คำพูดของหญิงสาวทั้งสองคน ทำให้ผู้ดูแลบ้านเสิ่นขมวดคิ้วไว้แน่น
เขาส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ พลางใช้สายตาเย็นเฉียบจ้องมองใบหน้าของซูสือเยว่ “คุณซู ผมรู้ว่านี่อาจจะทำให้คุณตั้งตัวไม่ทัน กับความจริงที่ว่าคุณไม่ใช่คุณหนูใหญ่ในตระกูลเจี่ยนแล้ว”
“ความจริงแล้วผมก็สามารถเข้าใจได้ เพราะว่านอกเหนือจากตระกูลจี้แล้วก็มีตระกูลเจี่ยนที่เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองสตัฟฟ์ การได้เป็นผู้สืบทอดในตระกูลนี้ ย่อมต้องเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้คุณเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตยากจนข้นแค้น เลยคิดจะตีตัวให้สูงขึ้น”
“แต่ว่า”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นหยิบเอกสารการตรวจDNAออกมาด้วยท่าทีเย็นยะเยือก “นี่คือของเช้าวันนี้ พวกเราได้เอาเส้นผมของท่านประมุขพร้อมทั้งเส้นผมของคุณหยางชิงโยวที่เป็นคนเสนอมาให้เอง เพื่อทำการตรวจ DNA”
“ผลการตรวจก็แสดงอย่างชัดเจนแล้ว ท่านประมุขเป็นแม่แท้ๆ ของเธอ พวกเธอมีสายเลือดเดียวกันจริงๆ”
“อีกอย่าง ในมือของหยางชิงโยวยังมีป้ายหยกท่านประมุขที่วางไว้บนตัวของคุณหนูใหญ่ก่อนหน้านี้ด้วย”
“หลักฐานทุกอย่าง ต่างก็รับประกันให้เห็นแล้วว่า คุณหยางชิงโยว เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนของพวกเรา!”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นพูดจบ ยังหันศีรษะเหลือบมองหยางชิงโยว “คุณหนูใหญ่ คุณวางใจได้เลย ขอแค่คุณเป็นคนในตระกูลเจี่ยนที่แท้จริง ผมจะต้องปกป้องคุณให้ถึงที่สุด!”
หยางชิงโยวเม้มริมฝีปากเอาไว้ เบ้าตาแดงพร้อมทั้งพยักหน้าไปด้วย “ขอบคุณผู้ดูแลบ้านเสิ่น”
“ตระกูลเจี่ยนมีพ่อบ้านที่ยุติธรรมรอบรู้อย่างคุณขนาดนี้ ถือว่าเป็นความโชคดีของตระกูลเจี่ยน”
“ฉันจะทำไม่ทำให้คนในตระกูลเจี่ยนผิดหวัง และกลายเป็นคนหนูใหญ่อันคุ้มค่าพอให้คนในตระกูลเจี่ยนภาคภูมิใจ!”
ท่วงท่าการเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของทั้งสองคน ทำให้ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหันกัน
เธอเหลือบมองหยางชิงโยว จากนั้นก็เหลือบมองผู้ดูแลบ้านเสิ่น “ตอนแรกคุณเป็นคนบอกว่าฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน ดังนั้นเลยจับตัวฉันมา และทำให้ฉันต้องสูญเสียความทรงจำไป”
“ตอนนี้คุณกลับมาพูดว่าฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน…”
“OK”
หญิงสาวหลุบตาต่ำ พร้อมทั้งเล่นนิ้วมืออันเรียวยาวของตนเอง “เรื่องนี้ฉันจะกลับไปคิดให้ดี ว่าตกลงแล้วพวกคุณจะชดใช้ฉันอย่างไร ถึงทำให้ฉันพอใจ”
“การที่ฉันความจำเสื่อม ที่ให้ฉันต้องห่างจากสามีของฉันหนึ่งสัปดาห์ และทำให้ทั้งครอบครัวฉันต้องถ่อมายังเมืองสตัฟฟ์ เพื่อมาหาฉันอีก”
“ใช่สิ ยังมีเพื่อนฉันอีกคน”
“และฝีมือทักษะในการที่ทำอาหารเลิศรสอันล้ำค่าของฉันที่เสียไป”
ซูสือเยว่ก้มหน้าก้มตาเล่นอยู่กับนิ้วมือของตนเอง “ตระกูลเจี่ยนชดใช้ค่าเสียหายให้ฉันหนึ่งพันล้าน คงไม่เกินไปใช่ไหม?”
