บทที่25 เธอชอบทารุณตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ
ใบหน้าของเซี่ยงหวั่นฉิงนั้นมืดมนยิ่งกว่าท้องฟ้าวันที่มีเมฆหนาอีก
ซูสือเยว่คลี่ยิ้ม “มันจำเป็นกับการทำงานน่ะ เธอคงไม่หึงหรอกเนอะ? ”
ตอนนี้เอง เฉิงเซวียนก็เดินเข้ามาพอดี
เซี่ยงหวั่นฉิงพุ่งเข้าไปที่อ้อมอกของเขาอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “เซวียน สือเยว่จงใจยั่วให้ฉันโกรธ”
“ฉันบอกให้เธอแสดงกับนายให้ดีๆ แต่ว่าเธอกลับบอกว่าฉันหึง……”
“พวกเราคบกันมานานขนาดนี้ ฉันต้องอิจฉาเธอเพื่ออะไรกัน! ”
เฉิงเซวียนเลิกคิ้ว แล้วก็หันไปมองซูสือเยว่ด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ถึงแม้ว่าระหว่างพวกเราเมื่อก่อนจะเป็นไปได้ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้คือกองถ่าย”
“ซูสือเยว่ ฉันหวังว่าเธอจะทิ้งอคติในอดีตของตัวเอง แล้วก็ทำงานอย่างจริงจัง เป็นมืออาชีพ”
“ได้สิ”
ซูสือเยว่บิดขี้เกียจ “ในเมื่อต้องการทำงานอย่างจริงจัง แต่ว่าคุณเฉิงกลับปล่อยให้แฟนของตัวเองมาชี้โบ๊ชี้เบ๊ใส่ฉันในกองถ่ายแบบนี้ มันก็ดูไม่เป็นมืออาชีพอย่างมากเลยไม่ใช่เหรอ? ”
เสียงของเธอนั้นไม่เบาเลย ดึงดูดความสนใจของนักแสดงและทีมงานจำนวนมาก
พวกเขาบางคนก็เริ่มพูดคุยกัน
“ใช่ มีคนมากมายในวงการบันเทิงที่มีแฟน แต่ไม่เคยเห็นคนที่ต้องให้แฟนมาถ่ายงานดว้ยทุกวันแบบนี้เลย”
“เธอไม่เข้าใจ นี่มันคือการโปรโมท เซี่ยงหวั่นฉิงเคยเป็นคนดังทางอินเทอร์เน็ต ผลงานอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น ถ้าไม่มีความสัมพันธ์กับเฉิงเซวียน เธอไม่มีทางได้เซ็นสัญญากับค่ายหนังหรอก ก็เลยต้องมาโชว์ความรักเพื่อให้มีตัวตนหน่อย! ”
“น่ารังเกียจจริงๆ เลย ไม่มีศักยภาพก็เลยอาศัยทางที่ไม่สุจริตเข้ามาในวงการบันเทิง……”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนพวกนั้นยิ่งไม่น่าฟังมากขึ้นเรื่อยๆ
เซี่ยงหวั่นฉิงหน้าแดงบ้างซีดบ้าง
สุดท้าย เธอก็ออกมาจากอ้อมแขนของเฉิงเซวียนด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ฉันกลับก่อนนะ”
เฉิงเซวียนรีบตามไป จับมือเซี่ยงหวั่นฉิงแล้วก็กล่อมเธออยู่นาน
ซูสือเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้ อ่านบทไปด้วย พร้อมกับมองดูเฉิงเซวียนที่เกลี้ยกล่อมเซี่ยงหวั่นฉิงไกลๆ ไปด้วย ก็มีบางอย่างที่รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ
เธอกับเฉิงเซวียนคบกันมาหกปี เฉิงเซวียนเคยปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ที่ไหนกัน?
หลังจากผ่านไปสิบนาที ก็เริ่มถ่ายทำ
ซูสือเยว่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยหันหลังให้กล้อง มองดูเฉิงเซวียนเดินเข้ามาหาตัวเองทีละก้าวๆ
นี่คือละครสมัยใหม่ ในละครนั้นเฉิงเซวียนรับบทเป็นท่านประธานที่ไร้ความเมตตาและเผด็จการ
เฉิงเซวียนที่แต่งหน้าเสร็จแล้วสวมใส่ชุดสูทสีขาวทั้งตัว แล้วก็เดินเข้ามาหาซูสือเยว่อย่างเย็นชา
รอบข้างก็มีเสียงสูดลมหายใจของนักแสดงคนอื่นๆ
“หล่อมากเลย……”
“สมแล้วที่เฉิงเซวียนได้เป็นนักแสดงสุดฮอตที่ได้รางวัล Golden Bullปีนี้ เท่มากเลย! ”
“อยากจะเปลี่ยนสามีจริงๆ เลย……”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว ฟังเสียงชมเชยของคนพวกนี้ แล้วก็มองใบหน้าของเฉิงเซวียนเงียบๆ
ใบหน้านี้ยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้
ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าตอนแรกเธอชอบเขาที่ตรงไหน ถึงได้เสียเวลาหกปีของวัยรุ่นไปเปล่าๆ เพราะผู้ชายคนนี้
เทียบกับฉินโม่หานไม่ได้แม้แต่ครึ่งเดียวเลย
“ซูสือเยว่”
เพราะว่าในฉากนี้ไม่มีบทของพวกเขา ดังนั้นตอนที่เฉิงเซวียนกุมมือซูสือเยว่นั้น ก็กระซิบว่า “เมื่อกี้เธอตั้งใจใช่ไหม? ”
“จงใจพูดว่าแฟนฉันไม่เป็นมืออาชีพ จงใจทำให้หวั่นฉิงถูกคนวิพากษ์วิจารณ์”
ซูสือเยว่หรี่ตา และหัวเราะเยาะ “ถือว่าจงใจก็ได้”
ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าเฉิงเซวียนเป็นคนบอกให้เธอเป็นมืออาชีพก่อน เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะพุ่งเป้าไปที่เซี่ยงหวั่นฉิงหรอก
เธอไม่ได้ว่างเหมือนพวกเขา
“ฉันหวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป”
“หวั่นฉิงนั้นหน้าบาง ไม่เหมือนเธอหรอก ไม่ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ยังไงก็ไม่แคร์”
หัวใจของซูสือเยว่เหมือนตกลงลงไปในก้นบึ้งของถ้ำน้ำแข็ง
เซี่ยงหวั่นฉิงหน้าบาง
แล้วเธอหน้าหนายังงั้นเหรอ?
เฉิงเซวียนยังคงแทงหัวใจของซูสือเยว่ “ต่อไปถ้าเกิดว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”
ซูสือเยว่ยังไม่ทันจะได้โต้กลับคำพูดของเขา อีกฝั่งหนึ่งผู้กำกับก็ตะโกนสั่งคัท
“ซีนนี้ถ่ายแค่ระดับนี้ก็พอแล้ว”
เฉิงเซวียนปล่อยมือของซูสือเยว่ด้วยใบหน้าที่เย็นชา “จำคำพูดของฉันไว้”
ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังของเฉิงเซวียนที่เดินจากไป ก็กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น
ก้นบึ้งของหัวใจเธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกเสียใจหรือว่าทุกข์ใจ
เธอมองออกว่า ในสายตาของเฉิงเซวียนนั้น มีเซี่ยงหวั่นฉิงอยู่ในนั้นจริงๆ
เขาเป็นห่วงเธอ พูดคำพูดที่เลวร้ายเพื่อเธอ หักหลังเธอเพื่อเธอ
แต่ว่าเรื่องพวกนี้ ไม่เคยมีสิ่งไหนที่เฉิงเซวียนเคยทำให้เธอเลย
ในความสัมพันธ์หกปีที่ผ่านมานี้ เธอแพ้อย่างราบคาบ
การทำงานวันหนึ่งจบลง ซูสือเยว่ก็กลับบ้านอย่างไม่มีความสุข
“หม่ามี๊ ไม่มีความสุขเหรอครับ? ”
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ ตระกูลซูก็เท้าคางด้วยทั้งสองมือ ตาโตเป็นประกาย แล้วก็มองหน้าซูสือเยว่อย่างจริงจัง “เย็นนี้หม่ามี๊ยิ้มแค่ห้าครั้งเอง และทั้งห้าครั้งนั้นก็เป็นการฝืนยิ้มด้วย”
“มีเรื่องอะไรในใจเหรอครับ? ”
มองไปที่ดวงตาที่สดใสของเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ซูสือเยว่ก็ส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง “หม่ามี๊ไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรก็แปลกแล้ว!”
ตระกูลซูเบะปาก พูดเรื่องตลกเพื่อหยอกให้ซูสือเยว่มีความสุขไปด้วย แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาพี่ชายตัวเองไปด้วย
“พี่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! วันนี้หม่ามี๊อารมณ์ไม่ดี! ”
ซิงหยุนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ชั้นบนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วก็รีบไปที่ห้องอ่านหนังสือทันที
ในห้องอ่านหนังสือนั้น ฉินโม่หานกำลังก้มหน้าก้มตา ตั้งใจอ่านเอกสาร
พอได้ยินเสียงที่ประตู ผู้ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่ลึกซึ้งไร้ที่สิ้นสุด “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ”
“มี”
ซิงหยุนเดินเข้ามา ขาสั้นๆ ก็ปีนขึ้นเก้าอี้ไป หลังจากนั้นก็ปีนจากเก้าอี้ไปโต๊ะทำงาน สุดท้ายก็นั่งลงตรงหน้าของฉินโม่หาน และจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโต “วันนี้ภรรยาของแด๊ดดี้อารมณ์ไม่ดี”
ผู้ชายคนนั้นเลิกคิ้ว แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก “ขึ้นมา”
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ก็เคาะประตูแล้วเข้ามาด้วยความหวาดกลัว วางสมุดบันทึกเล่มเล็กไว้บนโต๊ะทำงาน “นี่คือการเดินทางของคุณผู้หญิงในวันนี้ครับ”
ตั้งแต่ตอนที่ซูสือเยว่โดนประธานหวางลักพาตัวไปเมื่อครั้งที่แล้ว ฉินโม่หานก็จัดคนโดยเฉพาะ มาแอบปกป้องดูแลซูสือเยว่
ซิงหยุนขมวดคิ้ว แล้วก็หยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นมา โดยฉับพลัน “แฟนเก่ากับเพื่อนรักเก่าของตัวเองโชว์สวีทกัน”
“ดังนั้นหม่ามี๊ก็เลยไม่แฮปปี้”
ฉินโม่หานค่อยๆ ขมวดคิ้วเข้าหากัน
ทั้งๆ ที่วันนั้นตอนที่อยู่ที่กองถ่ายนั้น ก็เห็นตอนที่ซูสือเยว่เผชิญหน้ากับเฉิงเซวียนและเซี่ยงหวั่นฉิง ท่าทางของเธอยังดูง่ายๆ สบายๆ อยู่เลย
แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่มีความสุขเพราะเรื่องนี้กันล่ะ?
เฉิงเซวียนคนนั้น ดีขนาดนั้น จนทำให้เธอลืมไม่ลงเลยยังงั้นเหรอ?
