คำพูดของฉินหลิงยี่ ทำให้ทั้งทางเดินนั้นเงียบลงทันที!
สีหน้าของท่านปู่ฉินดูแย่อย่างมาก!
ตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่คนของตระกูลฉิน แต่ว่ายังมีจี้หนานเฟิงจากตระกูลจี้อยู่ด้วย!
แต่ว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนี้กลับเอาเรื่องในครอบครัวมาพูด!
ชายชราเคาะไม้เท้าอย่างแรง “หุบปากเดี๋ยวนี้!”
“แล้วผมพูดผิดเหรอ? ”
ฉินหลิงยี่หัวเราะอย่างเย็นชา “ผมกับพี่ใหญ่ไปแอบตรวจDNAมาแล้ว เขาไม่ใช่คนของตระกูลฉิน”
“หลายปีมานี้ พ่อทำเพื่อมัน แล้วเมินเฉยลูกแท้ๆ ของตัวเองมามากแค่ไหนแล้ว? ”
“หกปีก่อน พ่อยกฉินซื่อกรุ๊ปให้มันดูแล บอกว่าพี่ใหญ่ทำได้แค่ระดับรากหญ้า บอกว่าผมเป็นทหารจะไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ”
“พี่ใหญ่นั้นก็เห็นแก่เงิน ฉินโม่หานให้ผลประโยชน์เขาแค่เล็กน้อย ยกบริษัทเล็กๆ ให้บริษัทหนึ่ง เขาก็ดีใจไม่ไปติดใจเอาความอะไรแล้ว”
“แต่ว่ากับผมไม่ได้หรอกนะ”
ฉินหลิงยี่เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็จ้องหน้าท่านปู่ฉินเขม็ง “ตอนผมอายุ20 พ่อบอกว่าผมยังเด็กยังต้องการประสบการณ์”
“ผมก็เชื่อฟังพ่อ เลยไปเป็นทหาร”
“แต่หลังจากผมออกจากกองทัพมา พ่อก็บอกว่าผมไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ ให้เงินผมมาแล้วบอกให้ผมไปทำในเรื่องที่ผมชอบ”
“ผมตั้งใจเรียนเกี่ยวกับธุรกิจ เพราะอยากจะเป็นผู้สืบต่อตระกูลฉินอย่างแท้จริง”
“แต่ว่าสุดท้ายแล้ว พ่อก็ยกกิจการของตระกูลฉิน ให้คนนอกคนหนึ่ง!”
ไหนๆ ตอนนี้ก็ฉีกหน้ากันไปแล้ว ฉินหลิงยี่ก็ระบายความไม่พอใจในใจหลายปีออกมาอย่างไม่ลังเลเลย!
คำพูดของผู้ชายคนนี้ ทำให้ท่านปู่ฉินโกรธจนหน้าแดง สุดท้ายก็กระอักเลือกออกมา
“คุณปู่!”
ฉินหนานเซิงก็ไม่ได้สนใจที่จะปกป้องประตูด้านหลังเขาอีกต่อไป เขาพุ่งเข้าไปข้างหน้าเหมือนะนู แล้วก็รีบจับมือของท่านปู่ฉินเอาไว้ “ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ”
ท่านปู่เอามือกุมปากของตัวเอง เลือดก็ไหลออกมาจากนิ้วมือของเขา “ไม่……ไม่เป็นไร!”
“มันไม่เป็นอะไรที่ไหนกัน?!”
ฉินหนานเซิงกัดฟันแน่น แล้วก็กอดร่างของท่านปู่เอาไว้ “หมอ มานี่เร็วหมอ!”
แม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลจิตเวช แต่แพทย์ยังสามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินประเภทนี้ได้
ตรงทางเดินนั้น หมอก็รีบวิ่งเข้ามา ฉินหนานเซิงก็รีบประคองท่านปู่ขึ้นเตียงผู้ป่วย แล้วก็เข้าห้องฉุกเฉินไป
ส่วนประตูห้องของเย่เชียนจิ่ว
ฉินหลิงยี่เห็นว่าในที่สุดฉินหนานเซิงก็ไปแล้ว ก็รีบพาคนพังเข้าไป
“คุณฉิน”
จี้หนานเฟิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น แล้วก็ส่งสายตาให้เจิ้งเจิง
เจิ้งเจิงก็พุ่งเข้าไป แล้วก็ขวางตรงหน้าประตูของเย่เชียนจิ่วเอาไว้ “คุณคนนี้ ถ้าอยากจะเข้าไป ก็ต้องถามหมัดของผมก่อนนะ”
ฉินหลิงยี่ขมวดคิ้ แล้วก็สู้กับเจิ้งเจิง
“คนของตระกูลเจี่ยนเหรอ?”
