ฉินโม่หานหันหน้ามา แล้วก็มองดูป่าไม้ที่อยู่ไกลๆ “ต้องการเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น”
“เมื่อสามารถแก้ไขเรื่องของตระกูลเจี่ยนได้แล้ว เธอกลับไปกับฉัน ไปเป็นภรรยาของฉันต่อ”
หัวใจของซูสือเยว่ มันเต้นอย่าบ้าคลั่งตอนที่เขาพูดประโยคสุดท้ายออกมา
เขาบอกว่า ต้องการให้เธอเป็นภรรยาของเขา
ถ้ายังงั้นเขา……
เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง แล้วก็หันไปมองหน้าฉินโม่หาน “แต่ว่าหานหยุนบอกว่านายแต่งงานแล้ว”
“ฉันแต่งงานแล้วจริงๆ นั่นแหละ”
ฉินโม่หานหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วก็เปิดออก “แล้วอีกอย่าง ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ฉันบอกว่า ให้กลับไปกับฉัน ไปเป็นคุณนายฉินต่อ”
พอพูดจบ ชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วก็เปิดรูปให้เธอดู “ดูสิ”
ซูสือเยว่มองเขาอย่างสงสัย หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์เขามา
ในโทรศัพท์นั้น คือรูปถ่ายทะเบียนสมรสสองรูป
ในทะเบียนสมรสนั้นเขียนชื่อของเธอกับฉินโม่หานอย่างชัดเจน
หญิงสาวมือสั่น
“เปิดต่อสิ”
เธอเม้มปาก แล้วก็เปิดรูปต่อไป
หลังจากรูปทะเบียนสมรสนั้น เป็นรูปของเธอกับเขา
หลายรูปมากๆ
มีรูปที่พวกเขายืนอยู่ริมทะเล แล้วก็รูปที่พวกเขาถ่ายรวมกับซิงหยุนและซิงเฉิน แล้วก็รูปที่พวกเขาถ่ายด้วยกันในกองถ่าย
ตัวเธอในรูปภาพทุกรูปนั้น ยิ้มหวานและดูมีความสุขอย่างมาก
ฉินโม่หานยืนอยู่ข้างๆ เธอ ดูสง่าและเป็นสุภาพบุรุษ
ทุกรูปนั้น เธอรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
แต่ว่าพอพยายามจะคิดอย่างถี่ถ้วน เธอกลับรู้สึกปวดหัวคิดอะไรไม่ออก
สุดท้ายแล้ว เธอก็เปิดดูรูปทั้งอัลบั้ม แต่หัวใจกลับรู้สึกว่างเปล่าเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง
หลังจากผ่านไปนาน หญิงสาวถึงได้เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองใบหน้าของฉินโม่หานนิ่ง “รูปพวกนี้……เป็นของจริงหมดเลยเหรอ? ”
“แน่นอนสิ”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มจางๆ แล้วก็ดึงโทรศัพท์กลับมา “ฉันรู้ ว่าเธอสูญเสียความทรงจำที่มีกับฉันไปมากมาย สิ่งที่จำได้ ก็มีแค่ตอนที่ฉันทิ้งเธอไว้ในกองไฟเมื่อห้าปีที่แล้ว”
พอพูดจบ เขาก็หันไปมองเจี่ยนเฉิง พร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ “พ่อตาครับ รบกวนหลบไปก่อนได้ไหมครับ? ”
เจี่ยนเฉิงที่ยืนเผือกอยู่ไม่ไกลนั้นก็เหมือนพึ่งจะตื่นจากฝัน
เขากระแอมอย่างเก้อเขินแล้วก็หันหลังเดินเข้าห้องไป
ตอนที่เดินไปถึงประตูนั้น เขาก็ยังปิดประตูระเบียงให้พวกเขาอย่างใส่ใจ
มีลมพัดเบาๆ ที่ระเบียง
ฉินโม่หานยืนอยู่ที่เดิม แล้วก็คลี่ยิ้มจางๆ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อโค้ตของเขา
ซูสือเยว่อึ้งไป จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังอยากจะทำอะไร
หญิงสาวคว้ามือของเขาที่กำลังจะถอดเสื้อผ้า “นายจะทำอะไร!?”
“นี่มันระเบียงนะ!”
