ซูสือเยว่นั่งมองจอทีวีตรงหน้าอย่างรู้สึกอึ้ง ในหัวของเธอว่างเปล่า
“สวัสดีครับ ผมอดีตหัวหน้าตระกูลเจี่ยน เจี่ยนหมิงจงครับ แล้วก็เป็นสามีของหลิวหรูเยียนหัวหน้าคนปัจจุบันครับ”
“สัญญาการแต่งงานของตระกูลเจี่ยนและตระกูลจี้ คือสิ่งที่ผมกับหัวหน้าตระกูลจี้ตกลงกันมานานแล้วครับ”
“แม้ว่าเพื่อนเก่าของผมจะไม่อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เคยตกลงกันก็ยังคงอยู่”
“ดังนั้น ผมขอเรียนเชิญทุกท่านอย่างจริงใจ มาร่วมงานแต่งของลูกสาวผมกับฉินโม่หาน ในอีกสิบวันด้วยนะครับ”
“ขอบคุณทุกคนครับ”
……
ในจอทีวีนั้น เจี่ยนหมิงจงยืนยิ้มแย้มอยู่ข้างหยางชิงโยว และกำลังตอบคำถามของนักข่าว
หน้าตาของเขา กับหยางชิงโยวค่อนข้างคล้ายกัน
ซูสือเยว่รู้สึกขาของเธอเริ่มอ่อน
ทำไมถึง……
เป็นไปได้ยังไง!
คุณอาเจี่ยนที่อยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งบ่าย ปลอบเธอว่าไม่ต้องเสียใจ บอกเธอว่าฉินโม่หานไม่ควรได้รับมัน……
กลับเป็นอดีตหัวหน้าตระกูลเจี่ยน
พ่อแท้ๆของหยางชิงโยว!
ใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว เริ่มซีดลง
นี่มันอะไรกัน?
พ่อของคนๆหนึ่ง มาปลอบใจหญิงสาวที่มาแย่งความรักจากลูกสาวตัวเอง บอกเธอว่า ไม่ต้องเสียใจ ผู้ชายคนนั้นไม่คู่ควร
การกำจัดคนคนหนึ่งโดยที่ไม่ต้องลงมือ เป็นแบบนี้นี่เอง
มือทั้งคู่ของซูสือเยว่ กำแน่นอยู่ข้างลำตัว
“หม่ามี๊”
พอเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดี ซิงหยุนรีบปิดทีวี
เด็กชายกุมมือที่กำไว้ของซูสือเยว่ “มี๊……เป็นอะไรครับ?”
ซูสือเยว่หลับตาลง เงียบอยู่นานสองนาน
ในเวลานี้นั่นเอง ประตูวิลล่าถูกเปิดออก
ชายวัยกลางคนที่โดนลมในตอนกลางคืนพัดผลักประตูเข้ามา
“ฝนตกอีกแล้ว”
ระหว่างที่เจี่ยนหมิงจงถอดเสื้อกันหนาว ก็หันมายกยิ้มให้กับซูสือเยว่และซิงหยุน “คงจะเข้าฤดูฝนแล้วสินะ”
“คุณเจี่ยน”
ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึก หันหน้ามา แล้วมองจ้องมายังเขา “ขอบคุณที่ดูแลกับปลอบใจหนูวันนี้นะคะ”
“แต่หนูสงสัยมากเลยค่ะ”
หญิงสาวกัดริมฝีปากของตัวเอง ยกขอบตาที่แดงก่ำของเธอขึ้น แล้วจ้องเล็งไปยังใบหน้าของเจี่ยนหมิงจง “เมื่อตอนบ่าย คุณมาปลอบหนูด้วยอารมณ์แบบไหนหรอคะ?”
“คุณเห็นหนูเป็นคนโง่ หรือว่าการปั่นหัวหนูนั้น เป็นเรื่องสนุก?”