หลังจากต่อสู้กันไปหลายรอบ ฉินหลิงยี่ก็ตกเป็นรอง
เขาขมวดคิ้ว พร้อมกับมองเจิ้งเจิงด้วยสายตาที่เยือกยเ็น
“ไม่คิดเลยว่าในเมืองหรงนี้ยังมีคนรู้เทคนิคของตระกูลเจี่ยนด้วย”
เจิ้งเจิงหัวเราะเบาๆ “อาจารย์ของผมเคยเป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกันตระกูลเจี่ยน และก็เคยเป็นบอดี้การ์ดให้ตระกูลเจี่ยนจริงๆ ”
แต่ว่า หลังจากนั้นตอนที่ไปพบตระกูลจี้กับคนของตระกูลเจี่ยนนั้น จี้หนานเฟิงก็เกิดชอบพอเขาขึ้นมา
ดังนั้นเขาก็เลยอยู่กับจี้หนานเฟิง เป็นบอดี้การ์ดให้จี้หนานเฟิงแทน
“ตระกูลเจี่ยน ตระกูลจี้”
ฉินหลิงยี่หัวเระาเยาะ “ฉันจะจำไว้”
พอพูดจบ เขาก็โบกมือเรียกคนของเขา “แยก”
พอได้ยินว่าพวกเขาจะกลับแล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เกิดไม่พอใจ “คุณฉิน พวกเรายังไม่ได้รับคนกลับไปเลยนะครับ”
“เมื่อกี้พวกเรากลัวคุณท่านจะเจ็บตัวก็เลยไม่กล้าลงมือ แล้วทำไมตอนนี้……”
ฉินหลิงยี่จ้องเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “สู้ไม่ชนะไม่กลับแล้วจะให้อยู่ทำอะไร?!”
ชายหนุ่มนั้นอึ้งไป แล้วก็รีบตามหลังฉินหลิงยี่ไปอย่างรวดเร็ว
”จุ๊ๆ ”
จี้หนานเฟิงมองดูทางที่พวกเขาจากไป แล้วก็ส่งรูปให้ซิงกวง “วางใจได้!”
พอเก็บโทรศัพท์แล้ว เขาก็มองเจิ้งเจิง “นายเฝ้าอยู่ที่นี่ต่อไปนะ ป้องกันไม่ให้พวกมันมาอีก ฉันจะไปดูท่านปู่ฉินหน่อย”
พอพูดจบ เจิ้งเจิงก็ยังคงมองไปยังไกลๆ ไม่ได้ตอบรับ
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้ว แล้วก็ยื่นมือไปสะกิดเจิ้งเจิง “มองอะไรน่ะ? ”
เจิ้งเจิงขมวดคิ้ว “ผมรู้สึกว่า……ฉินหลิงยี่คนนี้เนี่ย ค่อนข้างคุ้นตา……”
“เมื่อกี้ตอนที่เขาพูดถึงตระกูลเจี่ยน แววตาดูน่ากลัวมาก”
เหมือนกับพูดถึงศัตรูยังไงยังงั้น
แต่ว่าเจิ้งเจิงก็อยู่กับตระกูลเจี่ยนมาตั้งหลายปี แต่ว่าไม่เคยได้ยินเลยว่าตระกูลเจี่ยนที่ยุโรปมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลฉินในเมืองหรง……
จี้หนานเฟิงพูดซ้ำในสิ่งที่พูดเมื่อกี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าเจิ้งเจิงฟังชัดเจนแล้ว ถึงได้เดินไปยังห้องฉุกเฉินที่พาตัวท่านปู่ฉินไปเมื่อกี้นี้
ท่านปู่ฉินใช้เวลารักษากว่าชั่วโมงกว่า
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ชายแก่ก็นั่งเหี่ยวแห้งอยู่บนเตียงพร้อมกับกำมือฉินหนานเซิง “ตอนนี้แกรู้แล้วว่าอาเล็กไม่ใช่คนของตระกูลฉิน……แกจะเกลียดเขาเหมือนที่อารองเป็นรึเปล่า? ”
ฉินหนานเซิงส่ายหน้า
“อาเล็กก็คืออาเล็ก เขาทำกับผมยังไง ผมก็เห็นอยู่อย่างชัดเจน นี่มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาปิดกั้นต่อให้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดต่อกัน”
พอพูดจบ เขาก็ถอนหายใจออกมา “เมื่อก่อนตอนที่ผมยังเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ อาเล็กก็เอาแต่พูดว่า ต่อไปผมจะเป็นผู้รับช่วงต่อของตระกูลฉิน ต่อไปตระกูลฉินต้องพึ่งพาผม ให้ผมพยายามมุมานะ”
“แต่……เมื่อก่อนผมก็ไม่เข้าใจ”
“แต่ว่าตอนนี้ ผมเข้าใจแล้ว”
ที่จริงแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้น ฉินโม่หานไม่เคยมีความคิดที่อยากจะฮุบกิจการของตระกูลฉินไว้คนเดียวเลยใช่ไหม?
