สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 191 ยินดีต้อนรับคุณหนูใหญ่กลับบ้าน

ซูสือเยว่ขยี้ตาที่ง่วงนอน “ข่าวดีอะไร?”

ฉินโม่หานยื่นมือออกมาลูบผมที่อ่อนและนุ่มของเธอ “ฉันหาเฉินเชี่ยนเจอแล้ว”

หาตัว…… เฉินเชี่ยนเจอแล้ว?

ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นอย่างทันที เธอมองไปยังฉินโม่หานอย่างรู้สึกอึ้ง “จริง……จริงหรอ!?”

เฉินเชี่ยนที่เธอหามานาน ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวอะไรเลยแม้แต่น้อย

แต่หลังจากที่หลับไปหนึ่งตื่น ฉินโม่หานกลับพูดว่าหาเธอเจอแล้ว?

“แน่นอนว่าจริงสิ”

ชายหนุ่มลูบหัวเธอเบาๆ แล้วจูบลงตรงระหว่างคิ้ว “ฉันโกหกเธอเมื่อไหร่?”

ซูสือเยว่ลุกขึ้นจากเตียงอย่างรู้สึกตื่นเต้น “เขาอยู่ไหน?”

“อยู่ไกลจากนี่ไหม?”

“พวกเราจะไปหาเขาเมื่อไหร่ดี?”

ท่าทางที่ตื่นเต้นของเธอ ทำให้ฉินโม่หานหลุดหัวเราะออกมา

เขาหัวเราะเบาๆแล้วมองหน้าเธอ “อยากเจอเขาขนาดนั้นเลย?”

“แน่นอนสิ!”

ซูสือเยว่มองบนใส่เขา “ช่วงนี้ฉันเสียเวลาไปเยอะขนาดนี้ เสียแรงไปเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อจะหาเขาให้เจอไม่ใช่หรือไง?”

พูดจบ เธอเอนตัวไปข้างเขาพร้อมยิ้มตาหยี “นายหาเขาเจอได้ยังไง”

“เพราะ……”

ฉินโม่หานมองเธอที่กระโดดโลดเต้นเหมือนนกน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะแซว “เพราะเธอไง”

ชายหนุ่มกอดเอวบางของเธอเอาไว้ “กลับบ้านกันก่อน ไปอาบน้ำ แล้วเปลี่ยนชุดให้เป็นทางการ แล้วฉันค่อยพาเธอไปหาเขา ดีไหม?”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้วแล้วลังเลอยู่สักครู่ “ดี”

พูดจบ เธอเหลือบมองมือของชายหนุ่มที่พันผ้าพันแผลไว้ “ยังเจ็บไหม?”

“ไม่แล้ว”

ชายหนุ่มมองเธอแล้วหัวเราะเบาๆ “หลังจากที่เจอเธอ ก็ไม่เจ็บแล้ว”

ไม่ว่าแผลที่มือจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็สู้ความรู้สึกดีใจของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

เพราะว่า ไม่ได้มีเพียงซิงหยุนและซิงเฉินที่เป็นลูกของเขา ซิงกวงก็เป็นลูกของเขาเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้เขาใช้ความพยายามตามหาเป็นอย่างมาก สุดท้ายกลับหาเจอโดยไม่ได้เสียแรงอะไรเลย

ซูสือเยว่คงคิดไม่ถึงหรอกว่า เฉินเชี่ยนที่เธอตามหามานานขนาดนี้ ที่จริงแล้วคือเธอเองมั้ง?

พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ ชายหนุ่มก้ซ่อนความดีใจเอาไว้ในใจ แล้วมองเธออย่างยิ้มแย้ม “กลับไปแต่งตัวเถอะ”

“ยังไงแล้วเฉินเชี่ยนก็เป็นแม่ของซิงหยุนกับซิงเฉินก็ถือว่าเป็นศัตรูหัวใจเธอครึ่งหนึ่งด้วย ยังไงก็ต้องแต่งตัวให้สวยๆเพื่อไปเจอเขา”

ซูสือเยว่กัดริมฝีปากเบาๆ พยักหน้าตอบ “อื้ม!”

เธอควรต้องแต่งตัวดีๆไปเจอเฉินเชี่ยนจริงๆ

นอกจากเพราะเขาจะเป็นศัตรูหัวใจของเธอแล้ว ยังเพราะว่า เฉินเชี่ยนน่าจะเป็นเพื่อนเก่าของเธออีกด้วย

เพื่อนเก่าเจอกัน แต่งตัวเป็นทางการนิดหน่อย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควร

พอคิดถึงตรงนี้ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ บอกลากับฉินโม่หาน แล้วออกจากโรงพยาบาล

หลังจากที่หญิงสาวจากไปไม่นาน โทรศัพท์ของฉินโม่หานก็ดังขึ้น

ซิงเฉินนั่นเอง

เด็กชายที่อยู่ฝั่งปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “แด๊ดดี้ พวกผมจัดสถานที่เสร็จแล้วครับ”

“กระจกบานใหญ่ที่แด๊ดอยากได้พวกผมวางไว้ที่เห็นได้ชัดแล้วครับ!”

