ซูสือเยว่อยากขำเพราะท่าทางที่จริงจังของเขา
เธอหันหน้าไปทางอื่นไม่มองเขา แต่ว่าน้ำเสียงนั้นมีเสียงหัวเราะที่ไม่สามารถซ่อนได้ “จะฝืนพอใจไปแล้วกัน”
“คุณนายฉินหึงใหญ่โตจริงๆ ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วเดินเข้ามา นั่งลงข้างๆ เธอ ออกแรงดึงเธอมานั่งตักเขา “แต่ว่าท่าทางตอนเธอหึงนี่สวยมากเลยนะ”
ซูสือเยว่เบะปาก “หึ!”
ที่จริงแล้วเธอก็มองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าฉินโม่หานไม่ได้คิดแบบนั้นกับไป๋หยุนโต่วหรอก
ไม่ยังงั้น เธอไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้หรอก
พอคิดได้แบบนี้แล้ว หญิงสาวก็หันหน้ามา แล้วก็เหลือบมองผู้ชายที่กอดตัวเองอยู่อย่างจำใจ “นายยังมีคำถามหนึ่งที่ยังไม่ได้ตอบฉันนะ”
“ทำไมต้องพาเธอไปงานเลี้ยง? ”
ฉินโม่หานยิ้มอย่างไม่มีทางเลี่ยง “แคร์มากเลยเหรอ? ”
ซูสือเยว่พยักหน้า “มาก!”
“ฉันคือภรรยาของนาย นายจะไปร่วมงานเลี้ยง ทำไมไม่พาฉันไป ทำไมต้องพาเธอไปด้วย? ”
ฉินโม่หานจับหน้าเธอหันมา บังคับให้เธอสบตากับเขา “เพราะฉันคิดว่า งานเลี้ยงบางอย่าง เธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม”
ซูสือเยว่เบะปาก “ทำไมฉันถึงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม? ”
“เพราะว่างานเลี้ยงของธุรกิจ โดยเฉพาะงานเลี้ยงทางธุรกิจในเมืองสตัฟฟ์ ใช้แค่สำหรับโอกาสทางธุรกิจและการทำงานเท่านั้น มันจะน่าเบื่อมาก”
“แล้วทำไมไป๋หยุนโต่วถึงไปได้? ”
“เพราะว่าเธอเป็นเลขาของกู้ถิงเซิง ค่อนข้างจะรู้จักนักธุรกิจในเมืองสตัฟฟ์ เยอะ”
ชายหนุ่มพูดแบบนี้ แล้วก็ยกมือขึ้นลูบหัวของซูสือเยว่เบาๆ “ที่นี่ไม่ใช่เมืองหรง ฉันเพิ่งจะมาถึง ก็ต้องนึกถึงคนที่จะช่วยแนะนำให้รู้จักกับนักธุรกิจในเมืองสตัฟฟ์ ได้ใช่ไหม?”
คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของซูสือเยว่ก็ค่อยๆ คลายออกจากกัน
เธอก้มหน้าลง แล้วก็เบะปากเงียบๆ “แต่ว่าฉันไม่ชอบไป๋หยุนโต่ว”
“นายต้องให้เธอเป็นไกด์ให้จริงๆ เหรอ?”
ฉินโม่หานส่ายหน้า “ตอนแรกฉันก็เลือกให้กู้ถิงเซิงเป็นไกด์ให้”เอาไงเอาไง
แต่กู้ถิงเซิงบอกว่าเขาไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรแบบนี้ ดังนั้นก็เลยส่งเลขาของเขาไป๋หยุนโต่วมาให้แทน ให้ไปร่วมงานเลี้ยงปาร์ตี้ค็อกเทลฉินโม่หานกับตอนเย็น
เดิมทีมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
แต่ฉินโม่หานไม่คิดเลยว่าไป๋หยุนโต่วกับเพื่อนของเธอจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แถมยังเห็นเป็นหลักฐานว่าเขากำลังจะจีบไป๋หยุนโต่ว
แล้วสิ่งที่คิดไม่ถึงมากกว่านั้นก็คือ ผู้หญิงพวกนี้จะไม่รู้ฟ้าดิน กลับไปพูดต่อหน้าซูสือเยว่ว่าเขากับไป๋หยุนโต่วนั้นเหมาะสมกันมากแค่ไหน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าภรรยาของเขาซูสือเยว่ เป็นคนที่มีคุณธรรมอ่อนโยนและจิตใจดี เรื่องนี้มันต้องไม่จบอย่างแน่นอน
“ในเมื่อเป็นกู้ถิงเซิงไกด์ให้นายได้ ก็ให้เย็นนี้กู้ถิงเซิงเป็นไกด์ให้นายแนะนำให้รู้จักกับคนอื่น”
พอพูดจบ ซูสือเยว่ก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น “ฉันจะเป็นคู่ควงของนายเอง ไปกับนายด้วย!”
