เสียงของฟู๋เชียนเชียน ทำให้เด็กทั้งสามคนที่อยู่ตรงราวบันไดชั้นบนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
“คือว่า……”
ซิงกวางค่อยๆเงยหน้ามองพี่ชายทั้งสองของเธอ “หม่ามี๊ทำอาหาร……เก่งจริงๆใช่ไหม?”
ซิงหยุนชะงัก “เมื่อก่อนหม่ามี๊ทำอาหารเก่งมากนะ”
“ถึงจะความจำเสื่อม……ก็คงไม่ถึงขั้นลืมวิธีทำอาหารหรอกมั้ง?”
ถึงเขาจะขอให้ซูสือเยว่ทำแพนเค้กมันฝรั่งให้พวกเขา เพราะเขาอยากกินมันจริงๆ แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าคือ เขาอยากให้เธอรื้อฟื้นความทรงจำ จากการทำอาหารที่ซูสือเยว่ชอบทำให้พวกเขากินบ่อยๆ
แต่ตอนนี้พอดูแล้ว……
“หนูก็รู้สึกว่าถึงจะความจำเสื่อมแต่ไม่น่าลืมการทำอาหารนี่นา”
ซิงเฉินขมวดคิ้ว “แต่เมื่อก่อนหม่ามี๊ทำอาหาร……ไม่เคยไหม้เลยนะ”
เด็กทั้งสามมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง
สุดท้าย ซิงหยุนมองซิงเฉินด้วยสายตานิ่งๆ “นายลงไปดูสิ”
ซิงเฉินเอามือกอดอก “ซิงกวาง น้องไป”
ซิงกวางกระพริบตาปริบๆ ทำหน้าตาใสซื่อแล้วเดินไปยืนข้างซิงหยุน ก่อนจะจับแขนเสื้อของซิงหยุนเอาไว้ “พี่……พี่คงไม่ให้หนูลงไปหรอกใช่ไหม?”
“หนูยังไม่เคยกินแพนเค้กมันฝรั่งฝีมือหม่ามี๊เลย หนูไม่รู้ด้วยว่ามี๊ทำออกมารสชาติจะเหมือนเมื่อก่อนที่ทำให้พวกพี่เคยกินด้วยไหม……”
ซิงหยุนมองซิงเฉินอย่างช่วยไม่ได้
ซิงเฉินมองซิงกวางรู้สึกผิด
ซิงกวางยังคงจับแขนเสื้อซิงหยุนไปมา
เด็กทั้งสามนิ่งไปนานพอสมควร ก่อนจะเห็นตรงกันว่า : ไปหาแด๊ดดี้กัน!
และแล้ว เสียงเคาะประตูห้องอ่านหนังสือของฉินโม่หานก็ดังขึ้น
หลังประตู ชายหนุ่มขมวดคิ้วเบาๆ แล้วมองเจ้าเด็กสามคนที่เดินผลักกันเข้ามา “ว่าไงครับ?”
ในที่สุด ซิงกวางก็เดินขึ้นหน้าอย่างกล้าหาญ “แด๊ดดี้คะ หม่ามี๊กำลังทำอาหารให้พวกเราอยู่ชั้นล่าง”
“แต่พวกเราไม่ได้หิวกันมาก แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธน้ำใจหม่ามี๊”
“แด๊ดดี้ช่วยไปกินแทนพวกเราหน่อยได้ไหมคะ?”
ฉินโม่หานมองพวกเขาแล้วขมวดคิ้วเบาๆ “จริงหรอ?”
“จริงสิคะ”
ซิงเฉินเบะปาก “แด๊ดดี้ ถึงแด๊ดจะไม่เชื่อพวกเรา ก็ต้องเชื่อซิงกวางลูกรักของแด๊ดใช่ไหมหล่ะ?”