เจี่ยนหมิงจงชะงักอย่างรุนแรง
เขาขมวดคิ้ว พอจะคาดเดาความหมายของคำพูดซูสือเยว่
ชายวัยกลางคนถอนหายใจ แล้วเดินมาคบบ่าซูสือเยว่เบาๆ “เธออย่าคิดว่าคนจะชั่วร้ายขนาดนั้นสิ”
“ที่จริงแล้ว……”
“ที่จริงแล้วโลกนี้มันทั้งโหดร้ายและเยือกเย็น ไม่ใช่หรอ?”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใช้สายตาที่มีความแกลียดชังมองไปยังเจี่ยนหมิงจง “ถ้าวันนี้หนูไม่ได้ดูทีวี หนูคงไม่มีวันรู้ว่า……”
“คนที่ปลอบหนู ดูแลหนูมาตลอด แท้จริงแล้วคือพ่อของผู้หญิงที่ทำให้หนูเจ็บปวดที่สุด”
เธอกัดฟันแน่น “คนตระกูลเจี่ยนพวกคุณ เก่งจริงๆนะคะ”
เริ่มจากผู้ดูแลบ้านเสิ่นของตระกูลเจี่ยน
ทุกคนกำลังปั่นหัวเธอ หลอกเธอ!
บอกว่าเธอคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจี่ยน บอกว่าเธอคืคนดี!
แต่ผลที่ได้หล่ะ?
เธอสูญเสียฉินโม่หานไป
สูญเสียความสุขเพียงหนึ่งเดียวของเธอไป
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว
พอคิดได้เท่านี้ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “หนูไม่อยากอยู่กับคนแบบนี้ใต้หลังคาเดียวกัน”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกเท้า แล้ววิ่งเข้าไปกลางสายฝน
เจี่ยนหมิงจงเลิกคิ้วขึ้น กำลังจะตามเธอไป แต่โดนซิงหยุนดึงไว้ก่อน
เด็กชายส่ายหัวให้กับเจี่ยนหมิงจง “ถ้าคุณออกไปหาหม่ามี๊ตอนนี้ สถานการณ์จะแย่กว่าเดิมครับ”
เจี่ยนหมิงจงชะงัก ก่อนจะเดินบันไดขึ้นชั้นบน แล้วลากหลิงซือยู่ที่กำลังนอนอยู่ให้ลุกขึ้น
“ทำไมไปตากฝนอีกแล้ว?”
หลิงซือยู่เคาะหัวของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาแล้ววิ่งตามออกไป
ค่อยยังชั่วที่ฝนไม่ได้ตกหนักมาก
น้ำฝนกระปริดกระปรอย ไม่ได้ถึงขั้นที่จะทำให้เป็นไข้ได้
ตอนที่ชายหนุ่มเจอตัวซูสือเยว่นั้น ซูสือเยว่ยืนอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ มองทุกอย่างระหว่างสายฝนที่ไหลลงมาจากฟ้าสู่พื้นอย่างเงียบๆ
“พอได้แล้ว”
หลิงซือยู่ถอนหายใจ กางร่มยืนอยู่หลังของซูสือเยว่ “จริงๆคุณอาเจี่ยนไม่ได้คิดร้ายอะไรเลย”
“เธอก็คิดเสียว่า……เขากำลังชดใช้ให้เธอแทนหยางชิงโยวกับฉินโม่หาน”
ซูสือเยว่เกี่ยวยิ้มมุมปาก มองหลิงซือยู่กลับด้วยสายตาเยือกเย็น “การชดใช้แบบจอมปลอมหรอ?”
