เวลาสามทุ่ม เด็กน้อยสามคนที่ดูพระจันทร์เป็นเพื่อนซูสือเยว่โดนฉินโม่หานเรียกให้กลับห้อง
ซิงหยุนเป็นคนนำ พาน้องน้องชายและน้องสาวออกจากห้องซูสือเยว่แล้วกลับห้อง
ก่อนจะออกจากห้อง เจ้าพวกเด็กน้อยก็โผล่หัวออกจากประตู “แด๊ดดี้หม่ามี๊ ฝันดีครับ/ค่ะ”
พูดจบ ทั้งสามก็ปิดประตูลง
บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างคลุมเครือ
ซูสือเยว่ยืนอยู่ตรงระเบียง แล้วมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูระเบียงเงียบๆ “ฉิน……สามี”
สายตาของฉินโม่หานนิ่งไปเล็กน้อย
ตอนที่ซูสือเยว่เรียกเขาว่าสามีนั้น น้ำเสียงของเธอสั่นไหวเบาๆ ก่อนจะหลบตาเขา
ท่าทางที่น่ารักน่าเอ็นดูของเธอ เหมือนกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นตระหนก
เขาหัวเราะในลำคอ “หืม”
“ฉันก็ต้องรีบเข้านอนเหมือนกันใช่ไหม?”
เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอลุกวาว เหมือนกำลังสะท้อนแสงดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
ฉินโม่หานพยักหน้า “คุณควรต้องรีบพักผ่อนจริงๆด้วย”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “พรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้า แล้วไปบริษัทสาขาที่อยู่ยุโรปสักพัก เพื่อหารือเรื่องตระกูลเจี่ยน”
ซูสือเยว่เม้มปาก “แล้วฉันหล่ะ?”
“คุณ?”
ฉินโม่หานเกี่ยวยิ้มขึ้นเบาๆ “คุณอยู่ฝึกทำอาหารกับฟู๋เชียนเชียนเถอะ”
“พอหลังจากทำงานช่วงนี้เสร็จ เราค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะทำให้ความทรงจำคุณกลับมายังไง”
ซูสือเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“งั้นพวกเรา……”
เธอมองไปทางเตียง หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “นอนตอนนี้เลย?”
“อื้ม”
ฉินโม่หานพยักหน้า เหลือบมองดูเวลา “นี่ก็ดึกมากแล้ว”
พูดจบ ท่ามกลางสายตาที่เขินอายของซูสือเยว่ ชายหนุ่มก็หันหลังแล้วเปิดประตูออกไป
ก่อนจะออกไป เขาหันกลับมามองเธออีกครั้ง “ฝันดี”
ซูสือเยว่นิ่งยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
ตามหลักแล้ว……
พวกเขาเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่หรอ?
ไม่ใช่ว่าควร……ต้องนอนด้วยกันหรอ?
เธอเหลือบมองไปที่เตียงคู่ในห้องนอนอีกครั้ง สีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
เขาควรต้องนอนอยู่บนเตียงเดียวกับเธอไม่ใช่หรอ……
เธออุตส่าห์ประหม่าอยู่ตั้งนาน
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ หญิงสาวเดินเข้าไปในห้อง หยิบชุดนอนออกมาเตรียมจะนอน ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก
ฟู๋เชียนเชียนเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
พอเห็นซูสือเยว่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนอน เธอก็หัวเราะออกมาแห้งๆ “ขอเตือนให้แกรีบไปอาบน้ำเปลี่นเสื้อนะ”
“ไม่อย่างนั้น ถ้าฉันเก็บข้าวของเสร็จ ฉันคงต้องลงไปแช่อ่างกับแกนะ!”
ซูสือเยว่นิ่งไปหลายวินาที
“แก……”
“เราสองคนนอนห้องเดียวกัน?”
“แน่นอนสิ”
ฟู๋เชียนเชียนย่อตัวลง ดึงกระเป๋าเดินทางเข้ามาใกล้ตัวแล้วถอนหายใจออกมา “เมื่อกี้คุณชายฉินบอกว่า ความทรงจำแกยังไม่กลับมา เขากลัวว่าถ้าเขานอนกับแก กลัวว่าจะอดทนไม่บังคับให้แกทำเรื่องแบบนั้นไม่ไหวหน่ะ”
“เขาเคารพแก ก็เลยแยกห้องนอนกับแก”
“แต่ว่า เขาก็กลัวว่าในหัวแกจะมีแต่เรื่องเจ็บปวดพวกนั้น กลัวว่าแกจะไม่กล้านอนคนเดียว ก็เลยให้ฉันมานอนเป็นเพื่อนแกไง!”
พูดจบ ฟู๋เชียนเชียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปยังซูสือเยว่ด้วยสายตาจริงจัง “ไม่เป็นไรนะ”
“เมื่อก่อนเวลาที่แกนอนไม่หลับ ฉันอยู่เป็นเพื่อนแกตลอด”
“มีฉันอยู่ แกไม่ต้องกลัวอะไรเลย”
ซูสือเยว่ที่เห็นสีหน้าจริงจังของฟู๋เชียนเชียนเธอกัดปากล่างตัวเอง หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ฟู๋เชียนเชียนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เธอจำได้ และเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุข
เธอรู้จักฟู๋เชียนเชียนตั้งแต่เรียนมหาลัย นิสัยของฟู๋เชียนเชียน เหมือนชื่อของเธอ ที่นำพาแต่เรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขมาให้เธอมากมาย
หลังจากที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ฟู๋เชียนเชียนก็กลายเป็นที่พักพิงของเธอ
ไม่ว่าจะเป็นเฉิงเซวียนหรือเซี่ยงหวั่นฉิงแม้แต่เรื่องราวมากมายภายหลัง……
ทุกครั้งที่เธอเสียใจ ทุกครั้งที่เธอนอนไม่หลับ ฟู๋เชียนเชียนจะอยู่เคียงข้างเธอตลอด
พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เดินขึ้นหน้า แล้วกอดฟู๋เชียนเชียนเอาไว้ “ขอบคุณแกนะ”
ฟู๋เชียนเชียนมองบนใส่เธอ “จะมาเกรงใจกับกับฉันทำไม?”
“ถ้าจะให้พูด ฉันนอนเป็นเพื่อนแก ไม่ได้นอนฟรีๆสักหน่อย”
“ฉันคิดตังนะยะ!”
ซูสือเยว่ชะงัก มองเธอด้วยความสงสัย
ฟู๋เชียนเชียนเงยหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “สอนแกทำอาหาร ทำอาหารให้แก นอนเป็นเพื่อนแก”
“รวมสามรายการนี้แล้ว ทั้งหมดสองล้าน!”
พูดจบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คุณชายฉินรวยจริงๆ”
“มีสองล้านนี้……”
เธอเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องหน้าซูสือเยว่ “ก็สามารถจ้างครูดีๆสักคน สอนแกวาดรูปเริ่มตั้งแต่เริ่ม เรียนรู้วิธีที่จะเป็นนักออกแบบ แล้วก็เปิดสตูทำเครื่องประดับเล็กๆได้แล้ว!”
ซูสือเยว่กัดปากล่างตัวเอง “แกหาตังจากฉินโม่หาน……”
“เพราะอยากช่วยฉัน……”
“ไร้สาระ”
ฟู๋เชียนเชียนมองบน “จริงๆแกก็ไม่ได้อย่างเป็นดาราดัง”
“หลังจากนี้แกคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยน ในขณะเดียวกันแกคือภรรยาของฉินโม่หานด้วย”
“ชีวิตหลังจากที่ตัวตนทั้งสองนี้ของแกถูกประกาศคงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด ถ้ายังอยู่ในวงการบันเทิงต่อไป ในไม่ช้าต้องมีคนตามล่าแกแน่ๆ”
“ฉันก็เลยรู้สึกว่าตอนนี้แกควรต้องตั้งใจเรียนดีๆ แล้วทำฝันแรกเริ่มของแกให้สำเร็จดีกว่า แกว่าไง?”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากของตัวเอง หันตัวกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้พูดอะไรตอบ
ในตอนที่อาบน้ำ เธอเอาแต่คิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของฟู๋เชียนเชียน
ฟู๋เชียนเชียนบอกอีกว่า ให้เธอตั้งใจเรียนออกแบบ เพื่อสานฝันเมื่อก่อนของเธอ
ก่อนหน้าฉินโม่หานก็เคยบอก……
ว่าให้เธอทำความฝันแรกเริ่มของเธอให้สำเร็จ
เพราะฉะนั้น……
ฉินโม่หานก็คาดไว้แล้วเหมือนกัน ชีวิตหลังจากนี้ของเธอต้องเผชิญกับกลิ่นคาวของเลือดต่างๆ ก็เลยอยากให้เธอทำฝันของเธอให้สำเร็จ เพื่อเลิกเป็นนักแสดงสินะ?
คิดได้เท่านี้ เธอก็หงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่อยากเลิกเป็นนักแสดง แต่เป็นเพราะว่า……
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีควาวมสามารถอื่นนอกจากการเป็นนักแสดง
เหมือนกับคืนนี้……
แม้แต่แพนเค้กมันฝรั่งเธอยังทำได้ไม่ดี
ซูสือเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
เธออาบน้ำลวกๆ ก่อนจะหันตัวเดินขึ้นเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข่าว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอถูกลักพาตัว โทรศัพท์ของเธอตกลงไปในทะเล
โทรศัพท์ตอนนี้ของเธอ คือเครื่องที่ฉินโม่หานให้ เบอร์โทรศัพท์หรือบัญชีต่างๆ เหมือนกับเครื่องเก่าเธอทุกอย่าง
หลังจากที่เธอค้นหาข่าวที่เกี่ยวกับการถ่ายละครของเธอ ก็เริ่มรู้สึกง่วงนอนขึ้นมา
เพราะจากในห้องน้ำของฟู๋เชียนเชียน ที่ร้องเพลงอย่างไม่หยุดไม่หย่อนขณะอาบน้ำ
ซูสือเยว่ทำได้แค่หาว แล้วเลื่อนดูโพสต์ไปเรื่อยๆอย่างเบื่อหน่าย
เธอเลื่อนเจอ ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อหยางชิงโยว โพสต์ภาพเปลือยแผ่นหลังของตัวเอง
ตรงเอวของหญิงคนนั้น มีรูปปานทรงหัวใจ เล็กๆหนึ่งดวง
เป็นทรงหัวใจที่เป็นทรงและสวยมาก ราวกับรูปที่วาด สวยงามเป็นอย่างมาก
ซูสือเยว่นึกถึงปานสีม่วงแดงที่เอวของตัวเองที่ไม่ได้สวยมาก
เป็นรูปทรงหัวใจเหมือนกัน แต่ทำไมของคนอื่นถึงได้ดูสวยขนาดนี้?
เธอถอนหายใจออกมา ก่อนจะกดไลค์รูปนั้นอย่างอิจฉา ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วนอนหลับไป
ในขณะเดียวกันเมืองหรงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร หยางชิงโยวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เพราะซูสือเยว่กดไลค์รูปของเธอ
เธอกัดฟันตัวเอง แล้วใช้สายตาที่โหดเหี้ยมจ้องมองไลค์ที่ซูสือเยว่เป็นคนกด
ผู้หญิงคนนี้หมายความว่ายังไง?
เยาะเย้ย?
เร้าใจ?