ตอนที่ซูสือเยว่ขึ้นไปถึงชั้นบนนั้น ฟู๋เชียนเชียนกำลังนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์
เมื่อเห็นเธอเข้ามา หัวใจอันห่อเหี่ยวของหญิงสาวพลันมุดหน้าหนีเข้าไปซุกในผ้าห่ม พลันโผล่ตาออกมามองใบหน้าของซูสือเยว่อย่างเขินอาย “เอ่อคือ… ฉันรบกวนพวกแกใช่ไหม?”
ซูสือเยว่กวาดตามองเธอ พลันยื่นน้ำที่อยู่ในแก้วกระดาษให้เธอ “ไม่ใช่ลงไปดื่มน้ำชั้นล่างเหรอ?”
“น้ำยังไม่ได้กินเลยก็วิ่งขึ้นมาแล้ว?”
ฟู๋เชียนเชียนกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว “ฉัน…”
“ไม่ได้ตั้งใจนะ”
“รู้ว่าแกไม่ได้ตั้งใจ”
ซูสือเยว่เบะปาก พลันนั่งลงอยู่ข้างเตียง “เหมือนว่าฉันคิดเรื่องบางอย่างที่ผ่านมาแล้วได้บ้าง”
ฟู๋เชียนเชียนจับแก้วน้ำขึ้นมาจิบ “แกคิดเรื่องอะไรได้?”
หญิงสาวเอียงคอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “คิดเรื่องที่ฉันเป็นคนที่เชื่อฟังสามีเรื่องนี้นะสิ”
“ยังมีอีก…”
เธอหลับตาลง
ใบหน้าอันหล่อเหลาของฉินโม่หานปรากฏภาพให้เห็นอยู่ตรงหน้า
ความสง่างามอันนิ่งสงบเย็นชาของเขาจ้องมองเธออยู่ “เป็นคุณนายฉินให้ดีๆ”
หญิงสาวเลิกคิ้ว “เอ๋?”
“เหมือนว่าฉัน…คิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้อีกนิด”
“เหมือนว่าพวกเราเพิ่งจะแต่งงานกัน?”
“เขาพูดกับฉันว่า ให้ฉันเป็นภรรยาฉินที่ดีของของผม”
ฟู๋เชียนเชียนเบิกตาโต
“ฉินโม่หานพูดกับแกประโยคนี้จริงๆ”
ตอนแรกที่ซูสือเยว่กับฉินโม่หานเพิ่งจะมาอยู่ด้วยกันนั้น ความรู้สึกที่ฉินโม่หานปฏิบัติต่อเธอ เย็นชาจริงๆ
ซูสือเยว่ยังเคยบ่นกับเธอมาแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟู๋เชียนเชียนจ้องมองใบหน้าของซูสือเยว่ “เหมือนว่าแกจะนึกถึงความทรงจำของแกที่ผ่านไปขึ้นได้แล้วเหรอ”
“ยังมีคนอื่นไหม?”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว ในสมองพลันค้นหาความทรงจำเรื่องเกี่ยวกับฉินโม่หาน
สมองก็ยิ่งปวดขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายแล้ง เธอลูบคลำศีรษะไปมา พร้อมทั้งส่ายหน้าอย่างเต็มแรง “คิดไม่ออกแล้ว…”
“ปวดหัวมาก…”
เมื่อเห็นท่วงท่าอันแสนเจ็บปวดของเธอ ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจออก รีบดึงเธอเข้ามากอดทันที “ไม่เป็นไร พวกเราค่อยๆ คิดกันไป”
ชั่วครู่ ซูสือเยว่ไม่พูดว่าเจ็บอีกแล้ว ฟู๋เชียนเชียนเลิกคิ้วให้ และถามกลับด้วยสีหน้าปกติ “สือเยว่ แกค่อยๆ คิด วันนี้แกทำอะไรบ้าง?”
“คือตอนไหนกัน ที่ทำให้แกคิดถึงความทรงจำเหล่านี้ได้?”
“ก่อนหน้าที่ฉันจะมาเมืองสตัฟฟ์ เคยไปถามจิตแพทย์ที่เมืองหรงมา เขาพูดว่าการสูญเสียความทรงจำนี้ ก็คือสมองบางส่วน เลือกให้คุณลืมสิ่งบางอย่างไป”
“แต่ว่าความทรงจำที่คุณหลงลืมไป ก็มีวิธีที่จะฟื้นกลับมา ก็แค่หากุญแจดอกที่จะเปิดความทรงจำของคุณให้ได้เท่านั้นเอง”
“กุญแจดอกนี้ อาจจะเป็นการกระทำ หรือว่าเรื่องบางเรื่อง หรือว่าจะเป็นบุคคลหนึ่งหรือสิ่งของ”
“แกคิดดีๆ หลังจากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงมีความทรงจำนี้ขึ้นมา?”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว พลางเม้มปากไว้ “คิดไม่ออก”
ความจริงแล้ววันนี้เธอก็ใช้ชีวิตตามปกติมาก
นอกจากกินเข้ากับเจ้าสามแสบ ก็คือเรียนทำไข่เจียว ทำกับข้าวกับฟู๋เชียนเชียน
ดูๆ แล้วเวลาตลอดทั้งวันเธอขลุกตัวอยู่ในห้องครัว ในสมองมีแต่ไข่เจียว ไข่เจียวและก็ไข่เจียว
เลยไม่ได้สนใจว่าเวลาไหนที่ตนเองนึกความทรงจำนี้กลับมาได้
แต่…
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “เมื่อครู่ก่อนหน้าที่ฉินโม่หานจะกลับมา…”
“ฉันคิดไม่ออกว่าเรื่องที่เขาให้ฉันเป็นคุณนายฉินดีๆ ในช่วงนั้น”
ฟู๋เชียนเชียนผงะทันที
ชั่วครู่ เธอสูดลมหายใจเข้า “แบบนี้เอง พรุ่งนี้พวกเราไปดูกล้องวงจรปิด เพื่อดูว่าหลังจากที่แกกับฉินโม่หานกลับมาแล้วทำอะไรบ้าง จากนั้นค่อยมาวิเคราะห์กัน ว่าตกลงเป็นเรื่องไหนกันแน่ ที่เป็นจุดสำคัญในการเปิดความทรงจำของแก”
ซูสือเยว่เม้มปาก และเงียบงันไปชั่วครู่
“แกจะดูกล้องวงจรปิดตอนที่ฉันกับสามีอยู่ด้วยกันเหรอ…?”
ฟู๋เชียนเชียนพยักหน้า “ใช่สิ”
ไม่ดูกล้องวงจรปิด แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาสองคนทำอะไรกันบ้าง?
ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไร แล้วจะรู้ได้อย่างไร ตกลงว่าเรื่องไหนที่ทำให้ซูสือเยว่คิดถึงความทรงจำที่ผ่านมาได้?
ซูสือเยว่เม้มปาก พลันก้มหน้าก้มตาอยู่เงียบๆ “งั้นแกก็เท่ากับเอาภาพที่ฉันกับสามีเพิ่งจูบกันเมื่อครู่มาดูใหม่อีกรอบนะสิ…”
ฟู๋เชียนเชียน “…”
เหมือนว่า …ใช่สิ
ใบหน้าของหญิงสาวหดหู่ลง
“ฉันไม่น่าจะเชื่อฟังฉินโม่หานจริงๆ ที่จะต้องมาเมืองสตัฟฟ์ กับเขา”
มาที่เมืองคือเมืองสตัฟฟ์ จริงๆ
เมืองสตัฟฟ์ เมืองที่เอาขี้เถ้ามายัดปากเธอ!
“เชียนเชียน”
“ลำบากแกแล้วนะ”
ซูสือเยว่มองและยิ้มให้ฟู๋เชียนเชียนอย่างเขินอาย “เรื่องกล้องวงจรปิด พรุ่งนี้แกก็ไปดูเอาเองแล้วกัน”
“ฉันเขินอายกับภาพฉากที่ตัวฉันเองกับสามีของฉันจูบกัน…”
ฟู๋เชียนเชียนกลอกตา พลันรีบสะบัดมือของเธอออก จากนั้นก็พลิกตัวและนอนอยู่บนเตียง “นอน!”
“เชียนเชียน”
ซูสือเยว่สูดลมหายใจเข้า พลางเปลี่ยนท่วงท่าอันสบายๆ นอนอยู่ด้านข้างของฟู๋เชียนเชียน
เธอปิดไฟลง ดวงตาแวววาวจ้องมองฝ้าเพดานที่ดำมืด
“พรุ่งนี้ฉันอยากไปโรงพยาบาลไปเยี่ยมแม่ของฉัน”
“ตอนที่อยู่ชั้นล่างเมื่อครู่นี้ สามีของฉันพูดว่า หลายปีที่ผ่านมานี้…ความจริงแล้วแม่ไม่ได้ทอดทิ้งฉันเลย”
“แกเชื่อเหรอ?”
“อำนาจของแม่แกยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเธออยากจะหาตัวแกจริงๆ ถึงขั้น20ปีก็หาไม่เจอเลยเหรอ?”
ฟู๋เชียนเชียนหลับตา น้ำเสียงสงบมาก “หลายปีที่ผ่านมานี้ แกผ่านเคราะห์กรรมที่ไม่ดีมาตั้งมากมาย”
“ถ้าเธอหาตัวแกเจอเร็วๆ บางที่แกคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนตอนนี้หรอก”
มือที่อยู่ข้างกายทั้งสองข้างของซูสือเยว่กำหมัดไว้แน่น
ชั่วครู่ เธอสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “แต่ว่า…”
เมื่อหลุดพูดออกมาแล้ว จู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“อยากไปหาเธอก็ไปเถอะ”
ผ่านไปชั่วครู่ ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจออกมา “ตอนนี้แกก็เป็นคุณแม่ลูกสามแล้ว บางทีแกอาจจะยิ่งเข้าใจในการตัดสินใจของแม่แกมากยิ่งขึ้น”
“พรุ่งนี้ฉันจะตรวจสอบแทนแกเอง แกก็ไปเยี่ยมเธอเถอะ”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก จากนั้นก็พยักหน้า “อืม”
ช่วงสุดท้าย หญิงสาวหันตัว พลางเขย่าตัวฟู๋เชียนเชียนเบาๆ “วันพรุ่งนี้แกไปเช็กกล้องวงจรปิด แกเป็นคนไปตรวจสอบดูเอาเองได้ไหม?”
“ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นภาพฉากที่ฉันกับสามีของฉันกำลังจูบกัน”
“…น่าอายนะ”
ฟู๋เชียนเชียน “…”
“ต่อหน้าฉันก็ไม่รู้สึกอายงั้นสิ?”
“ใช่สิ ก็เพราะว่าแกเห็นกับตาตอนเกิดเหตุแล้วนี่”
ฟู๋เชียนเชียน “…”
เธอเลือกที่จะตายไปเลย
…………
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซูสือเยว่ตื่นแล้วก็ลงมาที่ชั้นล่างเพื่อทำไข่เจียวให้กับฉินโม่หาน
แต่รอจนถึงแปดโมงกว่าแล้ว ก็ยังไม่เห็นเข้าลงมาจากชั้นบนสักที
เมื่อถามคนรับใช้ในบ้านแล้วถึงได้รู้เรื่องว่า เมื่อวานกลางดึกฉินโม่หานถูกคนเรียกให้ออกไปทำงานล่วงเวลาอีกแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย
ซูสือเยว่เริ่มหดหู่เล็กน้อย
แต่เธอรู้ว่าเขายุ่ง เลยเจียวไข่เพิ่มอีกหลายฟอง จากนั้นก็เรียกซิงหยุนซิงเฉินและซิงกวงให้ลงมากินข้าวด้านล่าง
หลังจากที่จัดการให้เด็กๆ กินข้าวเสร็จแล้ว เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า และไปโรงพยาบาลทันที
ก่อนหน้านี้เธอไปเยี่ยมหลิวหรูเยียนกับผู้ดูแลบ้านเสิ่นมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่อยู่เธอจำได้
หญิงสาวเดินมายังห้องพักคนไข้ของหลิวหรูเยียนอย่างราบรื่นคุ้นเคย
“ขอโทษด้วย คนแปลกหน้าเข้าไม่ได้”
ซูสือเยว่เลิกคิ้วให้ พลันกลอกตามองบอดี้การ์ด “คุณดูสิว่าฉันเป็นใคร?”
“ฉันเป็นคนแปลกหน้าเหรอ?”
“ฉันคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนของพวกคุณไง!”
บอดี้การ์ดกวาดตามองเธอ และยิ้มให้ “คุณหนูใหญ่ตัวจริงกำลังเยี่ยมท่านประธานอยู่ข้างในห้องในเวลานี้”
“แล้วคุณเป็นคุณหนูใหญ่ฝั่งไหนกัน?”