สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 202 เธอคงไม่สามารถรังแกคนเจ็บหรอกใช่ไหม?

“คุณฉิน เรื่องการร่วมมือที่คุณเสนอมา ตระกูลเจี่ยนน่าจะไม่สามารถตอบรับได้”

ผู้ดูแลบ้านเสิ่นที่นั่งอยู่บนโซฟาของตระกูลเจี่ยนยิ้มเบาๆ พลางมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า “ถึงแม้ว่าฉินซื่อกรุ๊ปจะไม่เป็นสองรองใครในเมืองหรง แต่ว่าตระกูลเจี่ยนของพวกเรานั้น ไม่ได้เห็นฉินซื่อกรุ๊ปอยู่ในสายตาเลยสักนิด”

“พวกคุณแค่สามารถก่อเรื่องในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองหรงได้เท่านั้น แต่ว่าพรมแดนยุโรปนี้ ไม่มีใครให้ค่าฉินซื่อกรุ๊ปหรอก”

พอพูดจบ เขาก็ชี้ไปที่ประตู “ไม่ส่งนะ”

ฉินโม่หานค่อยๆ หรี่ตาลง

เขาเอนตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ นั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามพร้อมกับสายตาที่เย็นชา “ไม่เห็นค่าฉินซื่อกรุ๊ปยังงั้นเหรอ? ”

ผู้ดูแลบ้านเสิ่นหัวเราะเบาๆ “ฉินซื่อกรุ๊ป ควรค่าแก่การอยู่ในสายตาของตระกูลเจี่ยนของพวกเรายังงั้นเหรอครับ? ”

พูดกันตามตรง ถึงแม้ว่าฉินซื่อกรุ๊ปจะรุ่งเรืองในเมืองหรง แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแค่ธุรกิจครอบครัวขนาดเล็กเท่านั้น

ส่วนตระกูลเจี่ยน ในทวีปยุโรปนั้น ได้พัฒนากลายมาเป็นตระกูลดังตั้งเป็นร้อยปีแล้ว

ไม่ว่าจะในด้านภูมิหลัง คุณสมบัติและประสบการณ์ หรือแม้แต่กำลังทรัพย์และอำนาจนั้น ฉินซื่อกรุ๊ปมีเพียงแต่จะโดนตระกูลเจี่ยนบดขยี้จนแหลกเท่านั้น

และฉินโม่หานที่เผชิญหน้ากับการถากถางของผู้ดูแลบ้านเสิ่น กลับไม่ได้รู้สึกโกรธ แถมยังยิ้มจางๆ “แล้วชวงซิงกรุ๊ปล่ะ? ”

ชวงซิงกรุ๊ป……

ผู้ดูแลบ้านเสิ่นเงียบไป “แม้ว่าชวงซิงกรุ๊ปจะพัฒนาในยุโรปมาเพียงหกหรือเจ็ดปีเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งและทรัพยากรทางการเงินของกลุ่มนี้อยู่ที่จุดสูงสุด “

“แม้แต่ ชวงซิงกรุ๊ปใหญ่กว่าและทรงพลังกว่าLYกรุ๊ปที่อยากจะยึดครองตระกูลเจี่ยน”

พอพูดจบ เขาก็ยังคงมองฉินโม่หานอยากเยาะเย้ย “ทำไมเหรอครับ คุณฉินคงไม่ได้จะบอกว่า คุณมีคอนเนคชั่นกับชวงซิงกรุ๊ปหรอกนะ? ”

“อย่าล้อผมเล่นไปหน่อยเลย ชวงซิงกรุ๊ปลึกลับขนาดนั้น พวกเราสืบตามมาสามปีแล้ว แต่ว่าก็ไม่ได้อะไรกลับมา คุณเป็นแค่นักธุรกิจจากเมืองหรง จะสามารถมีความสัมพันธ์กับชวงซิงกรุ๊ปได้ยังงั้นเหรอ? ”

ตระกูลเจี่ยนต้องเผชิญกับอันตรายกับการถูกรวบเข้าซื้อจากLYกรุ๊ปมาตลอด

ไม่ใช่ว่าผู้ดูแลบ้านเสิ่นจะไม่เคยคิดเรื่องที่จะร่วมงานกับชวงซิงกรุ๊ป

แต่ว่า ชวงซิงกรุ๊ปนั้นลึกลับเกินไป การจะตามหาพวกเขานั้น มันยากซะยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้าอีก

ดังนั้นพวกเขาก็เลยทำได้แค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดรองลงมา ก็คือใช้วิธีที่ให้ตระกูลเจี่ยนแต่งงานกับตระกูลจี้ เพื่อให้ตระกูลเจี่ยนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ขนาดคอนเนคชั่นในยุโรปของตระกูลเจี่ยน ยังไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับชวงซิงกรุ๊ป แล้วจะนับประสาอะไรกับคนตัวเล็กๆ อย่างฉินโม่หานล่ะ?

ฉินโม่หานหัวเราะเบาๆ “แล้วถ้าเกิดว่ามันใช่ล่ะครับ? ”

“ถ้าเกิดว่าผมสามารถสร้างความสัมพันธ์กับชวงซิงกรุ๊ปได้ ผมจะได้เจอภรรยาผมไหม? ”

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ผู้ดูแลบ้านเสิ่นขมวดคิ้วเข้าหากัน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะเยาะ “ที่แท้นายก็สืบได้แล้ว ว่าเธออยู่ที่นี่”

ฉินโม่หานมองเขา ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร

“ก็ได้ ในเมื่อคุณฉินพูดขนาดนี้แล้ว คุณท่านของผมบอกเหมือนกัน ว่าถ้าเกิดคุณสามารถติดต่อกับชวงซิงกรุ๊ปได้ ผมจะอนุญาตให้คุณได้เจอกับซูสือเยว่”

“ถ้าเกิดว่าคุณช่วยให้ตระกูลเจี่ยนผ่านวิกฤตนี้ไปได้ พวกเราจะไม่ให้ซูสือเยว่ไปแต่งงานกับตระกูลจี้”

“คำไหนคำนั้น”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วก็ลุกจากเตียงอย่างเกียจคร้าน พร้อมกับเดินออกไปอย่างสง่างาม

ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตารึเปล่า แต่ตอนที่ฉินโม่หานเดินออกไปนั้น ผู้ดูแลบ้านเสิ่นกลับสังเกตเห็น……

เห็นเงาของคนจากตระกูลจี้

ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการเดิน ออร่าความสันโดษและเอาแต่ใจที่ออกมาจากตัวของเขานั้น มันเหมือนกับ……

หัวหน้าของตระกูลจี้รุ่นก่อน เหมือนกันอย่างกับแกะ

พอฉินโม่หานออกไปแล้ว เขาถึงค่อยๆ ส่ายหัว

เขาน่าจะคิดมากเกินไป

หัวหน้าตระกูลจี้ท่านนั้นเป็นหม้ายที่ดูแลครอบครัวมาตลอดชีวิต ไม่เคยแม้แต่จะมีความรักด้วยซ้ำ จะเป็นไปได้ยังไง……

……

พอออกมาจากบ้านตระกูลเจี่ยน ฉินโม่หานก็นั่งลงที่เบาะหลังของรถอย่างเหนื่อยล้า

ไป๋ลั่วรีบตามมา เปิดประตูขึ้นไปนั่งที่คนขับและรีบสตาร์ทรถ

“ตระกูลเจี่ยนนี่ช่างเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว พวกเรามาไกลขนาดนี้ แต่กลับให้ผู้ดูแลบ้านเสิ่นมาต้อนรับพวกเรา”

ไป๋ลั่วขับรถไปด้วยพร้อมกับพูดอย่างอารมณ์เสีย “ดูท่าทางที่ปฏิบัติต่อคุณสิ แถมยังจะอยากร่วมงานกับชวงซิงกรุ๊ปของคุณอีก ฝันไปเถอะ!”

“ร่วมงานกัน ก็ต้องร่วมงานกันสิ”

ฉินโม่หานที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้นลูบคิ้วตัวเองเบาๆ “ยังไงตระกูลเจี่ยนก็คือตระกูลของสือเยว่ จะปล่อยให้ตระกูลเจี่ยนพังไปแบบนี้ไม่ได้หรอก”

“แต่ว่าพวกเขาหยิ่งเกินไป!”

ไป๋ลั่วยังคงโกรธอยู่ “โดยเฉพาะผู้ดูแลบ้านเสิ่นคนนั้น คิดว่าตัวเองแน่ เขารู้ได้ยังไงว่าพวกเรามีแค่ฉินซื่อกรุ๊ปแค่อย่างเดียว หลายปีก่อนที่เมืองนอกคุณผู้ชาย……”

ฉินโม่หานหลับตาลง แล้วก็เอนกายพิงเบาะหลังอย่างเหนื่อยล้า “นายว่า ทำไมLYกรุ๊ปต้องอยากพุ่งเป้าหมายไปที่ตระกูลเจี่ยน อยากจะรวบกิจการตระกูลเจี่ยน? ”

คำถามของชายหนุ่ม ทำให้ไป๋ลั่วไม่รู้จะตอบคำถามยังไง

ผ่านไปนาน เขาก็เบะปาก “ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ”

“แต่ว่าเคยได้ยินมาบ้างว่า เจ้าของLYกรุ๊ปมีความบาดหมางกับตระกูลเจี่ยน แต่ไม่รู้ว่าบาดหมางกันเรื่องอะไร”

ฉินโม่หานลูบหว่างคิ้วของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ผ่านไปไม่นาน รถก็แล่นมาถึงคฤหาสน์ที่พวกเขาเช่าอยู่แถบชานเมือง

พอรถจอดสนิท ตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปข้างในนั้น ก็ได้ยินเสียงที่โกรธเกรี้ยวของผู้หญิงที่ชั้นบน

“ปล่อยฉันนะ!”

“เจ้าสามตัวน้อยนี้ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

ไป๋ลั่วที่กำลังจะเข้าประตูนั้นตกใจ

เสียงนี้มัน……

นี่มันคือเสียงของคุณนายที่เคยอ่อนโยนของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?

เมื่อคนเราสูญเสียความทรงจำไป นิสัยก็สามารถเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ?!

เมื่อเทียบกับความตกใจของไป๋ลั่ว ฉินโม่หานกลับสงบนิ่งกว่ามาก

เขาก้าวยาวขึ้นชั้นบนไป

ในห้องนอนชั้นบนนั้น เสียงของหญิงสาวยังคงดังไม่หยุด

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงกับจังหวะการพูดจะต่างกัน แต่ว่าเขาแน่ใจ ว่านี่คือซูสือเยว่!

ผู้หญิงที่เขาเกือบจะสูญเสียไป และคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปด้วยความตื่นเต้น—

“พลั่ก!”

ทันทีที่เขาเข้าประตูไป ผู้หญิงที่อยู่บนเตียงก็หลุดจากสิ่งผูกมัด และกำลังจะเตรียมวิ่งออกไปด้านนอก

พอเขาเข้ามา ทั้งสองคนก็ชนกัน

กลิ่นหอมและอุณหภูมิที่คุ้นเคย ตอนที่เธอชนกับหน้าอกของเขานั้น ฉินโม่หานก็ยื่นมือออกไปและดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขนโดยอัตโนมัติ

ซูสือเยว่ยังไม่ทันจะเห็นหน้าคนตรงหน้าอย่างชัดเจน ก็ถูกเขากอดไว้อย่างแน่นหนา

มันมีความคุ้นเคยในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา

เธอตะลึงไปกว่าสองวินาที กว่าจะจำได้ว่าตัวเองต้องขัดขืน

“ปล่อยฉันนะ!”

เธอพยายามอย่างหนักเพื่อจะออกมาจากอ้อมแขนของเขา แต่ยิ่งขัดขืน ชายหนุ่มก็ยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม

“นายบ้าไปแล้วเหรอ!”

เธอกัดฟัน สุดท้ายก็พยายามดิ้นรนสุดหนทาง—

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเดินโซเซ พลางถอยหลังไปสองก้าว

ตอนนี้เองซูสือเยว่ถึงได้เห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน

ใบหน้านี้ ก็คือผู้ชายที่ตอนแรกโยนเธอเข้าไปในกองไฟ และโกหกว่าจะกลับมาหาเธอ!

เธอมองหน้า ฉินโม่หาน แล้วก็กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น

ความโกรธ ความเกลียด ความไม่พอใจ

มันถาโถมเข้ามาในหัวใจของเธอทันที

“ผู้ชายเลวๆ !”

ซูสือเยว่กำหมัดแน่น แล้วก็สะบัดใส่เขาอย่างแรง

ฉินโม่หานขมวดคิ้ว เขาเอื้อมมือออกไปตามสัญชาตญาณเพื่อที่ต้องการจะขวางหมัดของเธอ

แต่ว่าตอนที่ยกมือขึ้นมานั้น เขาถึงได้รู้ตัวว่า มือของเขาที่พันผ้าก๊อซอยู่นั้นมันชุ่มไปด้วยเลือด

เหมือนกับว่า……เมื่อกี้ซูสือเยว่ขัดขืนแรงเกินไปหน่อย ก็เลยทำให้แผลของเขาเปิดออก

“นายเป็นอะไร?”

มองดูมือของชายหนุ่มที่เลือดไหลไม่หยุด ซูสือเยว่ก็เลยไม่ได้ต่อยเขา

เธอคงไม่สามารถรังแกคนเจ็บได้หรอกใช่ไหม?

“เพราะว่าเธอเลยทำให้แผลฉันเปิดออกเนี่ย เธอต้องรับผิดชอบนะ”

ซิงกวงที่อยู่ด้านข้างเบะปาก “หม่ามี๊ หนูยังเป็นเด็กอยู่ ถ้าเกิดว่าหม่ามี๊ไม่รับผิดชอบ หนูจะเลียนแบบนิสัยที่ไม่ดีของหม่ามี๊เอาได้นะคะ”

ซูสือเยว่:“……”

ซิงเฉิน “ในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่มีพลังการต่อสู้เต็มMAX การรังแกผู้ชายที่มือเจ็บอยู่ ถ้าเกิดว่าพูดออกไปมันคงน่าอายน่าดูเลยนะครับ

ซิงหยุนออกจากห้องไป แล้วก็ยัดกล่องยาเข้าไปในมือของซูสือเยว่ “รับผิดชอบให้พวกเราดูเป็นแบบอย่างเถอะครับ”

ซูสือเยว่:“……”

เธอหันหน้าไปมองเด็กทั้งสามของเธอ แล้วก็หันไปมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดของฉินโม่หาน

ในที่สุดทัศนคติของหญิงสาวก็อ่อนลง

เธอหันไป แล้วก็ถือกล่องยาไปพร้อมกับนั่งลงที่เตียง หลังจากนั้นก็ชำเลืองมองฉินโม่หานอย่างเย็นชา “ยังไม่รีบมาอีก ฉันจะทำแผลให้!”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset