ซูสือเยว่เดินตามหลังเจี่ยนหมิงจง วนอยู่ในสวนดอกไม้เล็กๆด้านนอกวิลล่า
ชายวัยกลางคนเล่าเรื่องประวัติดอกไม้นานาชนิดในสวนดอกไม้นี้อย่างคึกคัก
ซูสือเยว่ไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูด และเดินตามเขาอย่างคนไร้วิญญาณ
หลังจากที่ทั้งสองเดินอยู่นานพอสมควร ในที่สุดเจี่ยนหมิงจงก็ถอนหายใจออกมา แล้วเดินนำเธอไปยังศาลาเล็กๆในสวนดอกไม้ “ปล่อยวางฉินโม่หานไม่ได้ขนาดนั้นเลย?”
ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นมา หลังจากที่ได้ยินเขาเอ่ยถึงฉินโม่หาน ขอบตาของเธอก็เริ่มแดงขึ้นมา
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด เบี่ยงหน้าหนีแล้วมองไปยังต้นไม้ใบหญ้าในสวนดอกไม้ “ความจำของหนูน่าจะมีน้อยเกินไป”
“ถ้าหนูมีความทรงจำที่มีความสุขมากมาย หนูคงจะไม่จดจำเพียงความสุขที่มีกับเขาอย่างเดียว”
หลังจากที่ความจำเสื่อม เธอจำเรื่องที่มีความสุขในอดีตไม่ได้แม้แต่น้อย จำได้เพียงความทุกข์ที่เคยเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอความจำเสื่อม สิ่งที่ฉินโม่หานมอบให้เธอนั้น มีแต่ความสุข
แต่ตอนนี้ ความสุขพวกนั้น พอนึกย้อน ก็มีแต่ความเจ็บปวดอย่างไร้ขีดจำกัด ที่วนกลับมาหาเธอ
“อาเข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนี้”
เจี่ยนหมิงจงมองไปทางด้านหน้า พูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ “หลงเหลือแต่ความทรงจำที่เจ็บปวด มันยากที่ก้าวผ่านมันไปจริงๆ”
ซูสือเยว่สูดลมหายใจ “คุณอาเจี่ยน คำพูดของอา พูดเหมือนอาเคยความจำเสื่อมเลยค่ะ”
เจี่ยนหมิงจงที่ดึงสติกลับมาได้ ใช้สายตาที่นิ่งมองไปยังใบหน้าของซูสือเยว่ “เธอรู้ได้ไง อาไม่เคยความจำเสื่อม?”
ท่ามกลางสายตาที่ตกใจของเธอ เจี่ยนหมิงจงถอนหายใจออกมา “อาการของอา จริงๆแล้วแย่กว่าเธออีก”
“อาเคย……”
เขามองไปทางข้างหน้า ใช้เวลาอยู่สักพักก่อนที่เขาจะพูดต่อ “อาเคยลืมคนที่อาเคยรัก ยี่สิบกว่าปี”
ซูสือเยว่เบิกตากว้าง
ยี่สิบกว่าปี……
นานพอที่จะมีเธออีกหนึ่งคนเลย!
เธอกัดปากล่างของตัวเอง “งั้นคุณอาเจี่ยนคะ ตอนนี้อายังจำแกได้ไหมคะ?”
เจี่ยนหมิงจงพยักหน้า “เพียงแต่ว่า แกไม่มีโอกาสดูดอกไม้ไฟกับอาแล้ว”
พอได้ยินเขาพูดถึงดอกไม้ไฟ ซูสือเยว่ก็นึกถึงหลิวหรูเยียนแม่ของเธอ อย่างไร้เหตุผล
ไม่ ดูเหมือนว่าตอนนี้ หลิวหรูเยียนก็ไม่ใช่แม่ของเธอ
ผู้ชายคนนั้นที่ปล่อยดอกไม้ไฟทั้งเมืองให้หลิวหรูเยียน ก็คงจะเสียใจมากสินะ ที่ไม่มีโอกาสได้ดูดอกไม้ไปกับเธออีก?
พอนึกได้เท่านี้ ซูสือเยว่ก็ถอนหายใจออกมา “โชคชะตาเล่นตลกจริงๆนะคะ”
“ใช่”
เจี่ยนหมิงจงลุกขึ้นยืน มองไปยังสายรุ้งบนท้องฟ้าที่ไกลออกไป “ถ้าความจำของอากลับได้เร็วกว่านี้ แกอาจจะไม่เป็นเหมือนที่เขาเป็นในตอนนี้”
พูดจบ เขาก็หัวเราะสมเพช “ถ้าเกิดว่า แกไม่ได้เผชิญกับปัญหาพวกนั้น อาอาจจะจำแกไม่ได้เลยก็ได้”
สือเยว่ไม่ค่อยเข้าใจ คำพูดประโยคหลังของชายวัยกลางคน
บรรยากาศเงียบสงบลง
เสียงลมบริเวณรอบๆดังขึ้น ทำให้จิตใจของซูสือเยว่สงบลงในที่สุด
หลังจากที่เธอลังเลอยู่สักพัก ก็เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนหมิงจง “งั้นคุณอาเจี่ยนคะ”
“หนูอยากรู้……”
“ความทรงจำของอากลับมาได้ยังไงคะ?”