ฉินโม่หานชะงัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป
ในตอนที่เดินผ่านเจ้าเด็กทั้งสามคนนั้น เขาได้ย่อตัวลง แล้วจับไหล่ของซิงกวางเอาไว้ พร้อมสีหน้าหน้าเนื้อใจเสือ “อย่าให้แด๊ดรุ้นะคะว่าหนูมีความคิดที่ไม่ดีเหมือนพวกพี่ๆ”
“ไม่อย่างนั้น แด๊ดดี้ได้เลิกชอบหนูแน่ๆ”
เขาทำให้ซิงกวางตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ซิงหยุนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะดึงซิงกวางไปอยู่หลังเขา “คุณฉินโม่หาน ก่อนหน้านี้คุณยังพูดอยู่เลยนะครับว่าซิงกวางใส่ใจคุณเหมือนผ้านวมอุ่นๆผืนน้อย”
“ถึงผ้านวมผืนน้อยนี้จะโกหกคุณ คุณก็จะยังรักเธอใช่ไหมครับ?”
ชายหนุ่มเกี่ยวยิ้มขึ้น “ถึงน้องจะโกหกแด๊ดแน่นอนว่าแด๊ดก็ยังรักน้อง”
“แต่ถ้าเป็นพวกนายสองคน……”
สายตาเขาเปลี่ยนไปในทันที “เหล้าของแด๊ดขวดนั้นที่ซูสือเยว่ดื่ม เหมือนว่าพวกนายสองคนยังไม่ได้คืนตังแด๊ดเลยนะครับ”
ซิงหยุนกับซิงเฉินมองหน้ากัน
จากนั้นเด็กชายสองคนก็จับมือน้องสาวคนละข้าง ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป
ฉินโม่หานที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องอ่านหนังสือ มองแผ่นหลังของเด็กทั้งสามคน ก่อนจะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาสูดหายใจเข้า ก่อนที่จะก้าวขาเดินลงบันได
เขาก้าวเดินลงมาตามขั้นบันไดทีละขั้น กลิ่นไหม้จากชั้นล่างยิ่งอยู่ยิ่งได้กลิ่นชัดมากขึ้น
พอเขาเดินมาถึงห้องครัว ซูสือเยว่กำลังวางจานที่มีของไหม้บางอย่างลงบนโต๊ะพอดี
ห้องครัวด้านหลังเธอนั้น เปิดเครื่องดูดควันในระดับที่แรงมากฟู๋เชียนเชียนล้างกระทะหน้าอ่างล้างจานด้วยสีหน้าเหลืออด
พอเห็นว่าเขามา ซูสือเยว่ก็ยิ้มออกมาแก้เขิน “ซิงหยุนบอกว่าซิงเฉินอยากกินแพนเค้กมันฝรั่งที่ฉันทำ……”
“ฉันจำวิธีทำแพนเค้กมันฝรั่งไม่ได้แล้ว ก็เลย……”
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว เขาเดาไม่ผิดจริงๆด้วย
จริงๆเจ้าตัวแสบสามคนนั้นคงหวังดี แต่พอรู้ว่าซูสือเยว่ทำแพนเค้กมันฝรั่งพลาด เลยอยากให้เขามาเป็นผู้รับกรรมแทนสินะ
ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วก้มหัวมองจานที่วางอยู่บนโต๊ะ
ถึงอาหารในจานจะดูไหม้ๆ แต่ก็พอดูออกส่ามันคือ……มันฝรั่งแผ่นมั้ง
……เพราะฉะนั้น ยัยบ๊องนี่ลืมวิธีทำแพนเค้กมันฝรั่ง ก็แล้ยหั่นมันฝรั่งเป็นแผ่นๆแล้วทอดมันออกมาเป็นแพนเค้ก?
สายตาของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่อายเล็กน้อย
เธอกัดปากล่างของตัวเอง อยากจะหยิบจานใบนั้นขึ้นมา “ช่างเถอะ ทำออกมาแบบนี้ต้องแย่แน่ๆ ฉันเอาไปทิ้งดีกว่า……”
มือของหญิงสาวเพิ่งจะโดนแตะ ก็โดนฉินโม่หานจับไว้ก่อน
เขายกยิ้มมุมปาก “ถึงหน้าตาจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่รสชาติอาจจะไม่แย่ก็ได้ ฉันลองชิมดูหน่อย”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากของตัวเองไว้อย่างแน่น “ต้องไม่อร่อยแน่ๆ……”
“คุณไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเลย?”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ “เมื่อก่อนคุณทำอาหารเก่งมาก ผมเชื่อว่า ถึงคุณจะลืมขั้นตอนการทำไป แต่พรสวรรค์ของคุณน่าจะยังอยู่”
“ผมเชื่อว่า ถึงแม้คุณจะทำออกมาดูแย่ แต่รสชาติคงจะไม่แย่”
“ถึงรสชาติจะไม่ดี แต่ค่อยๆทำไปเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
ฉินโม่หานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ อย่างช้าๆ
ในขณะที่เขาพูด สายตาคมลึกคู่นั้นของเขาก็มองซูสือเยว่อย่างเงียบๆ
สายตาคู่นั้นที่แสดงถึงการให้กำลังใจ ทำให้หัวใจของซูสือเยว่ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง แล้วปล่อยมือจากจานใบนั้น “ขอบคุณที่คุณพูดแบบนี้นะ……”
พูดจบ เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยื่นตะเกียบให้เขา “จริงๆฉันก็เห็นด้วยกับคุณ รสชาติน่าจะไม่แย่”
“เมื่อกี้ฉันใส่เกลือไปห้าช้อน”
ฉินโม่หาน:“……”
มือของเขาที่ถือตะเกียบชะงักลงทันที
ขอถอนคำพูดตอนนี้ ทันไหม?
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ คีบตะเกียบขึ้น ก่อนจะจำใจคีบมันฝรั่งขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วใส่เข้าปาก
บนมันฝรั่งที่ไหม้นั้น เต็มไปด้วยเกลือที่โดนทอดจนไหม้
เขาจำใจกินมัน
ใช้เวลานานพอสมควร กว่าเขาจะจะกลืนมันลงท้อง
“รสชาติ……ไม่แย่”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ใช้ตะเกียบคีบชิ้นที่สอง
“คุณชายฉินคุณบ้าไปแล้วหรอคะ?”
ในวินาทีที่เขาคีบชิ้นที่สองเข้าปากนั้น ฟู๋เชียนเชียนออกมาจากห้องครัวพอดี
เธอมองสีหน้านิ่งๆของฉินโม่หานที่คีบมันฝรั่งชิ้นนั้นเข้าปากอย่างรู้สึกทึ่ง เธออึ้งจนตาเบิกกว้าง “คุณอยากตายหรอคะ?”
ฉินโม่หานมองเธอแล้วเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้ตอบกลับอะไร
ซูสือเยว่กัดปาก หันหน้ากลับไปมองฟู๋เชียนเชียน “แกแช่งสามีฉันทำไม?”
ฟู๋เชียนเชียนยกมือกุมขมับอย่างช่วยไม่ได้ “คุณชายฉินคะ จะโอ๋ภรรยาก็ไม่ควรโอ๋แบบนี้นะคะ”
“คุณไม่กลัวว่ามันจะเป็นพิษหรอคะ?”
ซูสือเยว่มองบนใส่เธอ “จะมีพิษได้ยังไง?”
“มันฝรั่งที่เธอทำ……”
ฟู๋เชียนเชียนนึกไม่ออกเลยว่าต้องใช้คำไหนมาเปรียบเปรย
และแล้ว เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่เชื่อแกก็ลองชิมเอง ถ้าแกกลืนมันลงไปได้เหมือนคุณชายฉินฉันนับถือแกเลย!”
ฟู๋เชียนเชียนรู้สึกพลาดทันทีที่เพิ่งพูดออกไป
เธอรู้จักซูสือเยว่มาหลายปี รู้นิสัยของซูสือเยว่เป็นอย่างดี ถึงกล้าพูดทุกๆเรื่องออกมา
แต่ซูสือเยว่ในตอนนี้……ไม่ใช่ซูสือเยว่คนเดิมเหมือนเมื่อก่อน
ตอนนี้เธออารมณ์ร้ายขึ้นมาก ถ้าเธอโกรธขึ้นมาหล่ะก็……
แต่สิ่งที่ฟู๋เชียนเชียนคาดไม่ถึงคือ ซูสือเยว่ไม่ได้รู้สึกโกรธ
เธอมองจานนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วมองฉินโม่หานที่เพิ่งจะกลืนมันฝรั่งลงท้องไป
วินาทีต่อมา หญิงสาวก็ยื่นมือออกไปข้องแขนเขาเอาไว้ ก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม—