พ่อแท้ๆ?
ใบหน้าของหยางชิงโยวบิดเบี้ยวอยู่สักพัก
จากนั้นสีหน้าที่แสดงออกมาบนใบหน้าของหญิงสาวที่มีความหงุดหงิดออกในช่วงแรกได้เปลี่ยนมาเป็นความประหลาดใจ
“พ่อแท้ๆของฉัน?”
“ไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วเหรอ?”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นเงียบไปสักพัก “เมื่อก่อนหน้านี้พวกเราเองก็คิดมาโดยตลอดว่า..เขาตายไปแล้วเหมือนกัน”
“แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่เพียงแต่จะไม่ตาย แต่ยังกลับมาด้วย”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมามองหยางชิงโยว “คุณจัดแจงตัวเองสักหน่อยแล้วลงไปเถอะครับ”
“เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อแท้ๆของคุณ เพิ่งจะกลับมาก็คงอยากจะเจอคุณสักหน่อย แล้วก็ยังปล่อยวางจากคุณไปไม่ได้”
หยางชิงโยวรีบพยักหน้าออกมาทันที “ฉันเข้าใจแล้ว!”
พูดจบ หญิงสาวก็ปิดประตูเสียงดัง “ปัง” ออกมา
ด้านนอกประตู ผู้ดูแลบ้านเสิ่นมองประตูที่กำลังปิดแน่นอยู่ ในดวงตาได้มีแววตาของความชั่วร้ายพาดผ่านออกมา
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สถานะที่แท้จริงของหยางชิงโยวคนนี้
ผลการตรวจDNAอะไรจำพวกนั้น สามารถทำครั้งแรกได้ ก็สามารถทำครั้งที่สองได้
แต่ในเมื่อซูสือเยว่ไม่เชื่อฟัง เขาก็จะหาคนที่เชื่อฟังจริงๆ มาเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน
เดิมทีเรื่องทั้งหมดมันก็ราบรื่นดีอยู่แล้ว…
ขอเพียงแค่หยางชิงโยวคนนี้เชื่อฟังคำพูดของเขา แต่งเข้าตระกูลจี้ไปอย่างว่าง่าย เขาก็จะสามารถรวมหัวสมคบคิดกับฉินหลิงยี่แห่งLYกรุ๊ปได้ แล้วครอบครองสมบัติทั้งหมดของตระกูลเจี่ยนเอาไว้
สิ่งที่ฉินหลิงยี่ต้องการก็คือตระกูลเจี่ยนล่มสลาย สิ่งที่เขาต้องการก็คือเงินของตระกูลเจี่ยน
ขอเพียงทั้งสองได้ร่วมมือกัน ด้านนอกโจมตีมา คนในให้การสนับสนุน มันก็จะสามารถเอาทุกอย่างที่ต้องการไปได้ในขณะที่ทำลายตระกูลเจี่ยนให้ล่มสลาย
แต่เขานึกไม่ถึงว่าเจี่ยนหมิงจงที่ประสบอุบัติหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปเมื่อตอนนั้น นึกไม่ถึงว่าจะกลับมาตอนนี้
เขาไม่เพียงแต่จะยังไม่ตาย ไม่ได้เจอหลายปีมานี้ กลับฉลาดหยิ่งเย็นชามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นย่นคิ้วออกมาแน่น
ในเมื่อเจี่ยนหมิงจงยังไม่ตาย ทำไมตั้งหลายปีมาแล้วถึงไม่กลับมา?
ในเมื่อไม่กลับมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมถึงจะต้องกลับมาในช่วงเวลาสำคัญตอนที่เขาใกล้จะแบ่งสันปันส่วนตระกูลเจี่ยนกับฉินหลิงยี่ได้อยู่แล้ว?
เบื้องหลังนี้…ใครกันทีมันแอบวางวางแผนเอาไว้อยู่?
……
หยางชิงโยวตั้งใจเปลี่ยนมาสวมชุดเดรสโลลิต้าสีชมพูสวยๆชุดหนึ่งมาเป็นพิเศษ
ถึงขั้นที่ว่าเพื่อทิ้งภาพจำดีๆให้กับเจี่ยนหมิงจงแล้ว เธอยังแต่งหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดูจนใครเห็นแล้วก็ต้องรักออกไปด้วย
หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเธอก็เปิดประตูออกไป หันไปยิ้มหวานหยาดเยิ้มไปทางผู้ดูแลบ้านเสิ่น “พวกเราลงไปหาพ่อฉันกันเถอะ”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นมองการแต่งตัวที่ดูแอ๊บแบ๊วนั่นของเธอไปแวบนึง แล้วก็แอบถอนหายใจออกมาเงียบๆ
“คุณหนูใหญ่”
เขาเอ่ยเสียงเบาออกมา “ท่านเจ้าของบ้านเพิ่งจะกลับมา คุณจะทำอะไรก็ต้องระวังเอาไว้หน่อยนะครับ”
“ถ้าทำอะไรที่ทำให้ท่านเจ้าของบ้านสงสัยเคลือบแคลงในเรื่องสถานะของคุณขึ้นมา…”
“ผมเองก็ปกป้องคุณไม่ไหวหรอกนะ”
ภายในใจของหยางชิงโยวเกิดความขี้ขลาดขึ้นมาเล็กน้อย
เธอได้หันไปมองผู้ดูแลบ้านเสิ่นไปทันที
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันมีความหมายอื่นแฝงอยู่ในคำพูดนี้ของผู้ดูแลบ้านเสิ่นกัน เหมือนกับว่าเขาจะรู้สถานะที่แท้จริงของเธอยังไงอย่างนั้น?
คงไม่หรอกมั้ง…
ทั้งๆที่เธอก็แสดงได้ดีแล้วแท้ๆ
สูดหายใจเข้าไปลึกๆ เธอยิ้มมองผู้ดูแลบ้านเสิ่นไปเล็กน้อย “วางใจเถอะ”
“ฉันก็คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน เขาเป็นพ่อของฉัน ไม่มีทางจะเกิดเรื่องอะไรหรอก”
เพียงไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้ลงมาด้านล่างพร้อมกัน
ภายในห้องรับแขกชั้นล่าง มีคนนั่งอยู่แล้วสามคน
ตรงซ้ายสุดเป็นผู้หญิงที่อยู่ในชุดสีแดงหยิ่งเย็นชาและสง่างามคนนึง
ตรงมุมขวาสุดเนชายที่อยู่ในชุดสีดำที่ให้ความรู้สึกที่เยือกเย็นและสูงส่งคนนึง
ใบหน้าด้านข้างที่ดูหล่อสง่าของเขา กระดูกไหปลาร้าที่โผล่ออกมามันเซ็กซี่น่าหลงใหล คิ้วสวยเฉี่ยวตรง ขนตาเรียวยาว รูปปากโค้งออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ…
เป็นผู้ชายจำพวกที่หล่อเหลาสง่างามจนทำให้คนที่เห็นไม่อาจจะลืมไปได้เลย
คนที่นั่งตรงกลางระหว่างทั้งสองคนเป็นคนวัยกลางคนหวีผมไปข้างหลังดูหยิ่งไม่ชอบข้องเกี่ยวกับใคร
ภาพที่ทั้งสามคนนั่งอยู่ด้วยกันนั้น ถึงแม้ว่าจะดูไม่เข้ากันไปบ้าง แต่มันก็เป็นภาพที่สวยงามที่จะทำให้คนเห็นรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาเป็นพิเศษ
ภายในใจของหยางชิงโยวมันสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าดูไม่ผิดแล้วล่ะก็ ผู้ชายที่อยู่ให้ความรู้สึกที่สูงส่งน่าเคารพที่อยู่ตรงกลางคนนั้น คงจะเป็นเจี่ยนหมิงจงผู้นำตระกูลของตระกูลเจี่ยนรุ่นที่แล้ว
อย่างที่คิด เขาเหมือนอย่างที่ลือกันมาไม่มีผิดเลย ให้ความรู้สึกสูงส่ง หยิ่งเย็นชาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในวัยกลางคนไปแล้วก็ยังคงหล่อเหลาสง่างามเหมือนเดิม
“คุณพ่อ!”
เธอยกกระโปรงขึ้นมา รีบวิ่งลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ
ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของหลิงซือยู่และหลิงหราน คุณหนูตัวปลอมคนนี้ได้พุ่งตรงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเจี่ยนหมิงจง ร้องไห้น้ำตาไหลคลอออกมา “คุณพ่อ! ดีจังเลย! คุณพ่อไม่เพียงแต่จะยังไม่ตาย แต่ยังกลับมาอีกด้วย!”
“ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ!”
เจี่ยนหมิงจงย่นคิ้วออกมาจางๆจนแทบจะมองไม่เห็น
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ชายวัยกลางคนก็ได้สูดหายใจข่มกลั้นความรู้สึกเอาไว้ “ฉันเกลียดความสกปรก”
หยางชิงโยวที่ร้องไห้ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขาได้ชะงักออกมาเล็กน้อย
หมายความว่าอะไร?
“ความหมายของคุณอาเจี่ยนก็คือน้ำตาน้ำมูกของเธอแล้วก็รองพื้นบนหน้าเธออย่าไปถูลงบนเสื้อสูทของเขา”
หลิงหรานที่อยู่ข้างๆกวาดสายตามองหยางชิงโยวไปนิ่งๆ มุมปากยกขึ้นมาอย่างเยาะหยัน “ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ เขาคงจะรังเกียจลูกสาวแท้ๆอย่างเธอคนนี้ไปเพราะว่าเกลียดความสกปรกไปก็ได้นะ”
ข้อต่อกระดูกบนร่างของหยางชิงโยวได้แข็งแกร็งขึ้นมาทันที
เธอรีบลงมาจากร่างของเจี่ยนหมิงจงทันที
อย่างที่คิด
ไม่ได้ต่างจากที่หลิงหรานพูดมาเลย
น้ำตา น้ำมูก แล้วก็รองพื้นของเธอ ทั้งหมดได้สีเข้ากับบนเสื้อคลุมเสื้อสูทของเจี่ยนหมิงจงไปหมดแล้ว
ชายวัยกลางคนได้กวาดสายตามองไปด้วยความรังเกียจ แล้วก็ได้ถอดเสื้อคลุมโยนไปให้หลิงซือยู่
หลิงซือยู่ยักไหล่ แล้วก็ได้ยกมือขึ้นโยนเสื้อคลุมตัวนั้นลงไปในถังขยะ
หยางชิงโยว “…”
คุณหนูใหญ่ของตระกูลเศรษฐีนี่มันยากจริงๆเลย
“เธอชื่อหยางชิงโยวใช่มั้ย?”
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ในที่สุดเจี่ยนหมิงจงมองตรงมายังเธอ “ขั้นตอนที่เธอถูกตามหากลับมา ผู้ดูแลบ้านเสิ่นได้บอกฉันมาหมดแล้ว”
“ในเมื่อเธอยอมสละความสุขในช่วงชีวิตเหลืออยู่ของเธอเพื่อตระกูลเจี่ยนแล้ว ฉันก็จะไม่ขัดขวางเธอ”
พูดไป เขาก็ได้ชี้ไปทางหลิงซือยู่ “นี่คือลูกชายที่ฉันรับเลี้ยงมาจากข้างนอก ชื่อว่าหลิงซือยู่”
“คนนี้เป็นพี่สาวของเขา และก็เป็นเด็กที่ฉันรับเลี้ยงมาเหมือนกัน ชื่อว่าหลิงหราน”
“ในเมื่อเธอเป็นลูกสาวของฉัน ต่อจากนี้ไปต้องการอะไร ก็สามารถเอ่ยกับหลิงซือยู่ได้”
ชายวัยกลางคนลุกยืนขึ้นมา “ขอโทษที่รบกวนเธอดึกขนาดนี้ ฉันมาที่นี่ ก็แค่อยากจะมาดูสักหน่อยว่าเธอมีหน้าตาเป็นยังไง”
“ดึกมากแล้ว เธอรีบไปพักผ่อนเถอะ”
พูดจบ เขาก็เดินออกไป
หยางชิงโยวเอ๋อไปเลยทีเดียว
…พ่อแท้ๆคนนี้ มาที่นี่อยู่สักพักนึง ไม่ได้พูดกับเธอให้จบเลยสักประโยคเดียว ก็จะไปแล้ว?
เธอกัดริมฝีปาก เตรียมที่จะตามไปทันที แต่กลับถูกหลิงซือยู่รั้งเอาไว้
ชายหนุ่มยัดนามบัตรมาให้เธอด้วยท่วงท่าที่สง่างาม “น้องสาว นี่เป็นช่องทางการติดต่อของฉัน”
“คุณอาเจี่ยนก็เพิ่งจะบอกไปด้วยว่าถ้าเธอมีอะไรที่ต้องการและอยากจะขออะไรก็สามารถบอกกับฉันมาได้เลย”
“จำเอาไว้ว่าติดต่อฉันได้ตลอดเวลา”
พูดจบ เขาก็ได้ก้าวขาเดินตามออกไปด้วยกันกับเจี่ยนหมิงจง
หยางชิงโยวถือนามบัตรนั้นเอาไว้อย่างเลื่อนลอย แล้วก็ได้หันไปมอง หลิงหรานที่ยังเดินอยู่ข้างหลังไปทันที
หลิงหรานยิ้มออกมาด้วยความสง่างาม “อย่าเข้าใจผิดเลย ฉันสวมรองเท้าส้นสูงก็เลยเดินได้ไม่เร็วเท่านั้นเอง”
“กับเธอ ฉันไม่มีอะไรที่อยากจะพูดด้วยนักหรอก”
เธอหาวออกมาทีนึง นัยน์ตาหงส์มองสำรวจหยางชิงโยวขึ้นลง “ขอให้คุณเป็นคุณหนูใหญ่ไปอย่างมีความสุขก็แล้วกันนะ”
พูดจบ หญิงสาวก็บิดเอวบางเดินโยกย้ายออกไป
หยางชิงโยวหันไปมองผู้ดูแลบ้านเสิ่นด้วยใบหน้าที่ดูสับสนเลื่อนลอย “นี่…”
ผู้ดูแลบ้านเสิ่นหรี่ตาลง มองไปยังทิศทางที่เจี่ยนหมิงจงเดินออกไป แววตาดูล้ำลึก
……
ด้านนอกตระกูลเจี่ยน
หลังจากที่เจี่ยนหมิงจงขึ้นรถมาแล้ว ก็นั่งทอดถอนหายใจอยู่ตรงเบาะหลังของรถ
หลิงซือยู่เปิดประตูตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วนั่งเข้ามา “ทำไม ไม่พอใจ?”
ชายวัยกลางคนหลับตานั่งพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ ส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมา “ผู้ดูแลบ้านเสิ่นหาคนพรรค์นี้มาแสร้งเป็นลูกสาวของฉัน?”
หลิงหรานเปิดเข้ามานั่งตรงที่นั่งคนขับ เสยผมขึ้น สตาร์ทรถขึ้นมา “อย่างนั้นแล้วตอนนี้คุณอาเจี่ยนจะไปไหน?”
“ไปที่ฉินโม่หาน”
“ไปหาลูกสาวแท้ๆของฉัน”