คำพูดของหญิสาว ทำให้ผู้ดูแลบ้านเสิ่นหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาทันที
“คุณฝันไปเถอะ!”
เขาโกรธจัดจนหน้าแดงแจ๋ “แม้ว่าพวกเราทำผิดไป แต่ว่าคุณก็ได้เพลิดเพลินกับการปรนนิบัติพัดวีเป็นคุณหนูใหญ่มาตั้งครึ่งเดือน!”
“เหรอ?”
ซูสือเยว่แสยะยิ้มอย่างดูถูกดูแคลน แววตาเฉยเมย “เวลาครึ่งเดือน โดยส่วนใหญ่คือกักบริเวณฉันทั้งนั้น”
“แถมยังฉีดยาฉันอีก เพื่อให้ฉันความจำเสื่อม”
“นี่เป็นการปรนนิบัติของคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนเหรอ?”
พูดจบ เธอก็เงยหน้าเหลือบมองหยางชิงโยว “แล้วทำไมเธอไม่ต้องความจำเสื่อม ไม่ต้องถูกกักบริเวณล่ะ?”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นโมโหจัดจนหน้าแดง
เขาชี้นิ้ว มาทางซูสือเยว่อย่างสั่นเทา “ก็เพราะว่าหยางชิงโยวเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนที่แท้จริง ส่วนแกมันไม่ใช่!”
“เหรอ?”
ซูสือเยว่ยกขาเรียวยาวทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นก็วางชิดขอบเก้าอี้อย่างสง่างาม พร้อมทั้งใช้สายตาเชิดหยิ่งมองมาทางผู้ดูแลบ้านเสิ่น “ดังนั้น ตอนแรกตระกูลเจี่ยนก็รู้แล้วว่าฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน ส่วนเธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนงั้นเหรอ?”
“งั้นตอนแรกตระกูลเจี่ยนหาตัวฉันมาทำไมกัน? ฉ้อโกงเหรอ? เรียกค่าไถ่?”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นที่โมโหจนหน้าดำหน้าแดงจนกลายเป็นสีม่วงเข้ม
ผู้หญิงคนนี้ อ้าปากเมื่อไหร่ก็เชือดเฉือนได้ขนาดนี้!
หยางชิงโยวที่อยู่ด้านข้างได้แต่หรี่ตาลง
ซูสือเยว่ไม่พูด เธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
ที่แท้ตอนนี้ซูสือเยว่ ก็ความจำเสื่อมไปแล้ว
มิน่าล่ะเมื่อครู่เธอถึงได้พูดว่าไม่รู้จักเธอ
หยางชิงโยวแสยะยิ้มเล็กน้อย พลางเดินเสนอหน้าด้วยท่าทางน้อยใจจ้องมองมาที่ซูสือเยว่ “คุณซู ฉันรู้ว่าการที่จู่ๆ คุณก็หลุดจากตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน ในใจต้องไม่ดีใจแน่นอน”
“แต่ว่า ทุกคนย่อมต้องมีครอบครัวของตนเองและแม่ของตนเอง แม้ว่าคุณไม่ใช่คนในตระกูลเจี่ยน แม่คุณก็ไม่ใช่ประมุขของตระกูลเจี่ยน แต่ฉันก็เชื่อว่า ต้องมีสักวัน ที่คุณสามารถหาแม่ของตนเองจนเจอ”
คำพูดจองหยางชิงโยว มันยิ้งทำให้ในใจของซูสือเยว่รู้สึกพะอืดพะอมเข้ามาเป็นระลอกอย่างไม่รู้ตัว
เธอขมวดคิ้วเอาไว้ พร้อมทั้งใช้สายตาอันเย็นชาเฉยเมยกวาดตามองใบหน้าอันสวยงามที่มีคราบน้ำตาอยู่ของหยางชิงโยว “แม้ว่าคุณมีผลตรวจDNA แต่ฉันก็ไม่ค่อยเชื่อ ว่าคุณเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนตัวจริง”
“เพราะว่าแม่ของคุณหนูใหญ่ตระกูลเจี่ยนเป็นประมุขของตระกูลเจี่ยน หนึ่งในหญิงอันยอดเยี่ยม เป็นผู้หญิงที่สามารถได้รับตำแหน่งท่ามกลางอำนาจกดดันจากผู้ชายในการแข่งขันทางการธุรกิจ ต้องไม่ใช่ผู้หญิงจำพวกหน้าซื่อใจคดแน่”
พูดจบ เธอก็เหลือบตามองหยางชิงโยว “แต่ว่าคุณมัน..”
