คำพูดของซูสือเยว่ ทำให้สีหน้าของผู้ดูแลบ้านเสิ่นดูแย่ขึ้นมาในทันที
เธอบอกว่า จะให้แย่งฉินโม่หานกลับไปเป็นสามี!
ต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะแย่งใครสักคนไปเป็นสามี?
มันโจรชัดๆ !
คำพูดของซูสือเยว่ดูผิวเผินเหมือนกับว่าอยากจะพาฉินโม่หานกลับไป แต่ว่าความจริงแล้วนั้น……
เธอกำลังบอกว่าตระกูลเจี่ยนเป็นโจร!
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นมองหน้าซูสือเยว่ด้วยสีหน้าที่หนักอึ้งและกัดฟันกรอก “คุณผู้หญิง หยุดวุ่นวายได้แล้วครับ”
“คุณต้องเป็นตัวแทนของตระกูลเจี่ยน แต่งงานกับคุณชายใหญ่ของตระกูลจี้”
“ผู้ดูแลบ้านเสิ่น”
ฉินโม่หานยิ้มจางๆ แล้วก็ยื่นมือไปโอบซูสือเยว่ไว้ “ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกคุณแล้วไง ว่าซูสือเยว่คือภรรยาของผม”
“พวกเรามีทะเบียนสมรส และเป็นคู่สามีภรรยากันตามกฎหมาย”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นหัวเราะอย่างเย็นชา “คุณเองก็รู้ว่า ทะเบียนสมรสของคุณนั้นจดกับซูสือเยว่นิ? ”
“แต่ว่าคุณผู้หญิงของตระกูลเรา มีชื่อของเธอเอง! เธอชื่อเจี่ยนสือ!”
ผู้หญิงในอ้อมแขนของฉินโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชื่อนี้……
เธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลย
“ฉันเปลี่ยนชื่อไม่ได้เหรอ?”
“ได้สิครับ”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่น “ถ้าไม่เปลี่ยนชื่อ ก็หย่าสิ”
“หนูไม่เห็นด้วย!”
บนบันไดนั้น ซิงกวงที่สวมใส่ชุดเดรสสีขาวก็ค่อยๆ เดินลงมา “หนูไม่เห็นด้วย!”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นเหลือบมองเธอ ทันใดนั้นดวงตาเขาก็เป็นประกายทันที!
เด็กน้อยคนนี้ เขาเคยเห็น!
จี้ซิงกวง
เด็กน้อยที่คุณชายของตระกูลจี้เก็บมาเลี้ยง เธอเคยไปเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดของคุณหญิงใหญ่ตระกูลจี้เธอเป็นเด็กฉลาดและหัวใจ คนของตระกูลจี้ทั้งหมดต่างชื่นชอบเธอ!
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นที่เมื่อกี้ยังมองซิงกวงด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
“องค์หญิงน้อยจี้ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันครับ? ”
ซิงกวงทำปากมุ่ย แล้วก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูสือเยว่กับฉินโม่หานด้วยสีท่าทางที่สง่างาม แล้วก็มองหน้าผู้ดูแลบ้านเสิ่นด้วยสีหน้าที่หยิ่งผยอง “หนูก็ต้องอยู่ที่นี่สิ”
“เพราะว่าฉินโม่หานคือพ่อแท้ๆ และซูสือเยว่ก็คือแม่แท้ๆ ของหนูไง!”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นหน้าซีด
ลูกบุญธรรมของคุณชายตระกูลจี้……
คือลูกของฉินโม่หานยังงั้นเหรอ?
“หนูไม่เห็นด้วยที่แด๊ดดี้กับหม่ามี๊จะหย่ากัน และหนูก็ไม่อยากให้คุณอาจี้แต่งงานกับหม่ามี๊ของหนูด้วย”
ซิงกวงกอดอก “ถ้าเกิดว่าคุณจะให้หม่ามี๊แต่งงานกับคุณอาจี้ให้ได้ หนูจะบอกคุณยาย ว่าคุณบังคับให้หนูแยกจากพ่อแท้ๆ หนูจะเป็นโรคซึมเศร้า หนูไม่มีความสุข!”
“ถึงเวลานั้นก็คอยดูได้เลย ว่าคุณยายจะให้ตระกูลจี้ช่วยตระกูลเจี่ยนอยู่รึเปล่า!”