“แด๊ดเขาจะมากันเมื่อไหร่ครับ?”

ฉินโม่หานเกี่ยวยิ้มขึ้น “ทำไมดูเหมือนพวกลูกรีบกว่าแด๊ดอีก?”

“แน่นอนสิครับ!”

ซิงเฉินกลอกตา “ในที่สุดคุณก็คิดได้ ว่าต้องมอบงานแต่งที่สมบูรณ์ให้คุณผู้หญิงซูสือเยว่ แน่นอนว่าพวกผมต้องรีบร้อนสิครับ”

พูดจบ เด็กชายกดน้ำเสียงให้ต่ำลง “แด๊ดดี้ แด๊ดบอกพวกผมหน่อยสิ ว่าเพราะอะไรกันแน่?”

“ทำไมเวลาแค่คืนเดียว แด๊ดถึงอยากจัดงานแต่งกับหม่ามี๊ขึ้นมาครับ?”

“เพราะหม่ามี๊ท้องหรือเปล่า?”

ฉินโม่หานขยี้หว่างคิ้วที่รู้สึกปวดขึ้นมาของเขา “ไม่ใช่”

“ถ้าอย่างนั้นเพราะอะไรครับ?”

“หลังจบงานแต่ง เดี๋ยวลูกก็รู้เอง”

เขาวางโทรศัพท์ แล้วหลับตาลง

ภาพใบหน้าอันเล็กของซูสือเยว่ปรากฏขึ้น

เขาเริ่มตั้งตารอคอย เธอในชุดเจ้าสาว แล้วมองเห็นภาพเธอเองที่สะท้อนจากกระจกในห้องโถงที่จัดงานแต่ง

เขาจะบอกเธอในงานแต่งของพวกเขาว่า เธอคือเฉินเชี่ยน

เธอคือแม่แท้ๆของเด็กทั้งสามคน

เขามีเรื่องติดค้างเธอเยอะมาก

ครั้งนี้ เขากะว่าจะชดใช้เธอทั้งหมด

“คุณชาย”

ไป๋ลั่วเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามา “แหวน ชุดแต่งงาน เตรียมเสร็จแล้วครับ”

พูดจบ เขาก็นิ่งไปสักครู่

“แผลของคุณยังไม่หายดีทั้งหมด เพราะเรื่องเมื่อวานของคุณเย่จนที่บ้านมีเรื่องกันรุนแรง คุณจัดงานแต่งในเวลาแบบนี้……คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่มั้งครับ?”

ฉินโม่หานเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ฉันอยากแต่งงานเวลาไหน ต้องสนใจสายตาจากคนอื่นด้วย?”

พูดจบ สายตาที่นิ่งของเขาถูกปิดลง “เรียกหมอมาฉีดยาให้ฉัน ยังไงก็ไม่ควรให้เธอรู้สึกว่าฉันเป็นคนป่วย ในวันที่ดีที่สุดของเธอ”

ไป๋ลั่วมองมือที่พันผ้าพันแผลเอาไว้ แล้วได้แต่ถอนหายใจ

……

ตอนที่ซูสือเยว่กลับถึงวิลล่านั้น คนรับใช้ในวิลล่าเดินตามแม่บ้านออกมา แล้วยืนเรียงหน้าประตูเป็นสองแถว

“ยินดีต้อนรับคุณนายกลับบ้านค่ะ/ครับ!”

“ยินดีต้อนรับคุณนายค่ะ/ครับ!”

ท่าทางและเสียงที่พร้อมกัน ทำให้ซูสือเยว่ปลื้มใจเล็กน้อย

เธออึ้งไปสักครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ทำไมทุกคนถึงเล่นใหญ่กันจัง……”

แม่บ้านมองเธอพร้อมกับยิ้มตาหยี “เพราะว่าวันนี้ค่อนข้างสำคัญกับคุณค่ะ!”

ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้นแล้วใช้ความคิด มันก็ใช่

การเจอตัวเฉินเชี่ยนแล้ว สำหรับเธอมันคือเรื่องที่สำคัญก็จริง

แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้หรอกมั้ง?

ซูสือเยว่ไม่คิดว่า สิ่งที่โอเว่อร์กว่ายังอยู่ด้านหลัง

ตอนที่เธอโดนจับนั่งแต่งหน้าลุคเจ้าสาวนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าการแต่งหน้าลุคเจ้าสาวคงจะสวยกว่ามั้ง

และในตอนที่คนรับใช้ถือชุดเจ้าสาวมาให้เธอนั้น เธอนั่งติดเก้าอี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

“คือว่า……ไม่ต้องใส่เสื้อแบบนี้หรอกมั้ง?”

คนใช้ยิ้มแล้วเมินเธอ “คุณชายบอกแล้วค่ะ ว่าคุณต้องสวมชุดนี้ไป เพื่อแสดงสถานะของคุณนะคะ”

“สบายใจได้เลยค่ะ คุณชายไม่มีทางโกหกคุณนายหรอกค่ะ ถึงคุณนายจะไม่เชื่อในตัวพวกเรา คุณนายคงจะเชื่อในตัวคุณชายนะคะ?”

ซูสือเยว่สำลักจนพูดไม่ออก

เธอถอนหายใจออกมา สุดท้ายเธอก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องแต่งตัว

เธอที่สวมชุดเจ้าสาวขึ้นรถที่เตรียมออกจากบ้าน ซูสือเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เหมาะสม

เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อยากจะโทรไปถามฉินโม่หานว่ายังไงกันแน่

แต่ยังไม่ทันที่จะได้กดโทรออก เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน

เป็นสายโทรเข้าจากเจี่ยนเฉิง

ทำไมพ่อถึงโทรมาในเวลานี้กันนะ?

ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้น แล้วรับสาย

“ซื่อเยว่”

น้ำเสียงของชายจากปลายสายนั้นจริงจังมาก “เมื่อวานลูกมีเรื่องกับคนที่สนามบินใช่ไหม?”

“ใช้เทคนิคที่พ่อเคยสอน?”

ซูสือเยว่คิ้วกระตุก “……ใช่ค่ะ”

ตอนนั้นพ่อของเขาสอนเทคนิคการต่อสู้พวกนี้ให้ เขาเคยเตือนเธอแล้วว่า เทคนิคพวกนี้ใช้สำหรับการป้องกันตัวในเวลาที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ห้ามใช้เทคนิคต่อสู้พวกน้าตามใจอยาก

เมื่อวานตอนที่เธออยู่สนามบิน เธอโดนคนไล่จี้ และด้วยความสิ้นหวัง เธอจึงใช้เทคนิคการต่อสู้พวกนั้นในที่สาธารณะต่อหน้าผู้คนมากมาย

“พ่อรู้เร็วขนาดนี้ได้ยังไงคะ……”

ฝั่งปลายเสียเงียบหายไปนาน

ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาทั้งเยือกเย็นและโมโห “ตอนนั้นพ่อไม่ควรใส่ใจความเป็นอยู่ของลูกเลยว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง ยิ่งกว่านั้นคือไม่ควรสอนเทคนิคพวกนี้ให้ลูกด้วย!”

“ถ้ารู้ว่าลูกจะดื้อขนาดนี้ ถึงลูกจะเจออันตรายหรือโดนตีตาย พ่อก็จะไม่สอนลูกเด็ดขาด!”

ซูสือเยว่ถึงกับอึ้งจนนิ่ง

มือเธอที่จับโทรศัพท์เอาไว้เริ่มสั่น “พ่อคะ ทำไม……ทำไมพ่อถึงพูดแบบนี้คะ……”

“ลูกรีบออกจากเมืองหรงเดี๋ยวนี้ หนีไปที่ที่ไม่มีคนรู้จักลูก”

“พวกมันจับตามองลูกแล้ว”

ซูสือเยว่ชะงัก กำลังจะถาม“พวกมัน”ที่เจี่ยนเฉิงหมายถึงคือใคร แต่กลับมีเสียง “ตู้ม—!”ดังขึ้นข้างหูอย่างเสียงดัง

โทรศัพท์ในมือซูสือเยว่หล่นลงพื้น

เธอเงยหัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

สะพานข้างหน้าถูกระเบิดถล่ม

รถต้องจอดลงอย่างช่วยไม่ได้

ฉากตรงหน้าทำให้ซูสือเยว่อึ้งจนพูดไม่ออก

เธอมองข้างหน้าอย่างรู้สึกอึ้ง “ทำไมถึง……”

เธอทำงานในวงการบันเทิงมาหลายปี เธอเคยเห็นฉากระเบิดมาแล้วทุกประเภท

แต่ภาพตรงหน้าที่สะพานถูกระเบิดจนถล่มลง ทำให้เธอตกใจจนสติหลุดไปนาน

ในเวลานี้ รถบีเอ็มดับเบิลยูคันสีดำที่เรียงเป็นแถวขับจากด้านหลังรถของพวกเขามาด้านหน้า แล้วจอดลง

กลุ่มคนชุดดำเปิดประตูลงจากรถ

บอดี้การ์ดคนหนึ่งถือร่มแล้วเปิดประตูรถเบนท์ลีย์ที่คุ้มกันออก

คนที่ออกมาจากรถนั้น คือชายวัยกลางคืนที่ผมขาวทั้งหัว

ชายวัยกลางคนเดินก้าวเท้าใหญ่มาทางซูสือเยว่

และแล้ว มายืนอยู่หน้านอกหน้าต่างรถของเธอ แล้วโค้งคำนับอย่างเคารพ “ยินดีต้องรับคุณหนูใหญ่กลับบ้านครับ”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset