เจี่ยนเฉิงขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
เขาเหลือบมองดูเด็กสาวตัวน้อยที่สูงเท่าแค่เข่าของเขาที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ “หนูมาจากไหนเนี่ย? ”
ทำไมเขาจำได้ว่าซูสือเยว่มีลูกชายสองคนไม่ใช่เหรอ?
รอยยิ้มบนใบหน้าของซิงกวงได้หายไป
สาวน้อยเอามือกอดอก แล้วก็เงยหน้ามองเจี่ยนเฉิงอย่างจริงจัง “คุณตาคนนี้เนี่ย พูดอะไรกันคะเนี่ย? ”
“หนูคือคนที่หม่ามี๊คลอดออกมาไงคะ!”
“คุณตาเป็นพ่อของหม่ามี๊ แต่ว่าไม่รู้งั้นเหรอ?!”
เจี่ยนเฉิงขมวดคิ้ว แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไร
ซิงเฉินที่อยู่ด้านข้างนั้นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วก็เล่าเรื่องราวของซิงกวงให้เจี่ยนเฉิงแบบง่ายๆ “พูดสั้นๆ ก็คือ ตอนเธอเกิดได้แยกจากพวกเราไปน่ะครับ”
“ภายหลังก็เพราะว่าโชคชะตา ทำให้พวกเราได้บังเอิญกลับมาพบกันอีกครั้ง”
พอพูดจบ ซิงเฉินก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองหน้าเจี่ยนเฉิงอย่างจริงจัง “คุณตาครับ ผมรู้ว่าคุณตากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่”
“วางใจเถอะครับ พวกเราจะดูแลหม่ามี๊ให้ดี ให้หม่ามี๊ฟื้นความทรงจำกลับมาได้”
“พวกหนู……”
“พวกเรารู้รึเปล่า”
เจี่ยนเฉิงหายใจเข้าลึกๆ นั่งยองๆ แล้วก็มองใบหน้าของซิงเฉินด้วยสายตาที่จริงจัง “พวกหนูรู้รึเปล่าว่าตระกูลเจี่ยนที่พวกหนูกำลังเผชิญหน้าอยู่นั้น เป็นตระกูลแบบไหนกัน? ”
“ถ้าเกิดว่าพวกหนูพาเธอไปตอนนี้ ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับทั้งตระกูลเจี่ยน”
“ไม่ว่าฉินโม่หานจะยิ่งใหญ่แค่ไหนในเมืองหรง เขาก็ไม่สามารถมาแตะต้องยุโรปได้หรอก”
“ที่นี่ ตระกูลเจี่ยนกับตระกูลจี้ต่อให้ด้านกำลังทรัพย์จะตกต่ำแค่ไหน แต่ว่าเรื่องอิทธิพลนั้น ก็ยังถือว่าน่ากลัวที่สุด”
“ตอนนี้ซูสือเยว่คือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจี่ยน คือว่าที่คุณผู้หญิงของตระกูลจี้ การที่พวกหนูจะพาเธอไปแบบนี้ รู้ไหมว่าในอนาคตต้องเจอกับอะไร?”
ซิงเฉินชะงักไป เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับสายตาที่แน่วแน่ “พวกเราได้ทำการสืบค้นและเตรียมตัวเรียบร้อยก่อนที่จะมาที่นี่แล้วครับ”
“ไม่ว่าตระกูลเจี่ยนกับตระกูลจี้จะเก่งแค่ไหน เราก็ไม่สามารถปล่อยแม่ผู้ให้กำเนิดเราไปได้หรอกครับ”
พอพูดจบ เด็กน้อยก็หายใจเข้าลึกๆ “แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ตระกูลเจี่ยนตกอยู่สภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมกับแด๊ดดี้ได้ตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว”
ในฐานะที่เป็นคนที่มีหัวด้านธุรกิจมากที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง ซิงเฉินมีสีหน้าจริงจัง “ถ้าเกิดเมื่อก่อนตระกูลเจี่ยนติดต่อกับพวกเราดีๆ เล่าเกี่ยวกับสภาวะที่ยากลำบากของตระกูลเจี่ยนให้แด๊ดดี้เราฟัง เขาต้องเห็นแก่ครอบครัวของหม่ามี๊ แล้วก็ช่วยเหลืออย่างแน่นอน”
“แต่ว่าตระกูลเจี่ยนกลับแอบวางยาแด๊ดดี้ แล้วลักพาตัวของหม่ามี๊ไป ถือว่าเป็นการยั่วยุตระกูลฉินของเรา”
“ดังนั้น ต่อให้พวกเราไม่พาหม่ามี๊กลับไป ตระกูลเจี่ยนกับตระกูลจี้ก็ไม่มีทางดีกับพวกเราได้หรอก”
“เดิมทีก็เป็นความสัมพันธ์แบบศัตรูกันอยู่แล้ว ไม่ต้องแคร์เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”
เจี่ยนเฉิงชะงักไปอย่างรุนแรง
เขามองเด็กตัวเล็กตรงหน้าตัวเองเขม็ง
สายตาของเขานั้นใสและชัดเจน มันคือสายตาของเด็กอายุห้าขวบอย่างแน่นอน
แต่ว่าคำพูดที่เขาพูดออกมานั้น……
จัดระเบียบอย่างชัดเจน มีตรรกะและคล่องแคล่ว ไม่เหมือนกับคำพูดที่เด็กคนหนึ่งจะพูดออกมาได้เลย
เขาใช้ชีวิตมา50กว่าปีแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาสูสีกับเด็กอายุ5ขวบ
พอเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ซิงเฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มจางๆ “รถที่คุณตาขวางพวกเราไว้ เพราะว่าอยากจะขวางพวกเราในนามของตระกูลเจี่ยน หรือว่าอยากจะช่วยพวกเราหาทางหนีที่เหมาะสมกว่านี้? ”
คิ้วของเจี่ยนเฉิงขมวดเข้าหากันอย่างรุนแรง
เด็กคนนี้ ไม่ธรรมดาเลย
เขาไม่ได้ถามถึงเจตนาของเขาที่มาที่นี่ แล้วก็ไม่ได้พูดอย่างเกรงอกเกรงใจอะไรเท่าไหร่ด้วย ได้แต่ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า จะมาขวางพวกเขา หรือว่ามาช่วยพวกเขา
ซิงเฉินให้ทางเลือกเขาแค่สองทาง
ทางที่หนึ่งคือกลายเป็นศัตรูกัน
อีกทางเลือกหนึ่ง คือเป็นเพื่อนฝ่ายเดียวกัน
ชายวัยกลางคนเงียบอยู่นาน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็คลี่ยิ้มออกมา “ไอคิวที่เธอได้มา มาจากพ่อสินะ? ”
ซูสือเยว่ของเขาเนี่ย ไม่ได้มีคารมกับสมองขนาดนี้หรอก
ซิงเฉินยิ้มอย่างเรียบๆ “พวกเราต่างก็ได้ยีนที่ดีเด่นจากแด๊ดดี้และหม่ามี๊ครับ”
“ถ้าเกิดว่าคุณตาไม่เลือก ถ้ายังงั้นผมเลือกให้แล้วกัน”
ซิงเฉินหยักไหล่ “ผมคิดว่าคุณตาควรจะอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเรา”
“ถ้าเกิดว่าคุณตาอยากจะช่วยตระกูลเจี่ยนแต่แรก ก็น่าจะบอกคนของตระกูลเจี่ยนแล้วว่า หม่ามี๊อยู่ที่เมืองหรง แล้วก็อยู่ในเงื้อมมือของคุณตา”
“แต่ว่าคุณตาไม่ได้ทำแบบนั้น แสดงว่าคุณตาต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา”
เจี่ยนเฉิงส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง
เขามองซิงเฉิน “ดังนั้น ตอนนี้ตาควรแสดงความจริงใจกับพวกหนูสินะ? ”
“ไม่ใช่สักหน่อยครับ นี่คืออิสรภาพของคุณตา”
เจี่ยนเฉิงได้ถูกเกลี้ยกล่อมจนสำเร็จแล้ว
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ขึ้นรถ “ตามตามา”
รถสีดำก็สตาร์ทขึ้นทันที
ซิงเฉินรีบดึงมือของซิงกวงขึ้นไปที่รถอย่างตื่นเต้น “ไปกับคุณตาเร็ว!”