ท่านปู่ให้เขาเป็นคนดูแลทั้งหมด แต่ว่าเขาก็แอบฝึกฝนฉินหนานเซิงอย่างลับๆ
ท่านปู่ฉินถอนหายใจ “ไปเรียกจี้หนานเฟิงเข้ามาเถอะ”
“นี่ก็เป็นเวลา……ให้อาเล็กของแกกลับสู่บ้านเดิมแล้ว”
ฉินหนานเซิงชะงักไป ถึงแม้ว่าในใจเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็เรียกจี้หนานเฟิงที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาอย่างเชื่อฟัง
“เจ้าเด็กตระกูลจี้นี่”
ท่านปู่ฉินพิงหัวเตียงพร้อมกับยิ้มและมองมาที่เขา “ว่ากันว่าเรื่องน่าอายในครอบครัวไม่ควรเปิดเผยให้คนนอกรู้ แต่ว่าตอนนี้ในเมื่อนายรู้แล้ว ฉันก็จะบอกนาย……เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของโม่ฮาน”
“นายลองกลับไปปรึกษากับคนในตระกูลจี้หน่อยแล้วกัน……”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้ว แล้วก็รีบนั่งลง “ว่ามาได้เลยครับ”
……
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
จี้หนานเฟิงก็ออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความตกใจ
ทำไมถึง……
ฉินโม่หานเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขายังงั้นเหรอ?!
ตอนที่เขาตกใจกับข่าวที่ได้ยินแล้วเหม่อลอยอยู่นานนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“จี้เฟิง”
คุณหญิงจี้ที่อยู่ปลายสายนั้นถอนหายใจอย่างแรง “แกนี่ไม่เชื่อฟังจริงๆ เลยนะ!”
“คุณหนูตระกูลเจี่ยนกลับมาแล้ว แกยังจะหนีไปอีก!”
“รีบกลับมาเลย ไม่แน่ว่าอีกสองสามวันก็ต้องจัดงานหมั้นแล้ว!”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้วแน่น “ผมไม่อยาก……”
พูดไปครึ่งหนึ่ง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันที “แม่ หรือว่า ตอนนั้นที่ตกลงหมั้นหมายกับตระกูลเจี่ยนเอาไว้ ระบุว่าต้องเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจี้? ”
“ใช่ไง”
“ถ้ายังงั้นคนที่ถูกกำหนกให้หมั้นกับตระกูลเจี่ยน มันไม่ใช่ผม!”
จี้หนานเฟิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อกี้เขายังลังเลอยู่ว่าจะบอกคนในครอบครัวดีไหม
ไม่ว่ายังไง……
ใครจะอยากให้ศัตรูหัวใจกลายมาเป็นลูกพี่ลูกน้องตัวเองล่ะ?
แต่ว่าเสียงของคุณหญิงจี้นั้น ปลุกเขาให้ตื่นในทันที
ในเมื่อฉินโม่หานคือพี่ของเขา
ถ้ายังงั้น……
คุณหญิงจี้ที่อยู่ปลายสายกลอกตา “การแต่งงานของตระกูลจี้กับตระกูลเจี่ยนก็ต้องเกิดขึ้นระหว่างคุณชายใหญ่ตระกูลจี้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนไง”
“แต่ว่าคุณชายใหญ่ตระกูลจี้ไม่ใช่แกรึยังไง? ”
“ถ้าเกิดว่าผมมีพี่ชายล่ะ?”
“แม่ไม่เคยคลอดพี่ชายแกออกมาเลย แล้วลุงของแกก็ไม่เคยแต่งงาน แล้วแกจะไปเอาพี่ชายมาจากไหน? ”