เสียงของสาวน้อยนั้นใสซื่อ แต่กลับน่าเกรงขามอย่างมาก
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นเหงื่อซึมออกหน้าผาก
คุณหญิงใหญ่ของตระกูลจี้รักสาวน้อยคนนี้ขนาดไหน เขาเองก็เคยเห็นอยู่
ตอนแรก……
เพราะว่าจี้ซิงกวงอยากกินสตอเบอร์รี่ คุณหญิงใหญ่ให้ซื้อสตอเบอรี่จากทั่วทุกมุมโลกมาให้เธอเลือก
เพราะว่าจี้ซิงกวงอยากเล่นสกี คุณหญิงใหญ่ก็ทุ่มเงินหลายสิบล้านเพื่อสร้างสกีรีสอร์ตให้เธอกลางฤดูร้อน
เพราะว่าจี้ซิงกวงรู้สึกว่าชื่อตัวเองเป็นเหมือนดวงดาว ก็เลยชอบแหงนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว คุณหญิงใหญ่ก็ซื้อดาวเคราะห์ในอวกาศให้เธอดวงหนึ่ง และตั้งชื่อว่าซิงกวงน้อย……
คนในสังคมชั้นสูงของยุโรปต่างก็พูดว่า ถึงแม้ว่าจี้ซิงกวงจะเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แต่ว่าคุณหญิงใหญ่จี้ปฏิบัติกับเธอนั้น เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติกับเจ้าบ้านตระกูลจี้ในขณะนั้น ทั้งโอ๋ทั้งให้ความสำคัญ
แม้แต่มีคนบอกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหญิงใหญ่จี้นั้น เด็กน้อยคนนี้ยังเป็นที่โปรดปรานมากกว่าคนรับเลี้ยงเธออย่างจี้หนานเฟิงอีก
ยิ่งคิด เหงื่อของผู้ดูแลบ้านเสิ่นยิ่งออกมาก
คนๆ นี้คือปีศาจตัวน้อยที่เขาไม่สามารถทำให้คับข้องใจได้จริงๆ!
ถ้าเกิดว่าเขาบังคับให้ซูสือเยว่หย่ากับฉินโม่หานและแต่งงานกับจี้หนานเฟิงจริงๆล่ะก็ สาวน้อยคนนี้ต้องไปนินทาว่าร้ายกับคุณหญฺงใหญ่จี้อย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่ตระกูลจี้จะช่วยเหลือตระกูลเจี่ยนในอนาคตนั้น ถึงมีอุปสรรคมากมายโดยแน่
ถึงแม้เขาจะไม่คิดว่าคุณหญิงใหญ่จี้จะไม่มีสติเพราะว่าเด็กคนนี้ แต่……ถ้าเกิดว่าใช่ล่ะ?
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็เช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง ก็โน้มตัวลงไปมองซิงกวงตัวน้อยที่ตัวไม่สูงเท่าไหร่แต่กลับดูมีพลังอำนาจเป็นอย่างมาก “ถ้ายังงั้นหนูอยากให้ทำยังไงล่ะ? ”
ซิงกวงโบกมือ “คุยเรื่องเงื่อนไขกับแด๊ดดี้!”
ในเมื่อพูดมาขนาดนี้แล้ว ผู้ดูแลบ้านเสิ่นถอนหายใจออกมา แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองฉินโม่หาน “ถ้างั้น……คุยก็ได้”
……
ณ เมืองหรง
จี้หนานเฟิงกำลังนั่งดื่มคลายทุกข์อยู่ในบาร์
เขากลับมาเมืองหรงหลายวันแล้ว
ตอนแรกนั้น เขาตรวจสอบสถานที่ในวันที่ซูสือเยว่หายตัวไปซ้ำแล้วซ้ำอีก
แต่ว่าก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากนั้นเขาก็พบว่า ไม่เพียงแต่ซูสือเยว่หายตัวไป ฉินโม่หานก็ยังพาลูกทั้งสามคนไปด้วย
ซิงกวงไม่ได้ติดต่อเขา แค่ทิ้งเจิ้งเจิงไว้ แล้วบอกเขาว่า เธอกับแด๊ดดี้และพี่ชายอีกสองคนจะไปตามหาหม่ามี๊
“คุณอาจี้ หนูจะคิดถึงคุณอา! รอให้หนูหาหม่ามี๊เจอเมื่อไหร่ หนูจะกลับมานะคะ!”
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็ฟังคำพูดที่สาวน้อยทิ้งไว้ให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
สุดท้าย ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
ซูสือเยว่……
เธอหายไปไหนกันแน่?
“คุณจี้?”
