมาอีกครั้ง
ในขณะที่เขายังไม่ทันได้เหวี่ยงแขนลงมา ฉินโม่หานก็เตะเขาจนลงไปนอนอยู่ที่พื้นแล้ว
เสียง “แคร็ง!” ดังขึ้น มีดในมือของชายหนุ่มก็หล่นลงพื้น
ฉินโม่หานเตะมีดที่หล่นพื้นออกไปไกลอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาอย่างกับคนบ้า
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว ยังอยากสู้กับเขาอยู่ แต่แผลที่มือนั้นลึกเกินไป ลึกจนแทบจะมองเห็นกระดูกแล้ว
ความเจ็บปวด การเสียเลือด ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นซีดเผือด
ซูสือเยว่จับขากางเกงของเขาไว้ด้วยความเป็นห่วง “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาหันกลับมา มองเธอแวบหนึ่งด้วยรอยยิ้มจางๆ “นานๆ จะมีโอกาสได้ปกป้องคุณสักที”
พูดจบ ชายหนุ่มก็กัดริมฝีปาก แล้วขวางชายคนนั้นที่กำลังจะเข้าไปเก็บมีด
ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก
สายฝน สายเลือด ดินโคลน ปะปนเข้าด้วยกัน
ซูสือเยว่นั่งร้องไห้อยู่กับที่ เธอลุกไม่ขึ้น และช่วยอะไรฉินโม่หานไม่ได้ ได้แต่นั่งมองเขาอยู่อย่างนี้
ความรู้สึกแบบนี้มันช่างทรมานเหลือเกิน
มองดูชายหนุ่มที่ปกติมักจะหลงตัวเองและเย็นชา ต้องมาต่อสู้กับชายอีกคนราวสัตว์ป่า หัวใจของซูสือเยว่ก็รู้สึกเจ็บเหมือนกับมันกำลังถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ
เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเอง เป็นเหมือนกับมือข้างที่บาดเจ็บของฉินโม่หานนั่นไม่มีผิด
ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นอยู่บนท้องฟ้า ไป๋ลั่ววิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
เขาพุ่งเข้าไป ร่วมมือกับฉินโม่หานกดชายคนนั้นไว้
“คุณครับ คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ?”
ไป๋ลั่วใช่เข่ากดชายชุดดำเอาไว้ เหลือบตาขึ้นมามองฉินโม่หานด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไร”
ฉินโม่หานสูดหายใจเข้าไปทีหนึ่ง เก็บมือที่บาดเจ็บข้างนั้นไว้ข้างตัว แล้วหันกลับไปมองซูสือเยว่ด้วยสายตาที่อบอุ่น “คุณยืนไหวมั้ยครับ?”
มองดูมือข้างที่เลือดไหลไม่ยอมหยุด ซูสือเยว่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ฉันยืนไม่ไหวค่ะ……”
“เดี๋ยวผมอุ้มคุณเองครับ”
เธอรีบส่ายหน้า “ไม่ค่ะ คุณบาดเจ็บอยู่……”
“แค่แผลเล็กๆ เองครับ”
เขามองเธออย่างอบอุ่นไปแวบหนึ่ง “อย่าคิดว่าผู้ชายของคุณจะอ่อนแอแบบนั้นสิครับ”
พูดจบ เขาก็นั่งลง แล้วใช้มืออีกข้างที่ไม่บาดเจ็บอุ้มซูสือเยว่ขึ้นมา
ด้วยความที่ในใจของซูสือเยว่กำลังเป็นห่วงเขา เธอจึงไม่ได้ขัดขืน
ในตอนแรก เธอเอาแต่กังวลว่าเขาจะทนไม่ไหว
แต่หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็อุ้มเธอเดินไปเป็นเวลานาน
หญิงสาวถึงเลิกกังวลได้สักที
ดูท่าเขาจะไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ
ฝนหยุดแล้ว
ไป่ลั่วคุมตัวชายชุดดำ ฉินโม่หานอุ้มซูสือเยว่
ทั้งสี่เดินมาไกลมาก จนในที่สุดก็เดินกลับมาถึงเกสเฮ้าส์ที่อยู่ในชุมชนเล็กๆ สักที
เลือดจากมือของฉินโม่หานไหลเป็นทางยาว
“สือเยว่!”
ทุกคนในกองถ่สยต่างก็รออยู่ตรงหน้าประตูของเกสเฮ้าส์
พอเห็นซูสือเยว่กลับมา เหลียงหยูซินก็รีบวิางเข้าไปหาทันที
ฉินโม่หานวางซูสือเยว่ลงจากอ้อมแขน
เมื่อสองขาลงถึงพื้น ซูสือเยว่ถึงรู้สึกได้ว่าเรื่องร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เหลียงหยูซินจับมือเธอไว้ด้วยความเป็นห่วง “เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่!”
“ต่อให้ออกไปตามหาถังถัง เธอก็ควรให้ทุกคนช่วยกันตามหาสิ ออกไปคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง?”
“ต่อให้เธอจะเก่งแค่ไปน ยังไงเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นนะ!”