ฉินโม่หานชะงักไป ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าหญิงสาวคนนี้กำลังเข้าใจผิดเรื่องอะไรอยู่
เขาคลี่ยิ้ม จงใจจะหยอกเธอ “ฉันก็แค่อยากจะเห็นความจริงใจ ที่เธอจะร่วมงานกับฉัน”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น
ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดคนของตระกูลเจี่ยนที่ถือว่าตนถูกต้อง และต้องการใช้เธอเป็นเครื่องมือ
แต่ว่ายังไงเลือดในร่างกายของเธอก็เป็นตระกูลเจี่ยน
เจี่ยนเฉิงเองก็บอกว่า เธอคือสายเลือดของตระกูลเจี่ยน ก็ควรจะต้องรับผิดชอบหน้าที่นี้
แล้วอีกอย่าง เธอก็หลีกหนีมันมา23ปีแล้ว
คนเรา ไม่สามารถหลีกหนีความรับผิดชอบของตัวเองไปได้ตลอดหรอกใช่ไหม?
แล้วอีกอย่าง สิ่งที่เจี่ยนเฉิงกับฉินโม่หานพูดก็ถูก
ฉินโม่หานคือคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนกับการจะมาเป็นลูกเขยตระกูลเจี่ยน
ถ้าเกิดว่าจะให้เธอเลือกระหว่างเรียนต่อหรือว่าแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าจากตระกูลจี้นั้น……
เธอยินยอมที่จะร่วมมือกับฉินโม่หาน
อย่างน้อย ในมือของเขาก็ยังมีลูกของเธออยู่สามคน
แล้วอีกอย่าง จากรูปที่เขาเปิดให้เธอดู ทะเบียนสมรสนั้นไม่ใช่ของปลอม
รอยยิ้มของเธอบนรูปภาพนั้นมันไม่ได้เสแสร้ง
พอคิดได้แบบนี้ หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็บังคับให้ตัวเองดึงมือที่จับมือผู้ชายคนนั้นไว้ออกมา
เธอหันหน้าไป “ถ้ายังงั้น……ก็ถอดเลย!”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างชั่วร้าย “เธอไม่มอง ฉันถอดไปก็ไม่มีความหมายน่ะสิ”
ซูสือเยว่:“……”
ผู้ชายคนนี้รู้จักคำว่าอายรึเปล่า?!
แต่ว่า สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงหันหน้าไป
มองก็มองสิ!
ขอแค่เธอไม่เก้อเขิน คนที่เขินก็ต้องเป็นฉินโม่หานเอง!
ภายใต้สายตาที่ไม่กลัวตายของเธอนั้น ฉินโม่หานก็ถอดกระดุมเสื้อโค้ตของเขาทีละเม็ด
หลังจากนั้นเขาก็ยัดเสื้อโค้ตที่มีกลิ่นของเขาติดอยู่ใส่ไว้ในมือของเธอ “ถือ”
ซูสือเยว่กลอกตา แต่สุดท้ายก็รับไป
เธออยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าผู้ชายคนนี้จะไปได้มากแค่ไหน!
ตอนที่ทั้งสองมือของเธอรับเสื้อคลุมของเขามานั้น ปลายนิ้วของเขาก็แตะโดนฝ่ามือของเธอ
การสัมผัสที่แปลกและคุ้นเคยนั้น มันเหมือนกับได้ปะทะกับกระแสไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้านั้นพุ่งเข้าสู่หัวใจของเธอ
บนเสื้อโค้ทในมือของเธอนั้น เหมือนจะมีอุณหภูมิของเขาติดอยู่
เธอเอามือสัมผัสอุณหภูมิที่อบอุ่นนั้น แล้วหัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นทันใด จู่ๆ เธอก็รู้สึกเจ็บจมูกเกือบจะร้องไห้ออกมา
ซูสือเยว่สูดลมหายใจเข้า พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ตัวเองดูผิดปกติ และจ้องมองฉินโม่หานต่อไป
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงอยากร้องไห้
ทั้งๆ ที่……
ความรู้สึกที่เธอมีให้ผู้ชายตรงหน้านั้นมีแต่ความเกลียดชัง ไม่มีความรักเลย
หรือบางทีมันอาจจะมีความรัก แต่ว่าเธอจำไม่ได้แล้ว ใช่ไหม?