ผู้ชายคนนั้นดึงคอเสื้ออย่างหงุดหงิด แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อไป
ซิงหยุนแย่งเอกสารมา “คุณฉินโม่หาน”
“ในฐานะที่เป็นสามี สิ่งที่แด๊ดดี้ควรจะทำ ก็คือกลับไปกล่อมให้ภรรยาของแด๊ดดี้มีความสุข”
“ไม่ใช่นั่งทำงานอยู่ตรงนี้”
“แด๊ดดี้ต้องรับรู้สถานการณ์ในตอนนี้นะ แด๊ดดี้มีเงินเยอะมากแล้ว แต่ว่ามีภรรยาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น”
น้อยครั้งมากที่ซิงหยุนจะพูดเยอะแบบนี้
ฉินโม่หานมองใบหน้าเล็กๆ ที่จริงจัง แล้วก็คลี่ยิ้ม “ตั้งแต่ตอนที่ซูสือเยว่แต่งงานเข้าบ้านมา ลูกก็พูดเยอะขึ้นเยอะเลยนะ”
ซิงหยุนอึ้งไป หน้าเริ่มแดง “งั้นเหรอ? ”
“อืม”
มือหนาของผู้ชายคนนั้นแย่งเอกสารกลับมาอย่างว่องไว จัดการให้เรียบร้อยแล้วก็วางลงบนโต๊ะ “ลูกชอบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ หืม? ”
“อืม……”
ซิงหยุนเม้มปาก แล้วก็ก้มหน้าลง “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
“แค่รู้สึกสนิทสนมกับเธอมาก เหมือนแม่มากกว่าคนอื่นๆ ”
ฉินโม่หานถอนหายใจออกมา ยกมือขึ้นแล้วอุ้มเด็กตัวน้อยออกมาจากห้องอ่านหนังสือ “งั้นแด๊ดดี้ไปกล่อมเธอก่อนนะ”
“อืม”
นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกแด๊ดดี้อุ้มแบบนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของซิงหยุนก็แดงไปจนถึงคอ “แด๊ดดี้ยอมจะปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ผมดีใจมาก”
ฉินโม่หานยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ในเมื่อพวกลูกยอมรับเธอ แด๊ดดี้เองก็ต้องยอมรับเธอเหมือนกัน”
“เธอคือภรรยาของแด๊ดดี้ แน่นอนว่าต้องไปปลอบเธอหน่อยสิ”
ไปส่งซิงหยุนกลับห้อง ฉินโม่หานก็กลับไปที่ห้องนอน
ในห้องนอนนั้น ซูสือเยว่กำลังหลับตาลง มาสก์หน้าไปด้วย แล้วก็ฟังข่าวไปด้วย
ตอนที่ฉินโม่หานเข้ามานั้น ข่าวก็กำลังรายงานข่าวบันเทิงอยู่พอดี
“คุณเฉิงเซวียน มีการคาดเดาไม่สิ้นสุดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ล่าสุดของคุณ คุณคิดว่ายังไงบ้างคะ? ”
“หลายคนบอกว่าหวั่นฉิงคบผมเพราะว่ามีฐานะสูงกว่า ที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย พวกเราคบกันมาห้าปีแล้ว ตอนที่เธอคบกับผมนั้น ผมยังเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จักอยู่เลย……”
“พรึบ!”
การสัมภาษณ์ของเฉิงเซวียนมาถึงครึ่งหนึ่ง นิ้วที่เรียวยาวของมือหนาก็ปิดข่าวนั้นไป
ซูสือเยว่รีบลืมตาขึ้นมาทันที
ตรงหน้านั้น คือฉินโม่หานที่หล่อกว่าเฉิงเซวียนหลายเท่ามาก
ผู้ชายคนนั้นเลิกคิ้วและมองหน้าเธอ “ตอนกลางวันมองดูพวกเราโชว์ความรักกันที่กองถ่าย ตอนเย็นก็มาฟังข่าวที่พวกเรารักกันอีกยังงั้นเหรอ? ”
“ซูสือเยว่ เธอชอบทารุณตัวเองเหรอ? ”