พูดจบ เธอก็หันหน้ากลับ มองฝนที่กำลังตก “จริงๆแล้ว……”
“จริงๆแล้วถ้าเขาไม่มาปลอบใจหรือดูแล ฉันพอทำใจเองได้”
“ก็แค่ผู้ชายคนเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย”
“ถึงแม้……”
ถึงแม้จะก่อนหรือหลังจากที่เธอความจำเสื่อม คนที่เธอตกหลุมรักมีเพียงเขา
แต่นี่ก็แสดงให้เห็นแค่ว่า เขาเป็นผู้ชายที่ตรงตามสเปคของเธอเฉยๆ
เธอเชื่อว่า บนโลกใบนี้ยังมีผู้ชายแบบนี้อีกเยอะ
ก็อย่างเช่น……
เช่นหลิงซือยู่ข้างเธอ
ถึงแม้ว่าสมัยม.ต้นเขามักจะโดนเพื่อนเรียกว่าไอ่อ้วนไอ่อ้วน แต่ตอนโตเขากลับผอมลงไปเยอะ เขาดูดีขึ้นมากๆ และดูโดดเด่น
“ก็ใช่”
พอเห็นว่าเธอคิดได้ หลิงซือยู่ก็รีบพยักหน้า “ผู้ชายบนโลกนี้ยังมีอีกตั้งเยอะ”
“อีกอย่าง”
ชายหนุ่มตบบ่าซูสือเยว่ “ฉันเคยได้ยินว่า การที่จะลืมความสัมพันธ์หนึ่ง คือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่”
“ช่วงนี้เธอก็เปิดใจได้ หาผู้ชายในแบบที่เธอชอบ จะได้ไม่ต้องเศร้าขนาดนี้!”
เพราะยังไงแล้วก็เหลือแค่อีกสิบวัน
เขาพูดแบบนี้ ก็เพื่อที่จะเบี่ยงเบนความคิดของเธอ
หลิงซือยู่รู้สึกว่า ซูสือเยว่คงจะไม่มีครอบครัวใหม่ได้ภายในช่วงสิบวันนี้หรอกมั้ง?
จากที่เขารู้จักเธอมา เธอไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆแบบนั้น
แต่ที่หลิงซือยู่คาดไม่ถึงคือ……
หลังจากที่เขาพูดจบ ซูสือเยว่ก็หันมาหาเขา จ้องมองไปที่ใบหน้าของเขา
ท่าทางของเธอที่มองเขาอย่างจริงใจ ทำให้หลิงซือยู่ตื่นตระหนกอย่างไร้เหตุผล
ความรู้สึกนั้น เหมือนเมื่อหลายปีก่อน ที่เขาเลิ่กลั่กเพราะโดนจับได้ว่าเขาลอกการบ้านเธอ
ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย “ทำ……ทำไมหรอ?”
“หลิงซือยู่”
ซูสือเยว่มองใบหน้าของเขา เปิดปากพูดอย่างจริงจัง “ฉันรู้สึกว่าจริงๆนายก็ไม่แย่”
หลิงซือยู่:“?”
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ยื่นมือออกมา จับแขนของหลิงซือยู่เอาไว้ทันที “เอางี้ไหม นายมาเป็นแฟนฉันดีไหม?”
หลิงซือยู่ตกใจจนแทบกระโดดหนี
เขามองใบหน้าซูสือเยว่ด้วยสีหน้าที่ตกใจ “เธอ……ล้อเล่นใช่ไหม?”
กะทันหันแบบนี้เลย?
ซูสือเยว่มองเขา สายตาเต็มไปด้วยความตั้งใจ “ฉันไม่ได้ล้อเล่น”
“ฉันเห็นด้วยกับนานย”
“วิธีที่ดีที่สุดในการลืมความสัมพันธ์หนึ่ง คือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่”
“ฉันจำได้ว่าต้อนม.ต้น นายเคยชอบฉัน ใช่ไหม?”
“ตอนที่นายจะย้ายโรงเรียน นายทิ้งจดหมายบอกรักไว้ที่ใต้โต๊ะฉันด้วย”
และแล้ว หญิงสายก็ถอนหายใจออกมายาวๆ “ตอนนี้ฉันโสด นายก็ไม่มีแฟนด้วย”
“เราคบกันเถอะ”
หลิงซือยู่:“……”
ใครบอกว่าเขาไม่มีแฟนกัน!?
เขามีแฟนสาวในโลกออนไลน์เป็นสิบ!