“ฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของพวกคุณจริงๆ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว!”
ภายในห้องที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปอย่างหรูหรา ซูสือเยว่ถูกมัดไว้บนเตียง เธอตะโกนจนเสียงแหบ “ฉันเป็นแค่ลูกคนขี้เมาในสลัมเฉยๆ พวกคุณจำผิดแล้วจริงๆ!”
เธอโดนคนพวกนี้จับตัวไปเป็นเวลาสองวันเต็มๆ
วันนั้นฉินโม่หานให้เธอกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อเจอเฉินเชี่ยน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เจอเฉินเชี่ยน เธอก็โดนคนพวกนี้จับตัวมาที่นี่
เป็นเวลาสองวันเต็มๆแล้วด้วย!
มือของฉินโม่หานมีบาดแผล ไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายเขาจะเป็นยังไง……เขาก็กำลังตามหาเธอเหมือนกันใช่ไหม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอยังคงพยายามตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง “ได้โปรดปล่อยฉันกลับบ้าน……”
“คุณหนูใหญ่”
เพียงไม่นาน ประตูห้องถูกเปิดออก
ผู้ดูแลบ้านหัวหงอกเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม “คุณตะโกนมาสองวันแล้ว พักเถอะครับ”
ซูสือเยว่จ้องเขาด้วยสายตาโมโห “ปล่อยฉันกลับบ้าน!”
“ที่นี่คือบ้านของคุณครับ”
ผู้ดูแลบ้านยิ้มอ่อนก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาของเขามองขึ้นลงบนใบหน้าของซูสือเยว่ “เหมือนคุณหญิง ตอนสาวๆเลยนะครับ”
“ตามหามาตั้งหลายปี หาตัวจริงเจอสักทีนะครับ”
สายตาที่ละโมบโลภมากของเขาทำให้ซูสือเยว่รู้สึกไม่สบายใจ
เธอหันหน้าหนี “ถึงจะเหมือน ก็แค่เพราะบังเอิญ”
ผู้ดูแลบ้านหัวเราะ
เขาเปลี่ยนท่านั่งเป็นท่าที่สบาย แล้วนั่งไขว่ห้าง “ผมจำคนไม่ผิดหรอกครับ”
ซูสือเยว่เหลือกตามองบน
เธอหันหน้ามา แล้วจ้องผู้ดูแลบ้านด้วยสายตาเยือกเย็นอยู่ครู่หนึ่ง “พวกคุณอยากทำอะไรกันแน่?”
ลักพาตัวเธอมาแบบนี้ แล้วยังบอกว่าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนอีก
ถ้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ ทำไมถึงมัดเธอไว้บนเตียง?
“ให้คุณกลับมา แน่นอนว่าต้องการให้คุณพลิกวิกฤตของตระกูลเจี่ยนไงครับ”
ขณะที่ผู้ดูแลบ้านพูดอยู่นั้น ก็มองซูสือเยว่ด้วยสายตาเยือกเย็น “คุณคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยน ภาระที่ต้องแบกรับ ก็คือตระกูลเจี่ยนทั้งหมด”
ซูสือเยว่ถอนหายใจ
“คุณบอกว่าฉันเป็นคุณหนูใหญ่ฉันก็ต้องเป็น?”
“คุณบอกว่าฉันต้องแบกรับภาระ ฉันก็ต้องแบกรับหรอคะ?”
“คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร?”
พอพูดจบ เธอก็จ้องเขาตาแข็ง “ฉันต้องการให้คุณส่งฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
“ฉันมีสามีของฉัน ลูกของฉัน แล้วก็ชีวิตของตัวเอง!”
ไม่ว่าเธอจะเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนอย่างที่ว่าหรือไม่ เธอก็ไม่อยากอยู่ในที่หดหู่แบบนี้ต่อไปแม้แต่วันเดียว!
“คุณหนูใหญ่”
ผู้ดูแลบ้านถอนหายใจ “คุณเอาแต่นึกถึงเรื่องในอดีตแบบนี้ จะเป็นคนปกครองตระกูลเจี่ยนได้ยังไงครับ?”
ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้น “ใครจะปกครองตระกูลเจี่ยนกัน?”
“คุณครับ”
ผู้ดูแลบ้านจ้องมาทางเธอ สายตาของเขาจริงจังและเย็นชาขึ้นมา
เขาจ้องใบหน้าของเธอ น้ำเสียงเย็นชาเหมือนสายตาของเขา “คุณเป็นสายเลือดของตระกูลเจี่ยนคุณเกิดมาพร้อมกับชะตากรรมที่ต้องแบกรับภาระของตระกูลเจี่ยน เป็นผู้ช่วยของท่านปู่และคุณชายน้อย”
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูสือเยว่ได้เห็นสายตาที่บ้าคลั่งมากขนาดนนี้
เธอสะดุ้งจนต้องถอยหลัง “ฉัน……”
“คุณไม่ต้องรีบปฏิเสธก็ได้ครับ”
ผู้ดูแลบ้านยิ้มแห้งอย่างเยือกเย็น “ผมรู้ว่าคุณละทิ้งทุกอย่างที่คุณมีในประเทศไม่ได้ คุณละทิ้งความรู้สึกและความพยายามพวกนั้นของคุณไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ”
เขามองใบหน้าของซูสือเยว่ แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “พวกเราได้จ้างหมอที่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับการลบความจำของคนมาตลอด”
“เขาจะช่วยทำให้คุณ ลืมเรื่องราวทุกอย่าง แล้วทำให้คุณเป็นดาบเล่มงามของตระกูลเจี่ยน”
พูดจบ ภายในสายตาที่อึ้งทึ่งของซูสือเยว่ ผู้ดูแลบ้านลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม แล้วเดินจากไป
เธอมองแผ่นหลังที่จากไปของเขา ซูสือเยว่รู้สึกหัวของเธอนั้นว่างเปล่า
ลืมเรื่องราวในอดีต
ลืม……
ไม่!
เธอไม่ต้องการลืม!
เธอลืมฉินโม่หานไม่ได้ ลืมซิงหยุนกับซิงเฉินไม่ได้!
ในช่วงยี่สิบสามปีที่ผ่านมานั้น ชีวิตของเธอมืดมนต์มองไม่เห็นแสงสว่าง
โดนอุ้มผิด โดนเพื่อนสนิทหลอก ท้ายสุดยังโดนทรยศอีก
หลังจากที่แต่งงานกับฉินโม่หาน เธอถึงเพิ่งจะรู้สึกว่า อะไรที่เรียกว่าครอบครัว อะไรที่เรียกว่าการใช้ชีวิต
อะไร ที่เรียกว่าแสงสว่าง
เขาคือแสงสว่างในชีวิตของเธอ
ตอนนี้ กลับมีคนอยากใช้ยาเพื่อให้เธอลืมแสงสว่างในชีวติของเธอ!
เธอเริ่มต่อต้านอย่างทันที
ภายในห้องที่ว่างเปล่า มีแต่เสียงคร่ำครวญกับโซ่ตรวนที่เสียดสีกันดังก้องไปทั้งห้อง
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน พอซูสือเยว่รู้สึกเหนื่อยแล้ว ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง
คนที่เข้ามาในครั้งนี้ คือชายร่างสูงที่สวมเสื้อกาวน์สีขาว พร้อมถือกล่องปฐมพยาบาล
ชายร่างสูงสวมหมกและผ้าปิดปากเอาไว้ ระยะทางที่ไกล ทำให้เธอมองหน้าเขาได้ไม่ชัด
แต่เธอรู้ว่า คนนี้ น่าจะเป็นคนที่ผู้ดูแลบ้านพูดเอาไว้ ว่าจะมาเอาความทรงจำของเธอไป!
เธอหดถอยหลังอย่างช่วยไม่ได้ ข้อมือและข้อเท้าโดนโซ่บาดจนเลือดไหล แต่เธอกลับไม่รู้ตัว
เธอส่ายหัวสุดชีวิต ราวกับคนบ้า “ไม่ ไม่เอา!”
“ฉันขอร้อง……”
ชายคนนั้นยังคงก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างเยือกเย็น แล้วเปิดกล่องปฐมพยาบาลออกอย่างชำนาญ
กลิ่นแอลกอฮอล์ล้างแผลลอยมาแตะจมูก
ซูสือเยว่มองเขาที่ค่อยๆเอายาออกมาวางบนโต๊ะทีละขวด
ทุกครั้งที่เขาหยิบขวดยาออกมา หัวใจของเธอก็จะหดเกร็งตาม
“คุณหมอ……”
ชายในชุดกาวน์ถอนหายใจ แล้วหันหน้ามามองเธอ “ไม่เจอกันนานเลย”
เสียงที่อ่อนนุ่มของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่เบิกตากว้างทันที
เสียงนี้มัน……
รู้สึกคุ้นจัง!
เมื่อเห็นเธอจ้องมองตัวเองอย่างด้วยสายตาว่างเปล่า ชายคนนั้นยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วถอดผ้าปิดปากออก
พอตอนที่เห็นใบหน้าที่คุ้นชินนั้น น้ำตาของซูสือเยว่เกือบจะไหลออกมา
“คุณหมอหาน!”
ชายตรงหน้าของเธอไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหานหยุนก่อนหน้านี้ที่เคยอยู่เมืองหรง เขาคือคนที่เคยบอกว่าจะช่วยตามหายาฟื้นความทรงจำให้ซูสือเยว่ !
“ชู่”
ชายหนุ่มทำท่าให้เธอเงียบ “ถ้าเสียงดังกว่านี้ เดี๋ยวเขาก็รู้ความสัมพันธ์ของเราสองคนหรอก เธอไม่กลัวเขาเปลี่ยนหมอให้เธอหรือไง?”
ซูสือเยว่ชะงัก ปรับโทนเสียงให้ต่ำลง “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เพื่อคุณไงครับ”
หานหยุนยักไหล่ “เพื่อตามหายาฟื้นความทรงจำให้คุณ ผมเดินทางไปศูนย์วิจัยใหญ่ๆทั่วยุโรป”
“ในที่สุดก็เจอวิธีที่จะฟื้นความทรงจำให้คุณ”
ซูสือเยว่ดีใจจนตาเบิกกว้าง “หาเจอแล้วจริงๆหรอ?”
“อื้ม”
“เพราะอยากจะรู้เหตุผลหลักที่ทำให้คุณความจำเสื่อม ก็ต้องหายาตัวนี้ที่จะทำให้คุณความจำเสื่อมได้”
หานหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ “ตอนที่ผมสืบหายาตัวที่ทำให้ความจำเสื่อมไปทุกที่นั้น คนตระกูลเจี่ยนก็ได้มาเจอกับผม”
“พวกเขายอมจ่ายไม่อั้น เพื่อให้ผมเหลือยาตัวนี้ไว้หนึ่งชุด พวกเขาจะได้เก็บไว้ใช้ในอนาคต”
“ผมเดินทางไปทุกที่ ค่อนข้างต้องการเงิน ก็เลยตอบตกลงไป”
“แต่ผมไม่คิดว่า คุณหนูใหญ่ที่พวกเขาบอกว่าอยากให้ผมช่วยลบความทรงจำ จะเป็นคุณ”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก แล้วมองเขาด้วยสายตาเหมือนคนหมดหนทาง “ฉัน……ฉันไม่อยากสูญเสียความทรงจำ”
“เพราะฉะนั้นคุณหมอหาน……”
เธอเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาอย่างตั้งใจ “คุณแกล้งทำเป็นฉีดยาให้ฉันแล้วได้ไหม แล้วฉันก็แกล้งความจำเสื่อม?”
“แล้วคุณก็ไปหาฉินโม่หาน……”
หานหยุนมองเธอนิ่งๆ “ไม่ได้”