ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้เธอรู้จัก
คนที่ถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยนตัวจริงคนนั้น
เธอหันหน้าไปมองหยางชิงโยวเล็กน้อย “ทำไม หรือว่าคุณหยางเองก็อยากสวมชุดนี้ด้วยเหมือนกัน?”
หญิงสาวมองสำรวจหยางชิงโยวขึ้นลง “ชุดราตรีชุดนี้ เกรงว่ามันจะไม่เหมาะกับคุณ”
“อันดับแรกเลยไซซ์ของชุดนี้…เธอสวมไม่ได้หรอก?”
หญิงสาวมองหยางชิงโยวไปด้วยดวงตาที่ประดับไปด้วยความเหยียดหยาม “ชุดราตรีแบบนี้มันต้องมีรูปร่างดีหน้าอกใหญ่ก้นต้องเด้งมันถึงจะเอาอยู่ ถ้าคุณหยางสวมล่ะก็ อันที่จริงมันก็คงจะไม่ได้ต่างไปจากการสวมกระสอบเลย”
“ไม่ใช่ว่าผอมแล้วจะสามารถสวมเสื้อผ้ารอดทุกแบบ อย่างน้อยก็ต้องให้คนอื่นเขาเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งออกมาได้มันถึงจะเรียกว่าสวยใช่มั้ยล่ะ?”
คำพูดนี้ของเธอ ทำให้สีหน้าของหยางชิงโยวเขียวคล้ำไปโดยสมบูรณ์
ลูกสมุนที่ไปด้วยกันทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆก็ได้พูดเสริมทัพซูสือเยว่ออกมาทันที
“ใช่ๆ คุณซูสวยมาตั้งแต่เกิด รูปร่างตรงไหนที่ควรจะนูนเด่นออกมาก็นูนออกมา ตรงไหนที่มันควรจะงอนเด้งออกมามันก็เด้งออกมา”
“รูปร่างที่แบนราบไหนกัน ถึงได้กล้าจะมาแย่งเสื้อผ้ากับคุณซูเขาด้วย!”
“ใช่ ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องรูปร่างก่อนเลย แค่เพียงคุณสมบัติมันก็ห่างชั้นกับคุณซูอีกไกลเลยล่ะ!”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องคุณสมบัติกันก่อนเลย มีแค่คนที่หน้าตาน่าเกลียดเท่านั้นแหละถึงจะสามารถพูดเรื่องคุณสมบัติกันได้ อย่างเช่นคุณผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้ คุณซูของพวกเราเพียงอาศัยแค่รูปลักษณ์หน้าตาก็สามารถเอาชนะหล่อนได้โดยที่หล่อนไม่มีปัญญาที่จะสู้กลับได้เลย!”
“…”
เสียงของผู้หญิงทั้งสองคนดังต่อเนื่องขึ้นมาเป็นระลอกๆ
ซูสือเยว่แสยะริมฝีปากออกมาจางๆ
เมื่อก่อนเธอเกลียดผู้หญิงสองคนนี้ที่ชอบพูดจอแจกันมาโดยตลอดเลย ตอนที่ตามอยู่ข้างๆไป๋หยุนโต่วก็มีท่าทีดูถูกคนอื่นออกมา
แต่สิ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือ
ในตอนที่เผชิญเข้ากับผู้หญิงที่ตั้งใจจะเข้ามาหาเรื่องอย่างหยางชิงโยวจำพวกนี้ คนที่มีฝีปากกล้าทั้งสองคนนี้ สามารถช่วยเธอพูดแสดงความไม่พอใจออกไปแรงๆแทนเธอได้
สีหน้าของหยางชิงโยวได้เปลี่ยนเขียวครึ้มขึ้นมา
เธอกัดฟันกรอด จ้องผู้หญิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆซูสือเยว่ไปตาเขม็ง
“เสี่ยวเฉิน!”
หญิงสาวแทบจะพูดสองคำนี้ออกมาจากทางร่องฟันเลยทีเดียว “ตบให้ฉันจนกว่าพวกมันจะพูดกันออกมาไม่ได้!”
พูดจบ หยางชิงโยวก็ถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่ง การ์ดที่ตามเธอมาตลอดก็ได้ยกมือขึ้นมาเตรียมที่จะลงมือกับผู้หญิงทั้งสองคน
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย สายตาจับจ้องการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเฉินไปโดยไม่ขยับ
ในตอนที่ฝ่ามือของเสี่ยวเฉินเตรียมที่จะฟาดลงบนใบหน้าของหญิงสาวหนึ่งในนั้นเอง ซูสือเยว่ก็ไถลตัวเข้าไปจับข้อมือของเสี่ยวเฉินเอาไว้ทันที
ผู้ชายตัวโตเกือบจะสูงถึง190เมตร ถูกซูสือเยว่จับข้อมือเอาไว้ ไม่อาจขยับได้
เสี่ยวเฉินถลึงตากว้าง คิดอยากจะสะบัดมือของซูสือเยว่ที่กำลังกุมข้อมือของเขาอยู่ออกไปอย่างสุดแรง แต่ไม่ว่าจะยังไงก็สลัดออกไปไม่ได้เลย!