คำพูดที่เป็นห่วงของเธอ ทำใจหัวใจของซูสือเยว่รู้สึกอบอุ่นมาก
เธอเม้มริมฝีปาก “ฉันคิดน้อยไปจริงๆ ……”
ตอนนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริงๆ พอรู้ว่าถังถังหายตัวไป เห็นท่าทางที่ร้อนรนของแม่ถังถัง เธออจึงไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรมากมาย ในหัวคิดอยู่แค่ว่าอยากให้ถังถังกลับมาให้เร็วที่สุด
“น้าซูคะ หนูขอโทษค่ะ……”
ท่ามกลางฝูงชน ถังถังที่อุ้มกระต่ายไว้เดินออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “หนูทำให้ทุกคนเป็นห่วง มีน้าชายคนหนึ่งบอกว่ากระต่ายของหนูน่ารักมาก เขาจะเอามันไปดิน หนูเลย……”
เด็กสาวน้ำตาคลอเบ้า หนูจึงอุ้มกระต่ายไปซ่อนไว้……
“หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะหายตัวไปจริงๆ นะคะ……”
คำพูดของถังถัง ทำให้ซูสือเยว่รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ที่แท้ทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น
“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว……”
“สือเยว่ ทำไมบนตัวเธอถึงมีเลือดเยอะขนาดนี้เนี่ย?”
ทันใดนั้นเอง เสียงของเหลียงหยูซินก็ทำให้ซูสือเยว่ตั้งสติได้
เลือดเหรอ?
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว เธอไม่มีแผลนี่……
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง
พริบตาที่เธอหันกลับไป ชายหนุ่มที่เสียเลือดไปจำนวนมากก็ล้มใส่บนตัวเธออย่างจัง……
การรักษาในชนบทนั้นมีข้อจำกัด แผลที่มือของฉินโม่หานนั้นลึกมาก แถมยังติดเชื้อจากดินโคลนอีก
หลังจากที่ตามหมอชาวบ้านแถวนั้นมาฆ่าเชื้อกับห้ามเลือดแล้ว ซูสือเยว่ก้บไป๋ลั่วก็ขับรถกลับไปที่เมืองหรงทันที
ตอนที่กำลังจะไป ผู้กำกับเฉิงที่น้ำตาคลอเบ้าก็ยืนส่งอยู่นอกรถ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ผู้กำกับเฉิง”
เธอมองหน้าผู้กำกับที่อยู่นอกรถด้วยความรู้สึกผิด “การถ่ายทำหลังจากนี้ฉันคงไม่เข้าร่วมแล้ว สามีของฉันเป็นแบบนี้……ฉันจำเป็นต้องดูแลเขาค่ะ”
ผู้กำกับเฉิงยื่นปาดน้ำตาด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม “ดูท่าซีรี่ย์เรื่องนี้ คงถ่ายไม่เสร็จแล้ว……”
“จี้หนานเฟิงเองก็กลับไปตั้งแต่เช้าแล้ว เขาบอกเขาอกหัก ยอมแพ้แล้ว อยากกลับบ้านไปทำใจก่อน……”
“ตอนนี้เธอก็ไปแล้ว……”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว เธอเพิ่งรู้ตัวว่า ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เธอยังไม่เคยได้เจอจี้หนานเฟิงเลยจริงๆ
ที่แท้เขาก็กลับไปแล้วนี่เอง……
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถ้าอย่างนั้นผู้กำกับคะ ฉันขออวยพรให้ซีรี่ย์เรื่องหน้าของคุณประสบความสำเร็จมากกว่าเดินนะคะ”
พูดจบ เธอก็เลื่อนกระจกรถขึ้น “ไป๋ลั่ว เราไปกันเถอะค่ะ”
รถถูกสตาร์ทขึ้น
เธอนั่งอยู่หลังรถ โดยกอดชายที่นอนอยู่บนตัวเธอไว้แน่นๆ
“คุณจะต้องไม่เป็นอะไรค่ะ”
“เดิมทีก็ไม่เป็นอะ……”
ชายหนุ่มที่ใบหน้าซีดเผือดยกมือขึ้นมากุมมือเธอไว้ “ผมแค่รู้สึกอ่อนเพลียนิดหน่อยเท่านั้น พักผ่อนสักพักก็หายดีแล้วครับ”
พูดจบ เขายังหันไปมองมือขวาที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเอง “เห็นที คงต้องให้คุณป้อนข้าวผมไปสักระยะแล้วล่ะครับ”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้หัวใจของซูสือเยว่ทั้งเปียกปอนทั้งอบอุ่น
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ “อย่าพูดว่าแค่สักระยะเลยค่ะ ต่อให้เป็นทั้งชีวิต……”
ฉินโม่หานขำออกมาเบาๆ “ไป๋ลั่ว อัดเสียง”
“คุณช่วยพูดอีกรอบ ตลอดชีวิตอะไรนะครับ?”
ซูสือเยว่ “……”
หลังผ่านไปพักใหญ่ เธอก็กลอกตาใส่เขาอย่างเหลืออด “บาดเจ็บอยู่แท้ๆ ยังจะมาเอาเปรียบฉันอีก”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย หลับตาลง “เย่เชียนจิ่วเป็นที่เป็นคนผู้ชายคนนั้นมา”
“ครั้งนี้ พี่รองก็ปกป้องเธอไม่ได้แล้ว”