ซูสือเยว่ไม่เคยใส่ชุดราตรีหรูขนาดนี้มาก่อน
เธอวุ่นอยู่ในห้องลองเสื้อผ้าอยู่นาน กว่าจะทำความเข้าใจวิธีการสวมชุดตัวนี้ขึ้นมาได้เสียทีว่ามันสวมยังไง
รอจนตอนที่เธอสวมชุดราตรีเปิดหลังสีชมพูชุดนั้นเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้านั้นเอง ด้านนอกก็เหลือเพียงแค่คนที่ติดตามเธอมาทั้งสองคนเพียงเท่านั้น
ไม่เพียงแต่จะไม่เจอหยางชิงโยว แม้แต่ฉินหลิงยี่เองก็หายไปด้วยเช่นกัน
เห็นเธอออกมา ดวงตาของคนที่ติดตามมาทั้งสองคนก็มองจ้องเข้ามาตาค้าง
รูปร่างผอมบางของหญิงสาวถูกชุดราตรีทำให้สวยน่าดึงดูดทะลุโดดเด่นออกมา
หุ่นสวยเสียอย่าว่าแต่ผู้ชายเลย แม้แต่ผู้หญิงเองเห็นแล้วก็ยังอยากจะเลือดกำเดาไหลออกมาเลย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบฉลุลวดลายตรงส่วนหลัง ทำให้ความเซ็กซี่ของเธอดูมีเสน่ห์ออกมามากขึ้น
ทั้งสองคนที่ตามมาด้วยมองเธอ แล้วก็ชมกันมาไม่ขาดปาก
“คุณนายฉินสวยมาตั้งแต่เกิดจริงๆ!”
“มิน่าล่ะถึงสามารถกลายมาเป็นคุณนายฉินได้ สวยจริงๆเลย!”
“ฉันขอประกาศเลยว่าคุณซูเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาในชีวิตเลย!”
“เป็นคนที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเจอมาในชีวิตด้วยเหมือนกัน!”
……
ทั้งสองคนนี้ประจบกันออกมาอย่างเปิดเผย ทำให้ฟันของซูสือเยว่ปวดจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย
“เกินไปแล้วๆ”
เธอโบกมือออกมาเล็กน้อย “พูดกันเกินไปแล้ว”
รู้ว่าทั้งสองคนนี้ชอบประจบสอพลอ เมื่อก่อนหน้านี้ในลิฟต์ก็ได้ยินพวกเธอประจบไป๋หยุนโต่วกันออกมา เธอเองก็รู้สึกว่าการถูกประจบสอพลอมาอย่างนี้ในใจมันก็จะต้องมีความสุขมากแน่
แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อตอนที่ทั้งสองคนมายกยอเธอขึ้นมาจริงๆแล้ว นอกจากความรู้สึกกระอักกระอ่วนแล้วเธอรู้สึกแค่เพียงความกระอักกระอ่วนเท่านั้น
กระอักกระอ่วนจนนิ้วเท้ามันสามารถแงะปราสาทหลังนึงได้เลยทีเดียว
ลูกสมุนทั้งสองคนสบตากัน “พวกเราพูดเกินไปกันเหรอ?”
“ไม่นะ!”
“เพราะว่าคุณนายฉินสวยเสียขนาดนี้เลยไง!”
ซูสือเยว่ “…”
จู่ๆเธอก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาว่าทำไมตนถึงได้ปล่อยให้ฉินโม่หานจัดทั้งสองคนนี้มาเป็นเพื่อนเธอ
อยู่ต่อหน้ากล้อง หลังจากที่เธอกลับมาสังเกตตัวเองอีกครั้ง ในที่สุดก็ได้หยิบแบล็กการ์ดที่ฉินโม่หานให้เธอมาจ่ายเงินไปด้วยความพึงพอใจ แล้วซื้อชุดราตรีตัวนั้นมา
ออกมาจากตัวห้างแล้ว เธอได้พาเพื่อนที่มาด้วยกันทั้งสองคนกลับชวงซิงกรุ๊ปไปด้วยอารมณ์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ตอนที่รอคนขับรถขับรถเข้ามาอยู่ที่ล่างตึกนั้นเอง พอเธอหันหน้าไป ก็เห็นภายในร้านกาแฟที่อยู่ไกลออกไป หยางชิงโยวกำลังดื่มกาแฟอยู่กับฉินหลิงยี่
ฉินหลิงยี่ไม่รู้ว่าพูดอะไร แต่สีหน้าของหยางชิงโยวมันดูไม่ดีเอามากๆ
ซูสือเยว่เบ้ปากออกมา
ถ้าจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ หยางชิงโยวคนนี้เหมือนกับว่าจะเป็นเพื่อนกับเย่เชียนจิ่ว?
ฉินหลิงยี่ก็ปฏิบัติต่อเย่เชียนจิ่วเหมือนกับน้องสาวแท้ๆเลยทีเดียว
เธออยากรู้มากว่าทำไมหยางชิงโยวกับฉินหลิงยี่ถึงได้อยู่พร้อมกันหมด แต่เย่เชียนจิ่วกลับไม่มีแม้แต่เงา
คงจะไม่ได้กรรมตามสนองเพราะเรื่องชั่วๆที่ได้ทำลงไปหรอกใช่มั้ย?
พอคิดอย่างนี้อยู่นั้นเอง คนขับรถก็ได้ขับรถเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่กลับมาถึงชวงซิงกรุ๊ป เธอวางชุดราตรีลงไปบนพื้นไปพลาง คุยเรื่องที่ได้เจอหยางชิงโยวกับฉินหลิงยี่กับฉินโม่หานไปพลาง
ฉินโม่หานที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารหรี่ตาออกมาเล็กน้อย
“ทั้งสองคนนี้สามารถรวมหัวอยู่ด้วยกัน…มันก็น่าสนใจนิดหน่อยเหมือนกัน”
LYกรุ๊ปของฉินหลิงยี่พุ่งเป้าไปที่ตระกูลเจี่ยนอยู่ตลอด วิกฤติที่ตระกูลเจี่ยนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เป็นสิ่งที่ฉินหลิงยี่สร้างขึ้นมา
สถานะตอนนี้ของหยางชิงโยวก็คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน
ทั้งสองคนเดิมทีก็ควรจะมีความสัมพันธ์แบบปฏิปักษ์เหมือนกับว่าเป็นศัตรูกัน แต่ว่าตอนนี้กลับมานั่งดื่มชาด้วยกันอย่างเป็นปกติได้…
ชายหนุ่มหรี่ตาลง “ดูท่าทางแล้วคงจะเร่งความเร็วขึ้นมาแล้วสินะ”
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีต่อLYกรุ๊ป หรือว่าจะเป็นการช่วยเหลือต่อตระกูลเจี่ยน ต่างก็ต้องเร่งความเร็วขึ้น
เขาเชื่อว่าฉินหลิงยี่มาหาหยางชิงโยวจะต้องไม่มีทางที่จะมาพูดคุยเรื่องเก่าๆกันง่ายๆอย่างนั้นแน่นอน
ซูสือเยว่ไม่เข้าใจควาหมายที่เขาสื่อออกมา เธอจึงย่นคิ้วคิดสงสัยออกมา “สามี เร่งความเร็วอะไรกันอ่ะ?”
“ไม่มีอะไร”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วหันไปมองซูสือเยว่ “ซื้อมาแค่ชุดราตรี?”
ซูสือเยว่พยักหน้า “ยังต้องการอะไรอีกเหรอคะ?”
ชายหนุ่มมองเธอไปอย่างจนใจ “ชุดราตรีสีอะไร?”
“สีชมพู!”
ฉินโม่หานพยักหน้าออกมาเล็กน้อย พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ไป๋ลั่ว ไปที่ห้าง ซื้อรองเท้าส้นสูงสีชมพูมาคู่นึง”
ซูสือเยว่ตกใจขึ้นมา แล้วก็ได้มองไปที่เท้าของตัวเองทันที
รองเท้าที่เธอกำลังสวมอยู่…เป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่หนึ่ง
รองเท้าคู่นี้ กับชุดราตรี…มันดูเหมือนว่าจะไม่เข้ากันเลยจริงๆ
รอจนชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงแล้ว เธอก็เข้าไปอย่างระมัดระวัง ยื่นมือออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด แล้วเข้าไปกอดเอวแกร่งของเขาเอาไว้ “ขอโทษนะสามี…”
“เพราะว่าเจอคนที่ไม่ชอบ ฉันก็เลยอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาด้วย ตอนอยู่ที่ห้างก็เลยซื้อแค่ชุดราตรีกลับมา”
“ลืมเรื่องรองเท้าไปหมดเลย…”
พูดจบ เธอก็เหมือนเด็กน้อยที่ทำอะไรผิดมา หน้าแดง ซุกหัวเข้ากับแผงอกของเขา “ฉันนี่มันทึ่มจริงๆเลย”
“ขอโทษนะคะ”
หัวใจของฉินโม่หาน มันได้สั่นออกมาอย่างแรงเพราะว่าการกระทำที่พึ่งพิงและน้ำเสียงหวานของเธอ
เขาเงยหน้าขึ้นมา ลูกกระเดือกขยับเคลื่อนขึ้นลง “ขอโทษอะไรผมกัน”
“ไม่มีผม คุณก็ไม่มีทางจะตัดสินใจจะเข้าร่วมงานเลี้ยงไปด้วยเหมือนกัน”
“ไม่ได้พิจารณาไปถึงเรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีคุณสมบัติที่ดึงดูดออกมาได้ยินเข้ามาในหูของซูสือเยว่ มันชวนให้หลงเสน่ห์เป็นอย่างมาก
เธอเงยหน้าขึ้นมา มองเขาไปนิ่งๆ
จากมุมมองของเธอนั้น สามารถมองเห็นสันกรามที่ดุดันกับลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ของเขาได้
หญิงสาวลังเลอยู่สักพักนึง สุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เงยหน้าขึ้นไปประชิดเข้าไป กัดลงไปบนกรามของเขาเบาๆ
การกระทำที่เกิดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยของเธอนั้น ทำให้ฉินโม่หานนิ่งค้างไปอย่างจัง
เขาย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย มองลงไปจับใบหน้าเล็กที่ขาวเนียนของเธอเอาไว้ “ยัยตัวร้าย ทำอะไรน่ะ?”
ในดวงตาดำคู่นั้นของซูสือเยว่เต็มไปด้วยแววตาที่บริสุทธิ์ “ฉันอยากกัดคุณ”
ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หยิกจมูกของเธอไปเบาๆ “แค่อยากจะกัดคางเท่านั้น?”
หญิงสาวส่ายหน้าออกมาอย่างแข็งขัน
“ไม่ใช่แค่คาง”
บนใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าวออกมา “ฉันยังอยากจะกัดริมฝีปากคุณด้วย”
“ฟันของคุณ”
“แล้วก็ยังมี…”
“อุ๊บ—!”
คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ ชายหนุ่มก็โอบรัดท้ายทอยเธอเอาไว้พร้อมกับประกบจูบลงมาอย่างแรงทันที
ฟันของเขากัดเข้ามาที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ เจ็บจนเธอต้องย่นคิ้วออกมา
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ชายหนุ่มยิ้มออกมาพร้อมกับปล่อยเธอออกไป “ผมกัดเสร็จแล้ว ตอนนี้ถึงตาคุณกัดผมแล้ว”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก หน้าแดง กัดลงไปบนริมฝีปากของเขาไปเบาๆ—
……
ในช่วงหกโมงเย็นกว่าๆ ฉินโม่หานได้พาซูสือเยว่ลงมาจากชั้นบน
ไป๋ลั่วค้นพบออกมาด้วยอาการตื่นตะลึงว่าริมฝีปากของทั้งสองคนนั้นบวมแดงด้วยกันทั้งคู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณผู้หญิง ริมฝีปากไม่เพียงแต่จะบวมแดงออกมา บนใบหน้าก็แดงออกมาอย่างมากเช่นเดีวกัน!
เขาย่นคิ้วออกมา เอ่ยปากถามออกมาอย่างระมัดระวัง “คือว่า…ของที่กินมันแพ้ขึ้นมานิดหน่อยเหรอครับ?”
“ผมว่าสภาพของคุณผู้ชายมันดูไม่ดีนัก…”
“ของคุณผู้หญิงก็เหมือนกับว่าจะหนักกว่าหน่อย”
“ช่วงเวลาที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นมันยังมีอีกหนึ่งชั่วโมง ทางที่พวกเราไปมันจะผ่านโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นให้ผมไปลงทะเบียนให้พวกคุณ…”
ไป๋ลั่วพูดไปพลาง แล้วยังรู้สึกว่าตัวเองเอาใจใส่เป็นพิเศษไปพลาง “ในช่วงเย็นอย่างนี้ที่โรงพยาบาลไม่ค่อยมีใคร การหาหมอมันก็คงจะเร็วอยู่…”
“ดังนั้นแล้วคุณผู้ชาย ปากของคุณกับคุณผู้หญิง…”
ฉินโม่หานที่นั่งอยู่ตรงเบาะด้านหลังได้ถลึงตาใส่เขาอย่างเยือกเย็น “หุบปาก!”