เรี่ยวแรงของหญิงสาวเยอะจนน่าตกใจ
แทบจะทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นต่างก็พากันมองไปอย่างอึ้งๆ
ผู้หญิงทั้งสองคนที่ตามมาด้วยก็ตะลึงพูดไม่ออกกันออกมา
หยางชิงโยวย่นคิ้วออกมาแน่น
พนักงานนั้นยิ่งมีอาการอ้าปากกว้างออกมาด้วยความตกใจ
คุณซูคนนี้มองดูเป็นคนที่ผอมบางตัวเล็ก ส่วนที่จะมีเนื้อมีหนังขึ้นมาเพียงจุดเดียวเลยก็คือส่วนหน้าอกและสะโพก
เธอจะไปมีเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้ได้ยังไง สามารถกันมือของการ์ดที่สูงใหญ่และแข็งแรงอย่างนี้เอาไว้ได้…
เสี่ยวเฉินกัดฟันแน่น ใช้กำลังที่มีทั้งหมดของเขาเตรียมที่จะกดมือของซูสือเยว่ลงไป
ในเวลานั้นเอง ซูสือเยว่ก็ได้แสยะริมฝีปากออกมาเล็กน้อย แล้วก็ได้คลายมือออกไปทันที
เสี่ยวเฉินคนนั้นใช้เรี่ยวแรงเต็มร้อยมาลงที่มือ พอซูสือเยว่คลายมือออกไปนั้นเอง…
เสียง “พลั่ก—!” ดังขึ้น การ์ดที่มีรูปร่างสูงตระหง่านนั้นก็ได้ร่วงลงไปกับพื้นทันที
“จุ๊ๆ สุดยอดไปเลย”
ทันใดนั้นเอง ด้านหลังก็มีเสียงผู้ชายแสดงความชื่นชอบออกมาเสียงหนึ่ง
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมาจางๆ พร้อมกับหันหน้ามองไปตามเสียงนั้น
คนที่เปร่งเสียงออกมา เป็นผู้ชายวัยกลางคนที่มองดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณราวๆสี่สิบปีคนหนึ่ง
เขามีใบหน้าที่เย็นชาและรูปร่างที่สูงใหญ่ บนร่างของเขาเต็มไปด้วยออร่าของความองอาจที่แผ่ความเย็นชาไปถึงขั้วกระดูก
“คุณฉินหลิงยี่?”
ข้างหูก็ได้ยินเสียงตื่นตกใจของหยางชิงโยวดังเข้ามา
ซูสือเยว่มองชายคนนี้ มักจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่เสมอ
คุณฉินหลิงยี่
ฉิน…
ทันใดนั้นเอง เธอก็เบิกตากว้างออกมา “เป็นคุณนี่เอง?”
เธอนึกขึ้นมาได้แล้ว ผู้ชายคนนี้ เธอเคยเจอมาเมื่อห้าปีก่อน!
เขาเป็นพี่ชายคนรองของฉินโม่หาน เขาชื่อว่าฉินหลิงยี่
เมื่อตอนนั้นหลังจากที่เธอคลอดลูกทั้งสามคนออกมาแล้ว ก็ถูกเย่เชียนจิ่วทิ้งไปคนนึง
ทั้งสองคนที่เหลือเอาไว้ เดิมทีเย่เชียนจิ่วก็อยากจะแย่งเอาไป แต่ในภายหลังก็ถูกคุณฉินคนนี้ขวางเอาไว้
เขารับประกันมากับเธอว่าจะไม่แยกเธอกับลูกออกจากกัน และก็รับปากด้วยว่าจะให้พ่อของลูกกลับมาเจอพวกเขา
แต่ว่ารอมาถึงวันที่ฉินโม่หานกลับมาหาเธอกับลูกวันนั้น โรงพยาบาลก็เกิดไฟไหม้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ฉินโม่หานถึงแม้ว่าจะเจอเธอกับลูกแล้ว แต่พวกเขาทั้งบ้านนั้นก็เกือบที่จะแยกเป็นสองฝ่ายโดยที่คนนึงตายแล้วอีกคนก็จะยังมีชีวิตอยู่
ในภายหลังตอนที่เธอเสียความทรงจำอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชนั้น…ก็เคยเจอพี่รองคนนี้มาก่อน
ในตอนนั้น พี่สองฉินคนนี้ยังเดินมายังคุณยายคนสนิทของเธอ บอกเธอว่าไม่ว่าลูกหรือว่าจะเป็นพ่อของลูก ต่อจากนี้ไปจะไม่มาเจอกับเธออีกแล้ว
เพราะว่าพวกเขาตายกันไปหมดแล้ว
เธอคลั่งอยู่นานเพราะว่าคำพูดประโยคนี้เลย จวบจนกระทั่งถูกฉีดยาระงับประสาทไป จนสุดท้ายก็เสียความทรงจำไป…
คิดมาถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว สายตาที่เธอมองไปยังฉินหลิงยี่นั้นก็ได้เยือกเย็นขึ้นมาทันที
ฉินหลิงยี่แสยะยิ้มออกมาจางๆ “พวกเขาบอกว่าเธอสูญเสียความทรงจำไป แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะยังจำฉันได้”
ซูสือเยว่ยิ้มเย็นออกมา “ฉันก็แค่จำเรื่องที่เกี่ยวกับฉินโม่หานในช่วงนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง”
“แต่ว่าเรื่องเมื่อห้าปีก่อน ฉันจำมันได้ชัดเจนทั้งหมด”
ฉินหลิงยี่เลิกคิ้วออกมาเล็กน้อย “อ้อเหรอ? งั้นเธอลองว่ามาสิ เธอจำอะไรได้หมด?”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา “ถึงยังไงคุณก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว”
พูดจบ เธอก็ถอนหายใจออกไป หันไปมองพนักงานที่อยู่ข้างๆ “ชุดนี้จะยังขายอยู่หรือเปล่า?”
“ถ้าไม่ขาย พวกเราก็จะไปแล้ว”
พูดไป เธอก็ไม่ลืมที่จะชำเลืองมองไปทางหยางชิงโยวกับฉินหลิงยี่ “เจอกับคนที่ไม่อยากจะเจอ เสื้อผ้าที่รู้สึกว่าชอบมันก็รู้สึกไม่น่าซื้อไปเสียหมด”
พนักงานที่กำลังรอเผือกเรื่องชาวบ้านมาตั้งแต่ต้นนั้นเองก็ได้ชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ขายค่ะขาย”
“คุณผู้หญิงท่านนี้ เชิญทางนี้ค่ะ ฉันจะพาคุณไปเลือกไซซ์ที่เหมาะกับคุณ…”
ซูสือเยว่พยักหน้า
วินาทีก่อนที่เธอจะผันร่างเดินตามพนักงานไปนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะแสยะริมฝีปากออกมา หันกลับไปมองหยางชิงโยว “คุณหยาง ไม่มาลองด้วยสักหน่อยเหรอคะ?”
“มีข้อเปรียบเทียบ เธอจะได้รู้ไงว่าเธอมันไม่คู่ควรน่ะ”
สีหน้าของหยางชิงโยวเขียวคล้ำออกมา
เธอกัดริมฝีปาก กำลังจะพูดอะไรออกไป แต่กลับถูกฉินหลิงยี่ที่อยู่ตรงนั้นขัดเอาไว้เสียก่อน
“เธอคงไม่ต้องการชุดนี้ ไว้หน้าภรรยาน้องชายฉันหน่อยสิ”
ซูสือเยว่กลอกตามองบนออกมา
ใครเป็นภรรยาน้องชายเขากัน?
หน้าไม่อาย!
หลังจากที่ถลึงตาใส่เขาไปแล้ว หญิงสาวก็ผันร่างออกไป ตามพนักงานเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ
หยางชิงโยวโกรธจนต้องกระทืบเท้าระบายอารมณ์อยู่ที่ด้านนอก
ในทางตรงกันข้ามกันฉินหลิงยี่กลับดูสงบนิ่งอย่างมาก เขามองไปยังทิศทางที่ซูสือเยว่เดินออกไปอย่างไม่แยแส แล้วก็ได้มองมาที่หยางชิงโยวอีกที “ไม่เจอกันนาน ให้ฉันเลี้ยงกาแฟเธอสักแก้วมั้ย?”
หยางชิงโยวย่นคิ้วมองฉินหลิงยี่ “จุดที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ให้เกี่ยวข้องกันระหว่างฉันกับคุณฉินเมื่อก่อนหน้านี้ก็คือเย่เชียนจิ่ว”
“ตอนนี้เย่เชียนจิ่วถูกฉินโม่หานจับกุมตัวเอาไว้ ฉันคิดว่าฉันกับท่านชายฉินไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกันหรอกค่ะ”
ฉินหลิงยี่ยิ้มออกมา
เขาเดินมายังข้างๆตัวหยางชิงโยว กดเสียงเบาเอ่ยออกมา “เธอคิดจริงๆเหรอว่าฉันไม่รู้ว่าเรื่องพวกนั้นที่เย่เชียนจิ่วได้ทำกับซูสือเยว่ไป…ส่วนใหญ่มันก็ล้วนแล้วจะเป็นสิ่งที่เธอเสี้ยมสอนมาทั้งนั้นหรือไง?”