สีหน้าของหยางชิงโยวเริ่มดูไม่ได้ขึ้นมาแทน
เธอไม่คิดเลยว่า หลังจากที่ซูสือเยว่ความจำเสื่อมแล้ว จะเปลี่ยนมาอยู่ในโหมดนี้แทน?
ซูสือเยว่ก่อนหน้า ถึงแม้ว่าในใจจะไม่พอใจกับเธออย่างเปี่ยมล้นก็ตามที แต่เธอก็ไม่เคยพูดออกมาสักคำ
ทว่าซูสือเยว่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้…
กลับกล้าหาญชาญชัยต่อหน้าเธอ พูดว่าเธอเป็นพวกหน้าซื่อใจคด!
หยางชิงโยวกัดฟันเอาไว้แน่น พร้อมทั้งจับจ้องใบหน้าของซูสือเยว่อย่างเย็นชา “คุณซู คำพูดนี้คุณหมายความว่ายังไง?”
“ฉันรู้ว่าคุณฟังเข้าใจ”
“ฉันไม่ชอบพูดให้เปลืองน้ำลายกับคนที่พูดเสแสร้งอยู่”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ ซูสือเยว่ก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งบิดขี้เกียจให้ ดวงตาจ้องมองผู้ดูแลบ้านเสิ่นกับ หยางชิงโยวอีกครั้งอย่างเฉยเมย
“ตอนแรกนะ ก็คิดว่าวันนี้ฉันอยากจะมาเยี่ยมแม่ของฉัน”
“แต่ว่าพวกคุณก็พูดกันแล้ว ว่าเธอไม่ใช่แม่ของฉัน แต่เป็นแม่ของคุณหยางคนนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้วสิ”
“แต่ว่า”
หญิงสาวยิ้มให้ “เรื่องเกี่ยวกับฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนใช่หรือไม่ ไม่ใช่ว่าให้พวกคุณมาพูดว่าฉันใช่ ฉันก็ใช่”
“พอพวกคุณมาพูดว่าฉันไม่ใช่ ฉันก็ไม่ใช่อีก”
“ต่อจากนี้ฉันจะให้สามีของฉันมาจัดการตรวจสอบ ว่าตกลงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ถ้าฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนจริงๆ เช่นนั้นเมื่อฉันกลับไปที่ตระกูลเจี่ยนเรื่องแรกที่ต้องทำ ก็คือไล่ผู้ดูแลบ้านเสิ่นที่กินบนเรือนขี้รดหลังคาออกไปซะ”
“ถ้าฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนจริงๆ แล้ว…”
“ฉันจะคิดบัญชีกับตระกูลเจี่ยนที่เป็นคนทำให้ร่างกายและจิตใจของฉันเสียหายในช่วงระยะนี้ พร้อมทั้งเริ่มคิดบัญชีทันที เพื่อให้ตระกูลเจี่ยนชดใช้คืนมาให้ฉันทุกบาททุกสตางค์”
พูดจบ หญิงสาวก็ยักไหล่ และเดินหันหลังออกไปผู้ดูแลบ้านเสิ่นยังคงยืนอยู่ที่เดิม พร้อมทั้งมองแผ่นหลังของซูสือเยว่อย่างกินเลือดกินเนื้อ “แกพูดว่าให้ตระกูลเจี่ยนชดใช้ ตระกูลเจี่ยนต้องชดใช้ด้วยเหรอ?”
“แกพูดออกมาถึงความเสียหาย มีแค่แกกับคนในบ้านของแกที่รับรู้ แต่ตระกูลเจี่ยนของพวกเราไม่ยอมรับ ไม่มีคนจะเชื่อแกหรอก!”
“อยากให้ชดใช้ ไม่มีทางเสียหรอก!”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว ฝีเท้าชะงักทันที
ชั่วครู่ เธอหัวเราะเบาๆ พลางหันศีรษะกลับมา ดวงตามองหน้าผู้ดูแลบ้านเสิ่นอย่างเรียบเฉย “คุณแน่ใจใช่ไหมที่จะเยาะเย้ยฉันแบบนี้?”
พูดจบ หญิงสาวก็ควานหาปากกาบันทึกเสียงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ตั้งแต่ตอนที่คุณพูดออกมาว่าฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน ฉันก็เริ่มบันทึกเสียงไว้แล้ว”
“คุณว่า ถ้าฉันเอาบันทึกเสียงนี้ ส่งไปที่ตระกูลจี้…”
“ตระกูลจี้จะแต่งงานกับตระกูลเจี่ยนไหม?”