ฉินโม่หานมองซูสือเยว่
ใบหน้าของหญิงสาวยังคงสวยงามและละเอียดอ่อน
ในขณะเดียวกัน แม้ว่าสีหน้าของเธอจะดูเย็นชา แต่ว่าภายในดวงตาที่ชัดเจนคู่นั้น กลับเผยให้เห็นความเป็นห่วงและความเป็นกังวล
เขายิ้มมุมปากจางๆ แล้วก็เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เธอ
ซูสือเยว่หายใจเข้าลึกๆ พยายามยับยั้งชั่งใจความยากจะแทงผู้ชายเลวๆ คนนี้ แล้วก็ดึงผ้าพันแผลที่มือขวาของเขาออกอย่างระมัดระวัง
บาดแผลที่น่าตกใจบนฝ่ามือของชายคนนั้นทำให้เธอตกตะลึง
เธอเม้มปาก ขณะที่กำลังทำความสะอาดเลือดที่ซึมออกมาจากแผล ก็แสร้งทำเป็นพูดสบายๆ ว่า “ทำไมถึงเป็นแผลได้ขนาดนี้? เอามือไปกำมีดมารึไง? ”
แผลแบบนี้ ต้องถูกฟันด้วยมีดมาอย่างแน่นอน
โชคดีแล้วที่มันไม่ได้โดนถึงกระดูก
ฉินโม่หานพยักหน้า “อืม”
“น้ำท่วมสมองรึยังไง? ”
ซูสือเยว่กลอกตาใส่เขา หลังจากเช็ดเลือดที่ฝ่ามือด้วยแอลกอฮอล์แล้ว ก็เริ่มทายาที่แผลของเขา “แก่ขนาดนี้แล้ว เอามือไปจับมีดทำไม? ”
ฉินโม่หานมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของเธอ แล้วก็คลี่ยิ้มเบาๆ “เพื่อจะปกป้องคนคนหนึ่ง”
หญิงสาวที่กำลังทายาให้เขาก็ชะงักเล็กน้อย
“ผู้หญิง?”
“ใช่”
“เหอะ”
ซูสือเยว่เบะปาก แล้วก็ทายาให้เขาจนเสร็จ พร้อมกับพันแผลให้เขาใหม่อีกครั้งหนึ่ง “แล้วเธออยู่ไหนล่ะ? ทำไมไม่มาอยู่กับนาย? ”
“นายเจ็บแทนเธอขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอไม่มาดูแลนายล่ะ? ”
ชายหนุ่มยิ้ม “เธอดูแลแล้ว เธอไม่เห็นเอง”
ซูสือเยว่กลอกตาใส่เขา แล้วก็พูดด้วยเสียงเบา “ผู้ชายเลวๆ ”
ตอนแรกที่เธอให้กำเนิดลูกทั้งสามคนของเขา แล้วถูกขังไว้ในโรงพยาบาลเหมือนนักโทษนั้น เขาก็มาหาเธอในฐานะผู้ช่วยชีวิต บอกว่าจะช่วยเธอกับลูกออกไป
เธอเชื่อใจเขา แต่ไม่คิดเลยว่า ที่แท้แล้วเขาวางแผนจะช่วยแค่ลูก ไม่ได้จะกลับมาหาเธอเลย
พอคิดได้แบบนี้แล้ว เธอก็พันผ้าก๊อซด้วยอารมณ์ที่เศร้าหมอง แล้วก็หันหลังไปเก็บกล่องยา
ฉินโม่หานนั่งอยู่ขอบเตียง มองดูการกระทำของเธอ แล้วรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา
ตอนแรกที่เธอกับเขาแต่งงานกันนั้น ทุกครั้งที่เธอได้รับบาดเจ็บจากกองถ่าย จะหยิบกล่องยามาทำแผลให้ตัวเองทุกครั้ง
ท่าทางที่เธอเก็บกล่องยาในตอนนั้น เหมือนกับเธอในตอนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน
เขามองใบหน้าของเธอ แล้วก็ยิ้มเบาๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง พอซูสือเยว่เก็บกล่องยาเสร็จแล้ว ก็พบว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังจ้องหน้าของตัวเองอยู่
เธอเบะปากและกลอกตาใส่เขา “มองอะไร? ”
ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ละสายตากลับมา
ในห้องนอนก็เงียบลง
แล้วก็ผ่านไปอยู่นาน ซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็หันมามองหน้าฉินโม่หาน “นายให้คนไปลักพาตัวฉันมาที่นี่ เพื่อที่จะมานั่งมองหน้าฉันน่ะเหรอ? ”
ฉินโม่หานคลี่ยิ้ม “ฉันกำลังคิดอยู่ว่า จะทำยังไงให้เธอฟื้นความทรงจำได้บ้าง”
ซูสือเยว่เบะปาก “แล้วนายคิดออกรึยังล่ะ? ”
“ยัง”
ซูสือเยว่มองบนใส่เขา “มองนานขนาดนี้ยังคิดไม่ออกอีก ห้ามมองแล้ว!”
พอพูดจบ เธอก็หันหน้าไป แล้วก็ขึ้นไปตรงระเบียง
หญิงสาวยืนอยู่ตรงระเบียงพร้อมกับถอนหายใจยาวออกมา ยกมือขึ้นตบหน้าแดงๆ ที่ร้อนผ่าวของตัวเอง
ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดฉินโม่หานคนนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตอนที่เขามองเธอด้วยสายตาที่ตรงไปตรงมานั้น……
หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง และใบหน้าของเธอก็ยังคงร้อนผ่าว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดี
แต่ว่า เขาก็เป็นคนเลวที่หล่อเหลาไม่เบาเชียวล่ะ
“ที่นี่ คือเมืองที่เธอควรจะอาศัยอยู่”
ตอนที่ซูสือเยว่กำลังเหม่อมองดูต้นไม้เขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปนั้น ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังแว่วมาจากด้านหลัง
เธอรีบหันหน้าไป
เจี่ยนเฉิงที่ไม่ได้เจอกันเมื่อนานมาแล้วยืนอยู่ตรงนั้น
เธอจำได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นักว่าไม่ได้เจอเขานานเท่าไหร่แล้ว
แต่ว่า เขาแก่และซีดเซียวลงจากในความทรงจำของเธอมาก
“พ่อคะ……”
เมื่อมองหน้าของเขา เธอก็เอ่ยสองคำนี้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เจี่ยนเฉิงยิ้ม “จนถึงตอนนี้ ยังเรียกฉันว่าพ่ออีกเหรอ? ”
เขาค่อยๆ เดินไปที่ระเบียง แล้วก็นั่งลงข้างๆ ซูสือเยว่ แล้วก็มองไปยังสถานที่ไกลๆ “เธอคือคุณหญิงใหญ่ของตระกูลเจี่ยน พ่อของเธอคือเจี่ยนหมิงจง ผู้นำของตระกูลเจี่ยนรุ่นก่อน ส่วนแม่ก็คือหลิวหรูเยียนผู้นำของตระกูลเจี่ยนในตอนนี้”
“เธอกับฉัน……”
ผู้ชายคนนั้นคลี่ยิ้มจางๆ “ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันเลย”
“ก็แค่เคยเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอเท่านั้น”
ซูสือเยว่เม้มปาก แล้วก็หันหน้าไปมองยังที่ไกลๆ “แต่ว่า หนูก็ยังรู้สึกว่าหนูควรเรียกคุณว่าพ่อ”
พอพูดจบเธอก็หลับตาลง แล้วก็ถอนหายใจยาวออกมา “หนูยอมเป็นลูกของคุณมากกว่า”
“ถ้าเกิดว่าไม่มีพ่อแม่แบบนี้ หนูก็คงไม่ถูกจับไปอยู่ในที่ที่ ไม่คุ้นเคย แล้วก็ไม่ถูกบังคับให้เรียนทางธุรกิจด้วย”
“ที่จริงเธอจะไม่เรียนก็ได้”
ซูสือเยว่ส่ายหน้า “ถ้าเกิดว่าไม่เรียน หนูก็ต้องแต่งงานกับตระกูลจี้ แต่งงานกับคุณชายของตระกูลจี้”
“หนูไม่ต้องการแบบนั้น”
เจี่ยนเฉิงหัวเราะออกมา “คุณชายของตระกูลจี้หล่อมากเลยนะ เป็นดาราหนังแหนะ”
ซูสือเยว่ก็ยังส่ายหน้า “ยังไงหนูก็ไม่ต้องการอยู่ดี”
“แต่ว่า ตระกูลเจี่ยนคือความรับผิดชอบของเธอ”
เจี่ยนเฉิงยกมือขึ้นมาลูบหัวของเธอเบาๆ “ชะตาชีวิตของเธอถูกกำหนดไว้แล้ว เธอต้องทำเพื่อความสุขและประโยชน์ของตระกูลเจี่ยน”
“มันคือความรับผิดชอบของเธอ เธอหนีไม่พ้นหรอก”
คนของตระกูลเจี่ยนก็ไม่อนุญาตให้เธอหนีด้วย
ซูสือเยว่ถอนหายใจยาว เธอแนบตัวลงบนราวเหล็กอย่างเหี่ยวแห้งเหมือนกับลูกโป่งฟีบ “ถ้าเกิดว่ามีวิธีที่ไม่ต้องแต่งงานกับตระกูลจี้ ไม่ต้องเรียน แต่ทำให้ตระกูลเจี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็คงได้”
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทาง”
เจี่ยนเฉิงเงยหน้ามองเธอ “แต่ว่า เธอต้องยินยอม”
ซูสือเยว่ตาเป็นประกาย “ลองบอกมาสิคะ? ”
“คบกับฉินโม่หาน”
เจี่ยนเฉิงพูดอย่างกระชับและรัดกุม “เธอไม่สามารถจัดการเรื่องทางธุรกิจของตระกูลเจี่ยนได้ แต่ว่าฉินโม่หานสามารถทำได้”
“เขาเป็นอัจฉริยะทางโลกธุรกิจที่หาตัวจับได้ยาก””
“ตอนแรกที่เขาพึ่งจะได้มารับกิจการของฉินซื่อกรุ๊ปต่อนั้น พี่ชายของเขาฉินเจี้ยนหมิงได้บริหารงานจนเป็นหนี้ก้อนโต”
“แต่ว่าพอมาถึงมือของเขา เขาแค่ใช้เวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น ที่ทำให้ฉินซื่อกรุ๊ปฟื้นกลับมามีชีวิตได้ดังเดิม”
“ถ้าเกิดว่าเขายินยอมจะช่วยเรื่องของตระกูลเจี่ยน ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่ได้ต้องใช้เวลามาก ในการทำให้ตระกูลเจี่ยนรอดพ้นจากวิกฤต”
ซูสือเยว่หันกลับไปมองเจี่ยนเฉิง
“นี่มันไม่ต่างอะไรกับการแต่งงานกับคุณชายของตระกูลจี้เลยนี่? ”
“ต่างสิ”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำและเฉยเมยของฉินโม่หานดังขึ้นที่ด้านหลังของเธอ
ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ซูสือเยว่ พร้อมกับยิ้มจางๆ
“ข้อที่หนึ่ง เธอกับฉันเป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอคบกับฉัน มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ข้อที่สอง เธอคือแม่ของลูกทั้งสามคนของฉัน หลังจากคบกับฉันแล้ว ก็จะได้เข้ากับเด็กๆ ได้ดียิ่งขึ้น”
“สุดท้าย”
เขาคลี่ยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกับหันไปมองหน้าซูสือเยว่ “ฉันมีวิธีที่ทำให้ตระกูลเจี่ยนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งจริงๆ ”
ซูสือเยว่มองไปที่ใบหน้าที่คมชัดของเขา แล้วจู่ๆ หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปนาน ในที่สุดเธอก็สามารถระงับความรู้สึกใจสั่นของตัวเองได้
“แล้วถ้าเกิดฉันขอให้นายช่วยตระกูลเจี่ยน……นายต้องการอะไรจากฉัน? ”