ตอนที่เธอพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองอย่างหงุดหงิดนั้น ฉินโม่หานก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีขาวของตัวเองออก แล้วก็เผยให้เห็นไหล่ซ้ายของเขาที่มีแผลไฟไหม้ขนาดใหญ่
ความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นของซูสือเยว่หายไปทั้งหมดหลังจากที่ได้เห็นแผลเป็นเหล่านั้นของเขา
เธอมองแผลของเขาด้วยความตกใจ “นี่นาย……”
“เมื่อก่อน เธอเคยถามฉัน ว่าทำไมถึงมีแผลเป็นแบบนี้”
“ตอนนั้น ฉันจำไม่ได้ว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้น กลัวว่าพูดไปแล้วจะทำให้เธอเสียใจ ก็เลยไม่ได้พูดไป”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองหน้าเธอ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ถ้าเกิดรู้ตั้งแต่แรกว่าเธอคือเฉินเชี่ยนที่เขาเล่ากัน ฉันคงจะจับเธอไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเธอ”
สายตาที่เขามองเธอนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความผูกพัน
ซูสือเยว่รู้สึกไม่กล้าสบตากับเขา
หญิงสาวเบือนหน้าไปทางอื่น “ถ้ายังงั้นแผลเป็นของนาย……”
“ได้มาจากเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อห้าปีที่แล้ว”
“ตอนนั้นมีแผลเป็นอยู่เยอะเลยล่ะ แต่ว่าแผลเล็กๆ ก็ผ่าตัดจนหายไปแล้ว”
“แต่ว่าแผลอันนี้มันลึกและยาวเกินไป ศัลยแพทย์ตกแต่งที่ดีที่สุดก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ฉันก็เลยตัดสินใจเก็บแผลเป็นอันนี้ไว้ ไว้เป็นที่ระลึกถึงเธอ”
ซูสือเยว่หลุบตาลง ไม่ได้พูดอะไร
ที่จริงแล้วต่อให้เขาไม่พูด ในใจเธอก็มีคำตอบอยู่แล้ว
เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อห้าปีก่อนนั้น บนร่างกายของเธอก็มีรอยไหม้มากมายเหมือนกัน
แต่ว่าของเธอมันเป็นแค่แผลเล็กๆ ต่อมาตอนที่โดนขังอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชนั้น ก็ค่อยๆ ซ่อมแซมมันไปทีละน้อย
แต่ว่า……
“ทั้งๆ ที่นายออกไปก่อนฉัน ทำไมถึงได้บาดเจ็บรุนแรงกว่าฉันอีกล่ะ? ”
เธอต่างปากที่เป็นคนที่อยู่ในกองไฟนานที่สุด
ถ้าูดตามเหตุผลแล้ว คนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด ควรจะเป็นเธอสิถึงจะถูก
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ถูกไฟไหม้รุนแรงขนาดนั้นหนิ……
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ? ”
ฉินโม่หานยื่นมือขึ้นมา เอามือลูบใบหน้าที่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือของเธออย่างแผ่วเบา “เธอบอกว่าฉันเป็นผู้ชายเลวๆ บอกว่าฉันไม่รักษาสัญญา”
“แต่ว่าในเมื่อเธอถูกคนอื่นช่วยออกมาแล้ว จะให้ฉันตามหาเธอได้ยังไงกัน? ”
ซูสือเยว่อึ้งไปในทันที
เธอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาใสๆ ของเธอมองมาที่เขาด้วยความตกใจ “เพราะฉะนั้น นาย……”
“ฉันไม่ได้ไม่รักษาสัญญา”
“หลังจากที่เอาลูกไปไว้ในที่ปลอดภัย ก็มีคนมาห้ามฉัน บอกว่ามันอันตรายเกินไปไม่ให้ฉันเข้าไปอีก”
“แต่ว่าฉันก็จะเข้าไปอยู่ดี”
“แต่น่าเสียดาย ที่ฉันหาอะไรไม่เจอเลย”
หัวใจของซูสือเยว่ รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
เธอหลับตาลง น้ำเสียงสั่นเครือ “ดังนั้น ……นายไม่ได้ทิ้งฉันไว้โดยไม่สนใจ……ใช่ไหม? ”