ไป๋หยุนโต่วยังไปร่วมงานด้วยได้เลย แล้วทำไมเธอจะไปไม่ได้?
“แต่ว่างานเลี้ยงปาร์ตี้ค็อกเทลมันน่าเบื่อมากเลยนะ เธอจะไปจริงๆ เหรอ? ”
ซูสือเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม ฉันจะไป!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
ชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมกับหัวเราะเบาๆ วางเธอลงข้างๆ หลังจากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินข้าว
ซูสือเยว่เอามือเท้าคาง มองดูท่าทางที่เขากินข้าว แล้วก็อดใจลอยไม่ได้
จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นยัดซี่โครงหมูเข้าปากเธอ
เธอชะงักไป หลังจากนั้นก็คือซี่โครงหมูลงไป ชอบจ้องมองเขายังโกรธเคือง “ฉันตกใจนะ”
“ยัยขี้ขลาด”
ชายหนุ่มค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “ทำไมจู่ๆมาส่งข้าวให้ฉันตอนนี้ล่ะ?”
“เพราะว่าฟู๋เชียนเชียนกับจี้หนานเฟิงไปเดทกัน”
“ฉันทำกับข้าวอยู่บ้านคนเดียวเบื่อ ซิงหยุนก็เลยแนะนำให้ฉันมาหานาย ฉันก็เลยมา”
พอพูดจบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นนั่งพิงโซฟาด้วยท่าทางที่สบายๆ “สามี นายว่าจี้หนานเฟิงคนนี้ไว้ใจได้ไหม”
“ฉันรู้สึกว่าเขาจะทำร้ายเชียนเชียน”
ฉินโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย “คงไม่ถึงกับทำร้ายหรอก อย่างมากก็แค่ไม่รู้สึกอะไรด้วย”
เขากินอาหารอย่างสง่างามไปด้วย แล้วก็พูดอยากสบายๆ “ที่จริงแล้วถ้าตัดเรื่องที่จะจี้หนานเฟิงแย่งภรรยาของฉันไป ที่จริงเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง”
“ชายโสดคนหนึ่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อรับเลี้ยงซิงกวง แล้วก็เลี้ยงเธอจนมาถึง 5 ขวบ แถมยังดูแลเธอดีขนาดนั้น……”
“จริงๆ แล้วเขาเป็นคนใจดีและเอาใจใส่”
“แล้วอีกอย่าง เขาอยู่ในวงการบันเทิงที่ซับซ้อน แต่ว่ากลับรักษาประวัติให้ใสสะอาด ได้เป็นนักแสดงชายยอดเยี่ยมตลอด แต่ชีวิตส่วนตัวกลับไม่วุ่นวาย พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีเหตุผล สงบ พึ่งพาตัวเองได้”
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ……”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม “เขาน่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน”
“ฉันเชื่อว่านิสัยพื้นฐานของเขาไม่น่าจะต่างกับฉันมาก”
ซูสือเยว่เบะปาก “แต่ฉันรู้สึกว่าเชียนเชียนจะเสียใจ”
จี้หนานเฟิงคนนั้น เข้าบ้านมาปุ๊บก็เอาแต่พูดว่าจะให้เธอแยกจากฉินโม่หานแล้วก็กลับไปกับเขา
แต่ผลก็คือพอออกจากคฤหาสน์ไปก็ไปตกลงปลงใจกับฟู๋เชียนเชียนซะงั้น
นี้จะเป็นการคบกันแบบปกติได้ยังไง
ฟู๋เชียนเชียนขึ้นคานมาเป็นหมื่นปี เธอไม่เคยคบกับใครเลย
แล้วรักแรกก็เป็นแบบนี้แล้ว รู้สึกเป็นทุกข์และวิตกกังวลจริงๆ กลัวว่าฟู๋เชียนเชียนจะถูกทำร้าย
“กะว่าเธอลองเปลี่ยนมุมมองดูสิ”
“รักแรกของเธอก็ได้คบกับไอดอลของตัวเอง ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแย่นะ”
พอพูดจบ ฉินโม่หานก็คลี่ยิ้ม เราก็มองดูการแต่งตัวของซูสือเยว่ “อยากจะไปซื้อเสื้อผ้าเองหรือว่าให้ฉันไปเป็นเพื่อน? ”
ซูสือเยว่ชะงักไป เธอถึงได้นึกขึ้นได้ว่า เมื่อกี้เธอบอกฉินโม่หานว่าตัวเองจะไปร่วมงานเลี้ยงปาร์ตี้ค็อกเทลกับเขาด้วย
แต่ว่าตอนนี้เธอใส่แค่กางเกงยีนกับเสื้อยืดสีขาว ไม่เหมาะกับการจะไปร่วมงานเลี้ยงเลย
“ฉันไปหาเองก็ได้!”
เธอไม่อยากจะให้เรื่องของตัวเอง ไปกระทบต่องานของฉินโม่หาน
แล้วอีกอย่างเรื่องชุดราตรีอะไรแบบนี้……
ต่อให้เขาไปเป็นเพื่อนเธอจริงๆ แต่ว่าเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรดีๆ ได้หรอก
พอคิดได้แบบนี้แล้ว เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ยืนขึ้น “ใกล้ๆ นี้มีห้างไหม? ”
ฉินโม่หานพยักหน้า “เดี๋ยวจะให้ไป๋ลั่วจัดคนไปส่งเธอ”
……
บ่ายสามกว่า
ซูสือเยว่ก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองสตัฟฟ์
เพราะว่ากลัวเธอเดินคนเดียวจะเบื่อ ดังนั้นฉินโม่หานก็เลยให้กู้ถิงเซิงเตรียมผู้หญิงไว้ 2 คนให้มาเป็นเพื่อนซูสือเยว่
แต่ว่าหลังจากขึ้นรถมาแล้วซูสือเยว่ถึงได้พบว่า ผู้หญิงสองคนที่กู้ถิงเซิงที่จัดเตรียมมาให้ช้อปปี้งเป็นเพื่อนเธอนั้น
คือสองคนที่ชื่นชมไป๋หยุนโต่วอยู่ในลิฟต์เมื่อกี้นี้
พอขึ้นไปนั่งบนรถ ซูสือเยว่ก็ถอนหายใจยาวออกมา แล้วก็หันไปมองผู้หญิงด้านหลังทั้งสองคน “ไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนฉัน คอมไม่ได้ทำให้ทั้ง 2 ท่านรู้สึกแย่ใช่ไหม? ”
ผู้หญิงทั้งสองคนทั้งหน้าแดงและหน้าซีดสลับกัน
สุดท้ายก็มีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวขึ้นมาด้านหน้า แล้วก็โค้งคำนับให้ซูสือเยว่ “คุณนายฉิน พวกเราผิดไปแล้วค่ะ!”
“เป็นเพราะไป๋หยุนโต่วคนเดียวเลย เธอจงใจทำให้เราเข้าใจผิด บอกว่าที่คุณฉินเชิญเธอไปเป็นคู่ควงของเขาในงานปาร์ตี้เย็นนี้ก็เพราะว่าจะตามจีบเธอ แล้วทุกคนก็เริ่มชมเชยเธอ พวกเราก็เลย……”
พอเห็นทั้งสองคนตั้งใจขอโทษ ซูสือเยว่ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร ต่อไปก็จำไว้ว่าอย่าตามคนอื่นมากก็พอแล้ว”
พอพูดจบ เธอก็พาผู้หญิงทั้งสองคนเข้าห้างสรรพสินค้าไป
เพราะว่าเรื่องของไป๋หยุนโต่วในตอนแรก ตอนเริ่มแรกนั้นผู้หญิงทั้งสองคนนี้ก็ยังมองหน้าซูสือเยว่ได้ไม่สนิทเท่าไหร่นัก
แต่ว่าหลังจากคุยๆ กันไป พวกเธอก็พบว่าซูสือเยว่นั้นอัธยาศัยดีกว่าไป๋หยุนโต่วซะอีก ดังนั้นก็เลยคุยกับซูสือเยว่เยอะขึ้น
ทั้งสามคนเลือกร้านนั้นร้านนี้ สุดท้ายก็มาถึงร้านชุดราตรี ทั้งสามคนมีสไตล์แบบเดียวกัน แล้วก็เลือกชุดราตรีสีชมพูพร้อมกันเลย
ตอนที่ซูสือเยว่กำลังถามเรื่องไซซ์พนักงานขาย ก็มีเสียงเย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา “คุณคะ ชุดสีชมพูชุดนั้น ฉันเล็งไว้แล้ว”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วก็หันหน้าไปทางต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว
หน้าประตูร้านชุดราตรีนั้น หยางชิงโยวยืนกอดอกอยู่ เธอยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมใบหน้าที่เย่อหยิ่ง