ซูสือเยว่กุมโทรศัพท์ ยังอยากจะลองถามคำถามเกี่ยวกับแม่ของเธอให้มากขึ้นอีก แต่เจี่ยนเฉิงกลับไม่ได้ตอบกลับมาอีก
ข้อความที่เธอส่งไป เงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สูดหายใจ เธอกัดริมฝีปากออกมา แล้วหลับตาลง
“คุณผู้หญิง คุณดูดอกไม้ไฟสิ!”
ทันใดนั้นเอง รถก็ได้หยุดจอดลง เสียงที่ฟังดูประหลาดใจของไป๋ลั่วดังขึ้นมาข้างๆใบหู
ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นไป
บนริมถนน ก็ได้เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้วเหมือนกัน
ดอกไม้ไฟใหญ่ๆ ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง
เหมือนกับว่าคนที่จุดดอกไม้ไฟคนนั้นจะต้องให้คนที่อยู่ในใจของเขามองเห็นมันให้ได้ก็ไม่ปาน
ข้างหูก็เป็นเสียงดอกไม้ไฟที่ดังกึกก้องขึ้นมา ทั้งเมืองสตัฟฟ์เหมือนกับว่าฉลองปีใหม่อยู่
ซูสือเยว่มองดอกไม้ไฟไปสักพักนึง แล้วก็หันกลับไปมองไป๋ลั่ว”ทำไมถึงไม่ไปล่ะ?”
“ไปไม่ได้ครับ”
ไป๋ลั่วชี้ไปยังการไหลของการจราจรบนท้องถนนที่ติดกันอยู่อย่างเนืองแน่นตรงหน้า “รถติด”
ซูสือเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็ได้นึกขึ้นมาได้ว่าเหมือนกับว่าทางจากโรงแรมไปวิลล่ามันก็คือทางไปที่ชายหาดพอดีเลย
ดังนั้นแล้ว รถเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าคือกำลังติดอยู่เพื่อที่จะไปชายหาดกันล่ะมั้ง?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ได้หันกลับไปมองด้านหลัง
รถที่อยู่ด้านหลังถึงแม้ว่าจะไม่น้อยเลย แต่มันก็น้อยกว่าข้างหน้าเยอะเลย
หญิงสาวลังเลอยู่สักพัก “ไป๋ลั่ว ไปที่โรงพยาบาลในใจกลางเมืองเถอะ”
ไป๋ลั่วชะงักไป “ไปที่นั่นทำไมครับ?”
เมื่อตอนเย็นเขาให้คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงไปหาหมอเพื่อรักษาปากที่โรงพยาบาล ก็ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน
จนถึงป่านนี้แล้ว คุณหมอไม่เลิกงานกันไปหมดแล้วเหรอ?
“ไปเยี่ยมแม่ของฉันสักหน่อย”
ซูสือเยว่หลับตาลง ความรู้สึกโดยสัญชาตญาณมันคิดว่าดอกไม้ไฟนี้มันจะเกี่ยวข้องกับแม่ของเธอ
ตอนที่รถมาถึงด้านล่างตึกของโรงพยาบาลมันก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าไปแล้ว
ซูสือเยว่ลงจากรถไปแล้วก็ได้พุ่งเข้าตึกไปทันที
ด้านนอกห้องผู้ป่วยบนชั้นบนสุดของหลิวหรูเยียน การ์ดยื่นมือออกมาหมายที่จะขวางเธอเอาไว้ “คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่มีคำอนุญาตจากพ่อบ้านเสิ่น คุณไม่สามารถ…”
ซูสือเยว่แสยะริมฝีปากออกมา มือข้างหนึ่งจับแขนของการ์ดเอาไว้ หักไปอย่างแรง—
ตามมาด้วยเสียงร้องครวญครางของการ์ด ซูสือเยว่ผลักประตูห้องพักผู้ป่วยของหลิวหรูเยียนเข้าไป
ภายในห้องผู้ป่วยเงียบสงบ
ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟ
ผู้หญิงคนนั้นนอนกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ บนฟ้าด้านนอกหน้าต่าง ดอกไม้ไฟสีสันสดใสได้สะท้อนเข้ากับใบหน้าที่ซูบผอมของเธอ
เธอหลับตาเงียบ เหมือนกับว่ากำลังนอนหลับอยู่
ซูสือเยว่กัดริมฝีปากออกมา ค่อยๆเดินเข้าไป นั่งลงข้างๆร่างของผู้หญิงคนนั้น
“คุณหลิวหรูเยียน”
เธอยื่นมือออกไป จับมือเย็นๆของผู้หญิงที่อยู่บนเตียงเอาไว้ “ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วฉันใช่ลูกสาวของคุณหรือเปล่า”
“แต่ว่าทุกคนต่างก็บอกว่าฉันเป็น ฉันเองก็คิดว่าฉันเป็นด้วยเหมือนกัน”
“ดังนั้นแล้ว ฉันก็จะยอมรับคุณที่เป็นแม่คนนี้แล้วกัน”
พูดจบ เธอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หันหน้าออกไปมองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง
ดอกไม้ไฟเต็มท้องฟ้าจนแทบจะทำให้กลางคืนเปลี่ยนกลายมาเป็นกลางวันเลยทีเดียว
“ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ดอกไม้ไฟพวกนี้เป็นของที่จุดมาเพื่อให้คุณดูล่ะมั้ง?”
ซูสือเยว่ถอนหายใจออกมา “จากที่พ่อเจี่ยนเฉิงของฉันบอกมา พ่อแท้ๆของฉันตายไปตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดเลย”
“นับดูแล้ว มันก็หลายปีแล้วเหมือนกันนะ”
“ถ้าดอกไม้ไฟพวกนี้มันเตรียมมาเพื่อคุณจริงๆ เขามีความตั้งใจนี้มา…ถ้าคุณฟื้น ฉันสนับสนุนว่าพวกคุณจะต้องคบอยู่ด้วยกัน”
“แต่น่าเสียดาย…”
หญิงสาวกุมมือของหลิวหรูเยียนเอาไว้ “รีบดีขึ้นเร็วๆหน่อยนะ”
ดอกไม้ไฟดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนถึงเช้าตรู่ของอีกวัน
ซูสือเยว่ก็ยังอยู่ในโรงพยาบาลเหมือนเดิม กุมมือของหลิวหรูเยียนนั่งอยู่จนถึงเช้า
ในระหว่างนั้นเอง เธอก็คุยเรื่องที่เธอได้ประสบพบเจอมาหลายปีมานี้กับหลิวหรูเยียนไปไม่หยุด เล่าเรื่องที่น่าสนใจและไม่น่าสนใจที่เธอได้พบเจอมาตั้งแต่เล็กจนโต
เหมือนกับว่าเธออยากจะเอาคำพูดที่อยากพูดกับแม่ที่เก็บสะสมมาหลายปีมานี้ พูดมันออกไปทั้งหมด
ช่วงเช้าในตอนที่การชุมนุมดอกไม้ไฟได้สิ้นสุดลง ซูสือเยว่ก็ได้ปล่อยมือออกจากหลิวหรูเยียน
เธอถอนหายใจออกมา แล้วก็ได้มองรูปลักษณ์หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไปอีกครั้ง “คุณหลิวหรูเยียน คุณจะต้องรีบดีขึ้นเร็วๆนะคะ”
พูดจบ หญิงสาวก็ผันร่างเดินออกไป
ซูสือเยว่ไม่ได้สังเกตเลยว่านาทีที่เธอหันหลังออกไปนั้นผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง ตรงมุมขอบตาได้มีน้ำตาไหลออกมาหยดนึง
ออกมาจากห้องผู้ป่วยซูสือเยว่ก็ได้ถอนหายใจออกมา กำลังเตรียมที่จะผันร่างไปยังลิฟต์ เงาร่างหนึ่งก็ได้เข้ามากอดเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง
เดิมทีเธอก็อยากจะขัดขืนออกไป
ในชั่ววินาทีที่มือทั้งสองข้างกำหมัดออกมานั้นเอง เธอก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยมาจากทางด้านหลัง
“สามี?”
ชายที่อยู่ด้านหลังเอาหัวซุกเข้ามาบริเวณซอกคอของเธอ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่หันหน้ากลับมาก็รู้ว่าเป็นผมด้วย?”
เสียงทุ้มต่ำของเขาประดับไปด้วยลมหายใจที่อุ่นร้อนรดมาที่บริเวณช่วงคอของเธอ
“คุณเป็นสามีของฉัน ฉันจะต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นคุณ”
บนใบหน้าของซูสือเยว่เอ่อร้อนออกมา เธอกัดริมฝีปากกุมมือของฉินโม่หานเอาไว้เบาๆ “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“มานานแล้ว”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วกอดเธอเอาไว้ “หลังจากงานเลี้ยงจบลงก็มาหาคุณเลย”
ซูสือเยว่ชะงักไปเล็กน้อย “งานเลี้ยงเลิกเมื่อไหร่กัน?”
“สามทุ่มกว่า”
การหายใจของหญิงสาวได้หยุดชะงักไปชั่วขณะ
ตอนนี้ก็ตีสิบสองไปแล้ว
ฉินโม่หานเลิกงานเลี้ยงสามทุ่มกว่าๆแล้วก็มาที่นี่เลย
เขา…รอเธออยู่ด้านนอกประตูห้องผู้ป่วยมาสามชั่วโมงกว่าแล้ว?
หญิงสาวกัดริมฝีปาก ดึงมือเขาออกแล้วหันหน้าไปมองเขา
ภายใต้แสงไฟสลัวบริเวณทางเดิน ดวงตาคู่นั้นของหญิงสาวส่องประกายออกมา “ทำไมมาแล้วไม่บอกฉันสักหน่อย?”
ถ้าเธอรู้ล่ะก็ จะไม่มีทางปล่อยให้เขาต้องรออยู่ด้านนอกคนเดียวนานขนาดนี้
ชายหนุ่มยกยิ้มออกมา “ไม่อยากรบกวนบทสนทนาของคุณกับแม่ยาย”
พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอไปเบาๆ “คุยเสร็จแล้ว พวกเรากลับบ้านกัน?”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปากออกมา แล้วพยักหน้า “ค่ะ”
ในระหว่างทางกลับ ซูสือเยว่เห็นเหล่าคนที่สวมชุดสีดำเหล่านั้นกำลังเก็บเศษซากดอกไม้ไฟกันอยู่บนถนนของเมือง คิ้วก็ย่นออกมาเล็กน้อย “สามี คุณรู้หรือเปล่าว่าดอกไม้ไฟวันนี้…ใครเป็นคนจุดกันคะ?”
เธอสามารถคาดเดาได้จากในข้อความของเจี่ยนเฉิงออกมาได้ว่าคนที่จุดดอกไม้ไฟคนนี้คงจะเป็นเพื่อนเก่าของหลิวหรูเยียน
แต่ว่า…
เธอไม่เคยได้ยินผู้ดูแลบ้านเสิ่นเคยพูดมาก่อนเลยว่ามีคนจีบหลิวหรูเยียนอยู่น่ะ
“รู้”
สายตาของชายหนุ่มมองไปตรงหน้านิ่ง “เป็นคนที่…สูญหายไปหลายปีคนหนึ่ง”
ซูสือเยว่หันหน้าไป มองเขานิ่ง “คุณรู้จัก?”
“นับว่ารู้จัก”
เขายกมือขึ้นมา ลูบลงไปบนหัวของซูสือเยว่ไปเบาๆ “ต่อจากนี้คุณก็จะค่อยๆรู้ไปเอง”
“ตอนนี้ผมไม่สามารถอธิบายกับคุณไปให้ชัดเจนได้”
ซูสือเยว่ย่นคิ้วออกมา มองเขาไปด้วยความสงสัย ไม่ได้ถามคำถามนี้ออกไปอีกอย่างว่าง่าย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง—
ภายในห้องรับแขกของวิลล่าตระกูลเจี่ยน ได้อยู่ในความเงียบ
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นรีบขึ้นไปเคาะประตูห้องของหยางชิงโยวที่ชั้นบนอย่างรีบร้อน
หยางชิงโยวที่ถูกเสียงดอกไม้ไฟดังรบกวนมาตลอดทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอนเลยได้ออกไปเปิดประตูทั้งชุดนอน “ดึกขนาดนี้แล้ว ยังไม่ให้คนอื่นเขาหลับกันอีกหรือไง?”
สายตาของผู้ดูแลบ้านเสิ่นลุ่มลึกออกมา “คุณหนูใหญ่ มีคนต้องการเจอคุณครับ”
หยางชิงโยวกลอกตาด้วยความหงุดหงิดใจ “ใครหน้าไหนกันที่ดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังอยากจะเจอฉันอยู่อีก?”
“ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน อยากเจอฉันก็ช่วยต่อคิวรอให้ถึงตอนกลางวันก่อนจะได้มั้ย?”
นี่มันตีสิบสองกว่าไปแล้วนะ!
“นี่…เกรงว่ามันจะไม่ได้ครับ”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นย่นคิ้วออกมา “คนที่อยากเจอคุณ เป็นผู้นำตระกูลคนก่อนของตระกูลเจี่ยนครับ”
“คุณพ่อแท้ๆของคุณ”