เจี่ยนหมิงจงร่างกระตุกอย่างจัง
เขาหันหน้ากลับไป แสงจาก เขามองใบหน้าของซูสือเยว่ด้วยสายตาเคร่งขรึม “รอความทรงจำของเธอกลับมา เธอก็จะรู้เอง”
ซูสือเยว่ไม่รู้ว่าควรต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกยังไง
นี่ถือว่าเป็นคำตอบยังไงกัน?
วิธีการตามหาความทรงจำให้กลับมานั้น รอเธอตามหามันเจอ เธอก็จะรู้เอง?
พอรู้สึกว่าเจี่ยนหมิงจงไม่อยากบอกเธอ ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าเต็มปอดหลับตาลง ก่อนจะเอนหลังพิงเสา แล้วดื่มด่ำลมอ่อนที่พัดมากลับกลิ่นของต้นไม้ที่พัดโชยมา
แม้ว่าการมีอยู่ของเจี่ยนหมิงจงไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้น
แต่สิ่งที่เขาบ่นมาในบ่ายนี้ ทำให้ความรู้สึกของเธอ เธอไม่ได้แย่ขนาดนั้นแล้ว
น่าจะเป็นเพราะว่าเพลียมาก
ซูสือเยว่ที่เอนหลังพิงเสาแล้วหลับตา เพียงไม่นานก็นอนหลับไป
“สือเยว่?”
หลังจากที่มั่นใจว่าเธอนอนแล้ว เจี่ยนหมิงจงก็ถอนหายใจออกมา ยื่นมือออกมาก่อนจะอุ้มเธอขึ้น
จะว่าไปก็น่าละอายใจ
เขาไม่คิดว่าชาตินื้ เขาจะได้อุ้มลูกสาวแท้ๆของตัวเองครั้งแรก ในตอนที่เขาอายุห้าสิบกว่าปี
และลูกสาวของเขานั้น ได้กลายเป็นสาวไปแล้ว
เธอมีลูกสามคน มีครอบครัวของตัวเอง แล้วยังแอบเสียใจเรื่องครอบครัวตัวเองเงียบๆอีก
สิ่งที่เขาพลาดไป ไม่ได้มีเพียงวัยเด็กของซูสือเยว่ แต่คือช่วงชีวิตยี่สิบกว่าปีของซูสือเยว่
ชายวัยกลางคนอุ้มหญิงสาวที่เบาราวกับขนนก
ตอนนั้น……
ถ้าเขาไม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในครั้งนั้น เขาก็จะไม่ตกลงไปในทะเล เขาก็จะไม่โดนแก๊งนั้นจับ และเขาก็จะไม่……
ไม่โดนแก๊งนั้นป้อนยาความจำเสื่อม แล้วหมกตัวอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาเป็นเวลามากกว่ายี่สิบปี
ถ้าไม่ใช่คนของฉินโม่หานเจอตัวเขาเมื่อไม่นานมานี้ ชาตินี้ของเขา คงไม่มีทางจำได้ ว่าตัวเองเคยเป็นหัวหน้าตระกูลเจี่ยน
และคงจำไม่ได้ว่า เขายังมีภรรยาคนหนึ่งที่ดูแลตระกูลเจี่ยนมาหลายปี แล้วก็ลูกสาวที่ภรรยาของเขาปกป้องและไม่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์มาโดยตลอด
ชายวัยกลางคนหรี่ตาลงอย่างเจ็บปวด
ในไม่ช้าก็เร็ว เขาจะกำจัดคนพวกนั้นให้หมด!
……
ซูสือเยว่นอนฝันอย่างยาวนาน
ในความฝันนั้นฉินโม่หานและหยางชิงโยวควงแขนกัน และเดินเข้าไปในงานแต่งงาน
เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดงานแต่ง ร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง
แต่ไม่ว่าเธอจะร้องยังไง หรือตะโกนยังไง ชายในชุดสูทขาวขอบทองคนนั้น ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเธอเลยสักนิด
เธอโดนหลิงซือยู่และหลิงหรานจับตัวไป
พวกเขาบอกกับเธอว่า ชาตินี้ ฉินโม่หานจะไม่มีวันกลับมาหาเธออีก
เธอร้องไห้จนตื่นขึ้นมา
“ฝันร้ายหรอ?”
หลังจากที่เห็นเธอตื่น สุภาพบุรุษตัวน้อยในชุดสีขาวก็ยื่นมือออกมา แล้วจัดระเบียบผ้าห่มบนตัวเธอให้เรียบร้อย “หม่ามี๊ ตอนนี้สองทุ่มแล้วครับ”
“มี๊จะกินอะไรไหมครับ?”
“ผมไปอุ่นอาหารให้หม่ามี๊ได้นะครับ”
ซูสือเยว่ร่างกระตุก ก่อนจะควักซิงหยุนเข้ามากอด
“ลูกคงไม่ทิ้งหม่ามี๊ไปอีกคนใช่ไหม?”
ซิงหยุนขมวดคิ้ว และเดาได้ทันทีว่าเธอฝันร้ายเรื่องอะไร
สุภาพบุรุษตัวน้อยยื่นมือเล็กออกมา แล้วตบหลังเธอเบาๆ “สบายใจได้เลย”
“หม่ามี๊ครับ ผมไม่มีทางไปจากมี๊ ซิงเฉินกับซิงกวางก็จะไม่ไปจากมี๊เหมือนกันครับ”
“แล้วก็……”
เขาลังเลอยู่แป๊ปหนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “พวกเราทุกคนจะไม่มีทางทิ้งมี๊ครับ”
“มี๊ต้องเชื่อว่า ความเข็บปวดในตอนนี้มันแค่ชั่วคราวครับ”
น้ำเสียงเด็กน้อยของเขาพูดปลอบใจเธออย่างเคร่งขรึม จนหัวใจของซูสือเยว่สงบลง
“ลูกกินอะไรหรือยังครับ?”
เด็กชายส่ายหัว
“เราลงไปหาอะไรกินกันดีกว่า!”
ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ อุ้มซิงหยุนขึ้นแล้วเดินลงบันได
ถึงแม้เด็กชายจะขัดขืนมาตลอดทาง แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของเธอได้
หญิงสาวอุ้มเขามาจนถึงห้องรับแขก
สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจมากที่สุดคือ ตอนที่พวกเธอลงมา ภายในห้องรับแขกนั้น แม่บ้านได้เตรียมอาหาร และวางไว้บนโต๊ะเสร็จแล้ว
“คุณซู คุณชายน้อย เมื่อสักครู่คุณหลิงได้ยินเสียงจากชั้นบน เลยรู้ว่าคุณตื่นแล้วค่ะ แกเลยให้พวกดิฉันอุ่นอาหารให้พวกคุณ จะได้กินตอนมันร้อนๆค่ะ”
ซูสือเยว่ชะงัก จากนั้นก็รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณดิฉันหรอกค่ะ ถ้าขอบคุณก็ขอบคุณคุณหลิงเถอะค่ะ”
หลังจากที่แม่บ้านพูดจบ ก็หันหลังแล้วเดินออกไป
ซูสือเยว่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะทานข้าว ระหว่างกินข้าว เธอก็นึกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปด้วย
หลิงซือยู่
ตอนที่ชายคนนี้ปรากฏตัว……แปลกประหลาดจริงๆ
อีกอย่าง ตอนที่พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ถือว่าดีมาก
หลิงซือยู่เรียนอยู่ห้องเดียวกับเธอแค่สองเดือนกว่า
ทำไมตอนนี้เขาถึงเป็นห่วงเธอขนาดนี้ ทำไมถึงพยายามช่วยเธอขนาดนี้?
แล้วก็คุณอาเจี่ยนด้วย
เขาเป็นใครกัน?
เธอคิดยังก็คิดไม่ออก เลยล้มเลิกความคิดทั้งหมดไป
หลังจากทานข้าวเสร็จ เธอนั่งดูทีวีและกอดซิงหยุนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
สิ่งที่ทีวีกำลังฉาย คือข่าวการหมั้นของฉินโม่หานและหยางชิงโยว
แม้ซิงหยุนจะเกลี้ยกล่อมเธอให้ขึ้นห้องอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังหยัดว่าจะดูต่อ
การหนีไม่สามารถแก้ปัญหาได้
“ลำดับต่อไปขอเรียนเชิญอดีตหัวหน้าตระกูลเจี่ยน สามีของหลิวหรูเยียนหัวหน้าคนปัจจุบัน เจี่ยนหมิงจงด้วยครับ!”
เสียงประกาศที่ดังออกมาจากทีวี ทำให้ความคิดของซูสือเยว่ถูกดึงกลับมา
เจี่ยนหมิงจง?
สามีของหลิวหรูเยียน พ่อของหยางชิงโยว?
เขาตายไปยี่สิบกว่าปีแล้วไม่ใช่หรือไง?
ด้วยความสงสัย เธอจึงหันหน้ากลับมา แล้วมองไปยังจอทีวี
ในตอนที่เธอเห็นใบหน้าของเจี่ยนหมิงจงนั้น ร่างกายของเธอนิ่งไปเหมือนถูกแช่แข็ง