เหลียงหยูซินที่กำลังมากินข้าวกับเพื่อนนั้นผลักประตูเข้ามา แล้วก็จำเขาที่นั่งอยู่ตรงมุมได้ในทันที
หญิงสาวทักทายเพื่อนๆ ของเธอ แล้วก็เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เขา “ยังไม่มีข่าวคราวของซูสือเยว่เลยเหรอ? ”
จี้หนานเฟิงหันไปมองเธอ แล้วก็ส่ายหัวอย่างขมขื่น
“ค่อยๆ แล้วกัน”
เหลียงหยูซินถอนหายใจ แล้วก็สั่งเหล้ามาสองแก้ว แล้วก็นั่งพิงบาร์อย่างสบายๆ “ที่นายกลับไปในครั้งนี้ เพราะจะไปยกเลิกสัญญาหมั้นกับตระกูลเจี่ยนอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ? ”
“ได้ยินมาว่าตระกูลเจี่ยนคนนั้นถูกพบแล้ว? ”
“ฉันไม่ได้เจอเธอ”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้ว แล้วก็หยิบแก้วขึ้นมาดื่ม “ฉันไม่ได้สนใจในตัวเธอ”
“ตระกูลเจี่ยนเร่งรีบจะให้เธอแต่งงานกับฉัน ก็เพราะว่าต้องการจะให้ตระกูลจี้ช่วยเหลือตระกูลเจี่ยน”
“ฉันไม่ต้องการให้การแต่งงานของฉันกลายเป็นเครื่องมือทางธุรกิจของทั้งสองครอบครัว”
“ยิ่งไปกว่านั้น”
ชายหนุ่มวางแก้วลง “คนที่ตระกูลเจี่ยนพากลับมานั้น ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคุณหนูของตระกูลเจี่ยนจริงๆ ”
เหลียงหยูซินพยักหน้า
“ตระกูลของพวกเราเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลเจี่ยน”
“พ่อฉันก็เคยช่วยตระกูลเจี่ยนตามหาคุณหนูเหมือนกัน”
“คุณหนูของตระกูลเจี่ยนมีเอกลักษณ์เฉพาะอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือมีปานรูปหัวใจที่เอว ส่วนอย่างที่สอง……เธอสวมจี้หยกของหลิวหรูเยียน”
พอพูดจบ เธอก็วางรูปปานและจี้หยกลงบนโต๊ะ “ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเจี่ยนค่อนข้างจะเข้าขั้นวิกฤต ผู้ดูแลบ้านเสิ่นมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเอาตัวปลอมมา หลักฐานสองอย่างนี้……ถือว่าฉันช่วยนายแล้วกัน”
จี้หนานเฟิงมองเธอนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร
เหลียงหยูซินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าเพื่อนเธอที่อยู่ชั้นบนก็เริ่มเรียกหาเธอแล้ว
เธอบอกลาจี้หนานเฟิงแล้วก็เดินออกไป
หลังจากที่เหลียงหยูซินไปแล้ว จี้หนานเฟิงก็มองดูรูปบนโต๊ะ แล้วก็หัวเราะอย่างเย็นชา
เขาหยิบเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม แล้วก็เดินออกไป
หลังจากที่ชายหนุ่มออกไปแล้ว บาร์เทนเดอร์ก็ขมวดคิ้ว กำลังอยากจะหยิบสองรูปนั้นขึ้นมาเพื่อเอาไปทิ้ง ทันใดนั้นก็มีมือของผู้หญิงคนหนึ่งยื่นเข้ามาแย่งรูปนั้นไป
หยางชิงโยวหยิบรูปนั้นมา “ขอโทษทีค่ะ พอดีว่าคนเมื่อกี้คือเพื่อนฉันเอง เดี๋ยวฉันเก็บไว้ให้เขาเอง”
เพราะว่ากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับจี้หนานเฟิง หลายวันมานี้ เธอก็ตามเขาไปทุกย่างก้าว
พอออกจากบาร์มาแล้ว เธอก็เหลือบมองรูปภาพในมือของเธอ
ทันใดนั้น เธอก็อึ้งไปในทันที
จี้หยกนี้……
หญิงสาวก็รีบเรียกรถกลับบ้าน แล้วก็หยิบจี้หยกที่เหมือนกับในรูปเป๊ะๆ ออกมาจากลิ้นชัก
ข้างหูก็มีเสียงที่เย่เชียนจิ่วพูดกับเธอดังแว่วขึ้นมา
“นี่คือสิ่งที่น้องสาวของซูสือเยว่ ซูโม่ให้ฉันเอาไว้ ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่แม่ของซูสือเยว่ทิ้งไว้ให้ แพงมาก”
“แต่ว่าฉันให้คนมาประเมินแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นหยกแท้ แต่ฝีมือไม่ละเอียด ลายก็ไม่สวย ราคาก็เลยอยู่ที่แค่แสนหยวนเท่านั้น”
“มันไม่มีค่าเทียบเท่าชุดราตรีของฉันด้วยซ้ำ ฉันให้เธอแล้วกัน”
หยางชิงโยวหรี่ตา แล้วก็กำจี้หยกในมือแน่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ลงไปเรียกแท็กซี่ “ไปโรงพยาบาลจิตเวชในเมืองค่ะ”