คนขับรถไม่กล้าล่าช้า รีบสตาร์ทรถ แล้วก็ตามรถของเจี่ยนเฉิงไป
“พี่รอง ทำไมถึงให้พวกเขานำทางเราล่ะ”
ซิงกวงทำปากมุ่ย เพราะว่าท่าทางของเจี่ยนเฉิงเมื่อกี้นี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เด็กน้อยมองวิวนอกหน้าต่าง “เมื่อกี้เราดูเส้นทางจากกล้องวงจรปิด มันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ”
“ไม่เหมือน”
จากที่ไกลๆ นั้น ซิงหยุนเทน้ำให้ตัวเองเงียบๆ น้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าทักษะการแฮ็กของเราจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ได้แค่ทางรอบๆ นี้เท่านั้น และทุกเมือง ก็จะมีถนนบางช่วงที่มีแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้นที่รู้ และไม่มีกล้องวงจรปิด”
“สถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ ไปตามถนนที่ไม่มีกล้องวงจรปิดจะปลอดภัยกว่า”
ซิงกวงเบะปาก ถึงได้เงียบไป
เส้นทางที่เจี่ยนเฉิงพาพวกเขาไปนั้น เป็นถนนสายเล็กๆ ที่มีแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้นที่รู้
ถึงแม้ว่าทางจะขรุขระไปบ้าง แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยังไม่ถูกคนของตระกูลเจี่ยนพบเห็นเลย
ไม่นาน รถก็มาถึงคฤหาสน์เช่าแถวชานเมือง
หานหยุนกับคนขับรถดันซูสือเยว่ลงจากรถ
เจี่ยนเฉิงลงมาจากรถ มองดูผู้หญิงที่ถูกมัดไว้กับเตียงและหลับตาแน่น แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
ตอนนั้น……
เขาไม่ควรสอนทักษะการต่อสู้เหล่านั้นให้เธอเลย
สิ่งที่เขาสอนเธอ ก็คือทักษะการต่อสู้ดั้งเดิมของตระกูลเจี่ยน
ตอนนั้น พ่อแท้ๆ ของซูสือเยว่ชอบศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ ก็เลยไปหาปรมาจารย์เรื่องการต่อสู้ แล้วก็สร้างทักษะการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว
ส่วนเจี่ยนเฉิง ก็คือลูกชายของปรมาจารย์การต่อสู้ในตอนนั้น
เขากับพ่อของซูสือเยว่นั้นโตมาด้วยกัน รับรู้เกี่ยวกับปณิธาน แล้วก็แผนการในอนาคตของเขา
“ถ้าเกิดว่าต่อไปฉันมีลูก ไม่ว่าจะลูกชายหรือว่าลูกสาว ฉันจะไม่ให้พวกเขาได้ใช้นามสกุลเจี่ยนอีก จะไม่ให้พวกเขาได้ต้องมาเจอกับความขมขื่นของตระกูลร่ำรวยแบบนี้”
“การเป็นคนธรรมดา บางทีมันก็คือความสุขอย่างหนึ่ง”
อยู่ดีๆ คำพูดของพ่อของซูสือเยว่นั้นก็ปรากฏขึ้นข้างหูของเขาอย่างแปลกประหลาด
เขายืนอยู่ที่เดิม มองดูซูสือเยว่ถูกหานหยุนเข็นเข้าไปในคฤหาสน์ มีความรู้สึกผิดมากมายเกิดขึ้นในใจของเขา
“คุณเจี่ยน จะเข้าไปดื่มชาไหมครับ? ”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กผู้ชายตัวเล็กที่ดูสุภาพเรียบร้อยก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา
เด็กน้อยคนนี้หน้าเหมือนกับซิงเฉินเด๊ะ แต่ว่าออร่าจากตัวของเขา และท่าทางของเขานั้น กลับไม่เหมือนซิงเฉินเลย
ไม่ต้องถามก็รู้ว่า เขาต้องเป็นเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งในตอนนั้นอย่างแน่นอน
เจี่ยนเฉิงคลี่ยิ้ม หรี่ตาพร้อมกับมองเขา “ถ้าเกิดว่าความทรงจำเธอกลับมา พวกหนูจะพาเธอกลับไปไหม? ”
“แน่นอนครับ”
ซิงหยุนมองไปข้างหน้าเรียบๆ น้ำเสียงดูมีวุฒิภาวะแตกต่างจากวัยของเขา “หัวใจของหม่ามี๊นั้นใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่เหมาะกับครอบครัวที่ปากหวานก้นเปรี้ยวหรอกครับ”
“แล้วอีกอย่าง”
เขาเอามือไขว้หลัง “ต่อให้มีเรื่องปากหวานก้นเปรี้ยวที่ต้องทำ เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำเองหรอก”
“เพราะว่ามีพวกเราอยู่”